ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 60 ผมชอบคุณเพียงคนเดียว

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 60 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินคำพูดของผม เธอพูดกับตัวเองว่า “อันที่จริง หลังจากเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายของคุณ ฉันรู้สึกผิดมาโดยตลอด ฉันไม่กล้าคิดเลยว่าคุณจะเจออะไรมาบ้างในคุก ฉันรู้แค่ว่ารอยแผลเป็นพวกนั้นคงเจ็บปวดมากๆ ”

“ถ้าตอนนั้นฉันไม่หนีปัญหา คุณคงไม่เป็นอย่างนี้ ฉันรู้สึกผิดและตำหนิตัวเองมาโดยตลอด แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะชดเชยคุณยังไง ไม่รู้ว่าจะขอโทษคุณยังไงด้วย เพราะคุณมักจะทำตัวสถุลและไร้ยางอาย ทำให้ฉันโกรธ……”

“ประธานไป๋ หยุดก่อน ถ้าคุณอยากชดเชยให้ผม มันง่ายมาก คุณแค่คบหาดูใจกับผมก็พอ”

ดูเหมือนเธอไม่ได้ยินคำพูดของผมเลย เธอยังคงพูดกับตัวเอง “อันที่จริง ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนเลวร้าย ฉันมองออกตั้งแต่วันสงกรานต์แล้ว คุณเป็นคนใจดีและอ่อนโยน ยังมีเรื่องของเมื่อคืนด้วย ฉันไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนที่ตื่นฉันก็เห็นตัวเองห่มผ้าอยู่……ขอบคุณมากๆ ”

“และฉันยังรู้ว่าคุณโดนบัญชาและพรรคพวกรุมทำร้ายในตอนกลางคืนของวันสงกรานต์ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่กับคุณด้วย ดูเหมือนเธอจะชื่อเหวินเจีย ใช่ไหม? ฉันได้ข่าวว่าคุณพาเธอผ่าวงล้อมจากคนนับร้อยออกมา……”

“คุณคิดว่าผมเก่งมากๆ เลยใช่ไหม?”ผมอดไม่ได้ก็เลยพูดขัดจังหวะของเธอ”คุณคิดว่าผมพิเศษกว่าคนอื่นใช่ไหม ผมแมนมากๆ ใช่ไหม? คุณจะคบหาดูใจกับผมไหม?”

“คุณชอบเธอหรือเปล่า? ผู้หญิงที่ชื่อเหวินเจีย”เธอไม่ตอบแต่ถามผม

ผมหลบสายตาของเธอและยิ้ม “ผมชอบคุณเพียงคนเดียว”

ไป๋เวยไม่ได้ถามเรื่องนั้นต่อ เธอมองผมอย่างเงียบๆ

ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ เธอก็ถามอีกครั้ง “แล้วหลินโล่สุ่ยล่ะ? เป็นเพราะคุณติดคุก เธอก็เลยทิ้งคุณไป? แต่คุณก็ยังรักเธออยู่ใช่ไหม?”

“ทำไมคุณถึงพูดมากอย่างนี้?”ผมเริ่มโมโหและขมวดคิ้ว

แต่เธอกลับไม่สนใจและพูดเบาๆ ว่า “ฉันทายถูกใช่ไหม”

ผมทนไม่ไหว เอื้อมมือออกไปและกอดเธอไว้ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด และจูบเธออย่างแรง

เธอดิ้นอย่างแรง ผลักผมออกไปอย่างแรง กัดริมฝีปากตัวเองและมองผมด้วยความโกรธ

“ประธานไป๋ คุณจำไว้ให้ดี ผมรักคุณเพียงคนเดียว”ผมพูดอย่างจริงจัง

“หึ!”

เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ ยืนขึ้นและเดินไปที่รถราง

ตลอดทาง เธอไม่พูดอะไรอีก นั่งเงียบๆ อยู่บนรถรางและชมวิว

ผมไม่ได้สนใจเธอ เพราะในสมองปรากฏแต่ภาพของเหวินเจียกับหลินโล่สุ่ย

พวกเราออกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินเคียงข้างกันอยู่บนถนนแต่ไม่พูดอะไรกันเลย

พวกเราเดินมาถึงถนนนิมมานโดยไม่รู้ตัว ในเชียงใหม่ถนนเส้นเล็กๆ นี้มีร้านอาหารชื่อดังรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก

“ฉันหิวแล้ว”

ไป๋เวยหยุดอยู่ที่ป้ายบอกทางร้านข้าวซอยแห่งหนึ่ง

ผมมองดูนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงวันแล้ว ดังนั้นผมก็เลยพยักหน้า “พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมได้ยินมาว่ามีของอร่อยมากมายอยู่ในถนนเส้นนี้”

“เอาร้านนี้ละกัน”ไป๋เวยชี้ไปที่ป้ายบอกทางที่มีภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่

“ไม่ได้ ข้าวซอยมันเผ็ด คุณเป็นประจำเดือนทานของเผ็ดไม่ได้”

“ฉันได้ยินมาว่าข้าวซอยเผ็ดนิดเดียวเอง และเราสามารถบอกพวกเขาว่าไม่เอาเผ็ดได้”

“เผ็ดนิดเดียวก็ทานไม่ได้ ทานอย่างอื่นได้ไหม แถวนี้มีร้านอาหารฟิวชั่นเจ้าดังร้านหนึ่ง”

“ไม่เอา ฉันจะทานข้าวซอย”

ขณะพูด ไป๋เวยก็เลี้ยวเข้าไปในซอยตามป้ายบอกทาง

ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินตามเธอเข้าไป

ไป๋เวยสั่งข้าวซอยเนื้อ ส่วนผมสั่งข้าวซอยไก่ หลังจากได้ข้าวซอยแล้วเธอก็คีบขึ้นมาทานคำหนึ่ง จากนั้นสีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข

ผมลองทานไปคำหนึ่ง และพบว่าเธอเลือกร้านได้ดีมากๆ ข้าวซอยร้านนี้รสชาติดีจริงๆ

ขณะกินอย่างเอร็ดอร่อย จู่ๆ เธอก็ยื่นตะเกียบออกมาและพูด “ฉันอยากลองชิมข้าวซอยไก่ ได้ไหม?”

ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็คีบเนื้อไก่หลายๆ ชิ้นไปใส่ในชามของเธอ

“ขอบคุณ”เธอพูดเบาๆ

รอจนเธอกินเนื้อไก่เสร็จ ผมอดไม่ได้ก็เลยพูดหยอกล้อเธอ “คุณชอบรสชาติน้ำลายของผมใช่ไหม?”

เธอหยุดกินและกัดริมฝีปากของตัวเอง พูดด้วยความโกรธ “ถ้าฉันไม่ได้รู้สึกผิดกับเรื่องในอดีต ฉันคงจะแจ้งตำรวจจับอันธพาลอย่างคุณเข้าคุกไปแล้ว”

“เหอะๆ คุณสามารถส่งผมเข้าไปในคุกอีกครั้งก็ได้ ถ้าผมออกมาได้ก็เป็นอันธพาลมากกว่าตอนนี้”

“ตำรวจไม่ควรปล่อยอันธพาลอย่างคุณออกมา กลายเป็นความหายนะสังคม”

“คุณพูดผิดแล้ว ผมเป็นหายนะของคุณเพียงคนเดียว”

“หึ!”

เธอเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นก็ทานอาหารต่อ

ผมก็หยอกล้อเธออีกครั้ง “คุณทานเนื้อไก่ของผม ไม่คืนเนื้อมาให้ผมสองชินสินะ?”

เธอหยิบชามขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว และคีบเนื้อในชามของเธอทั้งหมดมาใส่ในชามของผม

ผมกลั้นหัวเราะ คีบเนื้อในชามทั้งหมดคืนให้เธอ และคีบเนื้อไก่ให้เธอด้วย

เธอไม่ได้ปฏิเสธและก้มหน้าทานข้าวซอย

วันนี้ ผมเห็นนิสัยอีกด้านหนึ่งของไป๋เวย เธอไม่ได้เย็นชาและเย่อหยิ่งตลอด และนั้นไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของเธอ

เงียบสงบ อ่อนช้อย มีความน่ารักและขี้งกเล็กน้อย นี่ต่างหากที่เป็นนิสัยที่แท้จริงของเธอ

นิสัยของเธอในตอนนี้เข้ากับคนง่ายมากๆ

หลังจากทานเสร็จ พวกเราเดินเที่ยวในถนนนิมมาน จากนั้นก็นั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับโรงแรม ต่างคนต่างกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง

ตอนบ่ายสองครึ่ง ผมตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ลุกจากเตียงแล้วไปอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็เดินไปเคาะประตูของไป๋เวย

ผ่านไปสักพักประตูถึงเปิด ครั้งนี้ไป๋เวยไม่ได้ล็อกโซ่คล้องประตูไว้ และปล่อยให้ผมเข้าห้องของเธอ เธอเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำด้วยความเฉื่อยๆ

ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองเธอเก็บข้าวของอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกดีๆ ที่อธิบายไม่ถูกเกิดขึ้นในหัวใจ

รู้สึกอบอุ่น เงียบสงบและอิ่มเอมในใจ แต่ความรู้สึกนี้มันเหมือนภาพมายา มันดูเปราะบาง เปราะบางมากๆ จนดูเหมือนถ้าผมพูดออกมามันก็คงจะแตกสลายไป

จู่ๆ ผมก็รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที การที่ผมตามจีบไป๋เวย มันถูกหรือผิดกันแน่?

ผมไม่มีคำตอบให้ตัวเอง

ผมรู้แค่ว่าตัวเองเคยจินตนาการถึงภาพแบบนี้มาก่อน มีผู้หญิงใจดีและสวยคนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่ในห้อง ผมกำลังมองเธออย่างเงียบๆ เธอหันกลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผมเป็นครั้งคราว ในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก

ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นหลินโล่สุ่ย หลังจากหลินโล่สุ่ยก็จากผมไป ผมก็จินตนาการผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา แต่เธอไม่มีตัวตนอยู่จริง

ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าไป๋เวยเหมือนผู้หญิงคนนั้นที่ผมจินตนาการขึ้นมามากๆ

บางทีมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตา

หลังจากที่ไป๋เวยเก็บข้าวของจนเสร็จ พวกเราก็ออกจากโรงแรมและนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปที่โรงแรมอิมพีเรียล

เติ้งลี่จวินชอบเชียงใหม่มากๆ ทุกครั้งที่เธอมาเชียงใหม่ก็จะพักห้องชุด 1502 ของโรงแรมนี้เสมอ และเธอก็เสียชีวิตที่ห้องนี้ด้วย

บริเวณที่นั่งรอด้านนอกของห้องชุดจะเปิดสารคดีของเติ้งลี่จวิน เปิดเพลงยอดฮิตหลายๆ เพลงที่เธอขับร้อง ทางเข้าห้องชุดจัดแสดงภาพถ่ายของเธอกับพนักงานในโรงแรม ในห้องยังคงเก็บรักษาไว้ในสภาพที่เธอเคยเข้าพัก และทางโรงแรมได้เปลี่ยนดอกไม้สดทุกวัน

พวกเขาใช้วิธีนี้ในการรำลึกถึงเติ้งลี่จวิน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด