ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่83 ตัดสิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 83 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ช่วยคุณ แค่ไม่อยากให้กระทบความร่วมมือกันระหว่างบริษัทและBTTเท่านั้น อีกอย่าง คนที่คุณต้องขอบคุณคือลุงเฉิง เขาออกโรงช่วยจึงจัดการได้”

“อืม ถ้ามีโอกาสผมจะขอบคุณเขา”

ไป๋เวยไม่ตอบอะไร เดินไปที่ประตูห้องทำงานอย่างไม่มองสิ่งรอบข้าง เลื่อนประตูเดินเข้าไป

ผ่านไปสักแป๊บ เธอเดินออกมาอีกครั้ง ยืนที่ประตูแล้วถาม “คุณจองตั๋วเครื่องบินแล้วยัง?”

“จองแล้ว ไฟล์ทหนึ่งทุ่มตรง”

“จองให้ฉันด้วยหนึ่งที่”

ผมชะงัก “คุณจะไปด้วยเหรอ?”

“อืม ช่วงนี้ที่บริษัทไม่มีเรื่องสำคัญอะไร จะเกิดอะไรขึ้นที่BTTไม่ได้เป็นอันขาด ฉันกลัวว่าคุณคนเดียวจะจัดการไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินไปขอโทษคุณอนุรักษ์ด้วยตัวเอง”

“ยังมีอีกเรื่อง เมื่อตอนเที่ยงฝ่ายบุคคลเอาเอกสารยกเลิกสัญญาของคุณมาให้ฉัน ฉันไม่เซ็น ต่อมาได้คุยกับจางอี้หลิน หัวหน้าของแผนกต่างๆ ก็อยู่ด้วย จางอี้หลินพูดว่าจะไล่คุณออก ฉันไม่ยอม เขาบอกว่าช่วงบ่ายจะประชุมกับหัวหน้าคนอื่นๆโดยให้คุณเข้าร่วม ให้คุณอธิบายต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมด จากนั้นก็โหวตกันเดี๋ยวนั้น ถึงตอนนั้นฉันอาจจะช่วยคุณไม่ได้ เพราะประธานโจวรู้เรื่องนี้แล้ว เขาไม่ค่อยโอเคกับมันสักเท่าไหร่”

พูดจบ ไป๋เวยไม่รอให้ผมตอบกลับแล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงานเลย

ประธานโจวที่ไป๋เวยพูดถึง ก็คือโจวปิ่นคุนผู้จัดการใหญ่ของบริษัทจื้อเหวินซอฟต์แวร์ เรื่องเมื่อเช้าใหญ่โตขนาดนี้ เฉาเหวินหวยยังตะโกนเอะอะโวยวายแล้วยังถูกผมต่อยอีก ต้องดังไปถึงหูของผู้บริหารแน่นอน

ผมไม่ค่อยใส่ใจมากนัก อยู่ต่อได้จะดีที่สุด เพราะความจริงแล้วงานนี้ไม่เลวจริงๆ และสิ่งที่สำคัญกว่าคือจะทำให้กงเจิ้งเหวินไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

ถ้าไม่ได้ทำต่อก็ช่าง ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก

สิ่งที่ชื่นใจคือ ไป๋เวยยังพยายามช่วยผม

ผ่านไปสักพัก ไป๋เวยส่งข้อมูลให้ผมทางQQ ผมได้จองตั๋วเครื่องบินให้เธอด้วยหนึ่งที่ โชคดีที่ยังมีที่ว่างในไฟล์ทเดียวกันอยู่

ความจริงเธอไปด้วยกันก็ดีอยู่นะ อย่างน้อยผมก็ไม่รู้สึกเบื่ออะไรขนาดนั้น

ตอนใกล้ๆช่วงเวลาบ่ายสาม ผมได้รับสายจากฝ่ายบุคคล ให้ผมไปประชุมที่ห้องประชุมเล็ก ก็คือการประชุมในเชิงตัดสินใจที่ไป๋เวยพูดไว้นั่นแหละ

เมื่อวางสาย ตอนที่ยืนขึ้นจะเดินไป ไป๋เวยออกมาจากห้องทำงาน มองผม แล้วกล่าว “ได้รับแจ้งแล้วยัง?”

“ได้รับแล้ว”

ไป๋เวยเดินตามทางเดินโดยไม่มองสิ่งรอบข้าง แล้วกล่าว “ไปเถอะ เดี๋ยวคุณทำตัวดีๆล่ะ”

ผมยิ้มไม่พูดอะไร มาห้องประชุมกับเธออย่างสงบ

ตอนที่ผลักประตูเข้าไป พบว่าโต๊ะยาวด้านในตัวนั้น มีคนนั่งแล้วหลายคน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา น่าจะเป็นหัวหน้าของแผนกอื่นที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

จางอี้หลินนั่งตรงกลาง ข้างๆว่างอยู่สองที่ ไป๋เวยเดินไปนั่งหนึ่งในเก้าอี้สองตัวนั้น เว้นว่างเก้าอี้ตัวตรงกลางไว้

ดูๆแล้ว อีกแป๊บโจวปิ่นคุนผู้บริหารบริษัทก็จะมา

โดยหลักแล้ว ผมเป็นเพียงผู้ช่วยที่จิ๊บจ๊อยเท่านั้น จะไล่ออกก็ไล่ได้ มากสุดก็แค่ไป๋เวยกับจางอี้หลินขัดแย้งกันก็เท่านั้น เรื่องบ้าๆแบบนี้ไม่คุ้มที่จะให้ผู้บริหารมาเข้าร่วมในการตัดสินใจด้วยตัวเอง

แต่เรื่องนี้กงเจิ้งเหวินบงการอยู่เบื้องหลัง เป็นไปได้มากว่าโจวปิ่นคุนรู้แล้ว สำหรับคนระดับนี้ ผมผู้ช่วยจิ๊บจ๊อยไม่สำคัญอะไรแม้แต่น้อย สำคัญคือฝ่ายบริหาร

เรื่องนี้อาจจะเปลี่ยนมุมเป็นเกมระหว่างไป๋เวยและกงเจิ้งเหวิน บริษัทจื้อเหวินซอฟต์แวร์เป็นบริษัทย่อยเจ้าของคนเดียวของบริษัทยู่เฟิงกรุ๊ปเท่านั้น กงเจิ้งเหวินคือรองประธานของฝ่ายธุรกิจจินฝูของยู่เฟิง และเป็นลูกชายของผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่ง ไป๋เวยเจ๋งกว่า ประธานกรรมการคนปัจจุบันแซ่ไป๋ ไม่รู้ว่าเป็นพ่อของเธอหรือเป็นปู่ของเธอหรือญาติคนอื่นของเธอ ยังไงสถานะของเธอก็ไม่ด้อยไปกว่ากงเจิ้งเหวิน

เหมือนว่าโจวปิ่นคุนต้องดูท่าทีของตระกูลกง และยิ่งดูท่าทีของตระกูลไป๋เป็นหลัก เมื่อลูกเศรษฐีทั้งสองขัดแย้งกัน คนที่อยู่ตรงกลางวางตัวยากมากที่สุด ถ้าจัดการไม่ดีก็มีปัญหากับทั้งสองฝ่าย

หลังจากเข้าห้องประชุม ผู้ช่วยคนสวยที่ใส่แว่นกรอบดำคนนั้นของจางอี้หลินชี้อีกข้างโต๊ะประชุมด้วยสีหน้าเย็นชา “ฟางหยาง คุณนั่งตรงนั้น”

ผมไม่ตอบอะไร เดินไปฝั่งตรงข้ามทันที นั่งลงที่ตรงกลาง

ที่นั่งด้านนี้เว้นว่างไว้ทั้งหมด ทุกคนล้วนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม นี่เป็นการตัดสินแบบจริงๆจังๆแล้วล่ะ

ไม่มีใครพูดจา ราวกับกำลังรอโจวปิ่นคุนกัน นอกจากจางอี้หลินและไป๋เวย ผู้บริหารคนอื่นๆล้วนจ้องมาที่ผมอย่างสงบ

ในห้องทำงานเงียบจนแปลก เหมือนกับก่อนจะตัดสินโทษจำเลยต้องบีบจำเลยก่อน ให้จำเลยจิตใจพังทลายแล้วยอมรับผิดเอง

แต่ผมนิ่งสงบมาก ไม่หวาดผวาแต่อย่างใด มองดอกไม้ปลอมที่สวยงามในแจกันบนโต๊ะประชุมโดยไม่มองสิ่งรอบๆ

เพราะเผชิญหน้ากับพวกชั้นนำสุดร่ำรวยในวงการธุรกิจรวมกันก็ยังสู้ผมคนเดียวไม่ได้

แต่ผมจะจริงจังกับการประชุมในครั้งน เพราะต้องทำงานต่อให้ได้ถึงจะดีที่สุด ให้กงเจิ้งเหวินจ่ายเงินไปแต่กลับไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ให้เขาโมโหแต่กลับทำอะไรไม่ได้

หลังจากที่นั่งอย่างเงียบๆห้านาที และแล้วประตูของห้องประชุมก็ถูกผลักออก วัยกลางคนคนหนึ่งที่สูงพอประมาณหัวเถิกหน่อยเดินเข้ามา ก็คือโจวปิ่นคุนผู้จัดการของบริษัท ดูท่าทางไม่ต่างจากในรูปมากนัก

“ประธานโจว”

คนที่อยู่ในห้องประชุมต่างพากันลุกขึ้นทักทายโจวปิ่นคุน

โจวปิ่นคุนยิ้มพยักหน้าทักทายให้ผู้คน จากนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ตรงข้ามผม

คนพวกนั้นไม่พูดไม่จาอีกแล้ว ราวกับกำลังรอให้โจวปิ่นคุนพูดก่อน แต่โจวปิ่นคุนจ้องผมไม่ละสายตา หลังจากจ้องไปได้หนึ่งนาทีจึงได้พูดกับคนข้างๆอย่างสงสัยว่า “ยังมีใครที่ยังไม่มาอีกมั้ย?ถ้าไม่มีก็เริ่มกันได้เลย”

“ได้ครับ ประธานโจว”

จางอี้หลินตอบรับ เตรียมเสียง มองมาที่ผมอย่างเคร่งขรึม แล้วกล่าว “ฟางหยาง คุณเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเช้า แล้วก็ที่มาของคลิปนั่นอีกรอบ ละเอียดหน่อย ห้ามตกหล่นแม้แต่นิดเดียว”

ผมพยักหน้า “พูดเรื่องคลิปก่อนก็แล้วกันนะครับ เริ่มจากโปรเจ็กต์BTTที่ประเทศไทย……”

ผมพูดอย่างสงบว่าเรื่องที่ตัวเองได้โปรเจ็กต์BTTมาได้อย่างไร ถูกเฉาเหวินหวยทำร้ายอย่างไร ตนวางแผนให้เฉาเหวินหวยและอนุรักษ์ไปเจอกันที่บาร์เกย์ ทำให้พวกเขาเกิดความเข้าใจผิดจนความสัมพันธ์แตกหักได้อย่างไร โดยเน้นอธิบายการที่บริษัทได้โปรเจ็กต์BTT ว่าใช้แผนการที่ไม่สะอาดจึงได้มันมา

เมื่อพูดถึงจุดนี้ โจวปิ่นคุนขัดจังหวะผม ถามไป๋เวยถึงข้อเท็จจริงในเรื่อง

ไป๋เวยก็ปริปากยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดคือความจริงทั้งหมด แล้วยังพูดว่าเธออยู่ในเหตุการณ์อีกด้วย

ตอนที่ผมกำลังจะพูดต่อ จางอี้หลินแทรกขึ้นมา “ฟางหยาง คุณนัดเฉาเหวินหวยกับอนุรักษ์ไปบาร์ ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ทำไมต้องถ่ายคลิปไว้ด้วย?”

ผมยิ้มเบาๆ “ผมกลัวว่าอนุรักษ์และเฉาเหวินหวยไม่แตกหัก ดังนั้นจึงอยากถ่ายคลิปไว้ ถ้าอนุรักษ์ยังร่วมมือกับเฉาเหวินหวย ผมจะใช้คลิปข่มขู่พวกเขา แย่งโปรเจ็กต์นี้ต่ออีก”

เพิ่งพูดจบ ระดับสูงฝั่งตรงข้ามต่างพากันขมวดคิ้วเคร่งเครียด แล้วถกเถียงกระซิบกระซาบกัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด