ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 31 เปลี่ยนสีหน้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 31 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ผมอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ แอบอุทานว่าความรวดเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าของเขาไวยิ่งกว่าการแสดงเปลี่ยนหน้ากากเสียอีก

แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ไป๋เวยก็ยิ่งโมโห หันหน้ากลับมาอีกครั้งแล้วถามขึ้นอย่างเยือกเย็น “ฟางหยาง เจิ้งเหวินล่วงเกินคุณตรงไหน? ทำไมต้องลงมือกับเขา?”

ผมยักไหล่อย่างผู้บริสุทธิ์ “คือประธานกงที่พุ่งมาชนผมเอง ผมก็แค่ใช้มือกันเอาไว้ทีหนึ่งก็เท่านั้น ทำไมถึงได้กลายเป็นผมลงมือกับเขาแล้ว?”

“คุณเพียงแค่กันเอาไว้ทีหนึ่งงั้นเหรอ? หากคุณไม่ผลักเขาล่ะก็ เขาจะล้มไปได้ยังไงกัน?”

ในขณะที่ผมกำลังจะโต้แย้ง กงเจิ้งเหวินก็จับไป๋เวยและขวางเอาไว้ที่ด้านหน้า เอ่ยว่า “เสี่ยวเวย ไม่โทษเขา เมื่อครู่นี้เป็นผมที่ประมาทรีบร้อนจะเข้าไปข้างใน ฟางหยางถึงได้ผลักผมทีหนึ่ง เขาเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณภายใต้สถานการณ์ที่เร่งด่วนเท่านั้น ไม่โทษเขาจริงๆ”

ได้ยินคำพูดนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งให้กับเขา “ประธานกง คุณไม่ใช่ไก่อ่อนแม้แต่น้อยเลยนี่นา ทักษะการแสดงนี้สามารถได้รับรางวัลออสการ์ได้โดยสมบูรณ์แบบ”

“ฟางหยาง!” คิ้วงามของไป๋เวยขมวดขึ้น “เจิ้งเหวินต่างก็กำลังพูดแทนคุณแล้ว ทำไมคุณยังจะต้องกระแนะกระแหนเขาอีก?”

“ผมไม่ได้กระแนะกระแหนเขานะ เขาเป็นนักแสดงยอดฝีมือจริงๆนี่นา คุณไม่รู้ว่าเขาเมื่อคืนนี้กับเมื่อสักครู่นี้เปลี่ยนหน้าไวแค่ไหน”

กงเจิ้งเหวินรับช่วงต่อ “ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงได้เกิดอคติแบบนี้กับผม และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเคยล่วงเกินคุณที่ไหน หากมี ผมขอโทษ”

“เหอะๆ ประธานกงคุณก็เลิกเสแสร้งได้แล้ว”

“ฟางหยาง!” ไป๋เวยขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง “เจิ้งเหวินเป็นผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์และจิตใจดีมีเมตตาเป็นอย่างมาก ฉันไม่อนุญาตคุณพูดให้ร้ายเขา”

“เชี่ย ประธานไป๋คุณสมองพิการแล้วหรือเปล่าอะ? คนประเภทนี้เรียกว่าซื่อสัตย์จิตใจดีมีเมตตา?”

“คุณ…คุณมันก็แค่ขยะสังคมคนหนึ่ง ไสหัวไป!” ไป๋เวยโมโหมากอย่างเห็นได้ชัด มือชี้ไปที่ห้องของผมตะโกนด่า

“คุณแม่งประสาทเหรอ ไม่แยกแยะถูกผิดไม่ถามหาเหตุผลด่าอะไรหา? กูก็ไม่ได้เต็มใจจะปรนนิบัติรับใช้คุณเหมือนกันแหละ”

ผมด่ากลับอย่างไม่สบอารมณ์มาก พร้อมกลับไปภายในห้องเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกลับมา

ตอนที่เดินออกจากประตูห้อง เห็นท่าทางรู้สึกผิดนั่นของกงเจิ้งเหวิน ผมยิ่งเพิ่มความไม่สบอารมณ์ อดไม่ได้ที่จะเดินไปถึงตรงหน้าของเขา ดันคางเขาขึ้นเล็กน้อย “คุณชายกง คุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์และใจดีมีเมตตามากเหรอกเหรอ? เมื่อครู่นี้ตอนที่ไป๋เวยถูกผู้ชายกลุ่มหนึ่งล้อมโจมตี คุณไปไหนแล้วล่ะ? ทำไมไม่ออกมาเป็นฮีโร่ช่วยสาว?”

กงเจิ้งเหวินไม่พูดอะไร เพียงแค่ก้มศีรษะลงอย่างละอายใจ

ไป๋เวยรับช่วงต่อ “เมื่อครู่นี้คนเยอะมาก ฉันเดินพลัดหลงกับเขาก็เท่านั้นเอง ไม่โทษเขา แล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”

“เหอะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผม? เมื่อครู่นี้หากไม่ใช่ผม คุณก็นั่งฉี่รดกางเกงอยู่บนถนนไปตั้งนานแล้ว กูนี่ช่วยไอ้สมองพิการอย่างคุณนี่ไปกี่ครั้งแล้ว? คุณกลับดี เข้าใจเจตนาดีของคนอื่นเป็นเจตนาร้าย ยังตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นอีก กูไม่ควรจะช่วยชีวิตคุณเลย คุณไอ้สมองพิการแบบนี้ก็สมควรถูกคนหลอกถูกคนกระทำ”

พูดจบ ผมก็ไม่ได้สนใจเธออีก หันศีรษะเดินไปถึงห้องของตัวเองเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป

เจอกับไป๋เวยคนสมองพิการแบบนี้ กูนี่ซวยจริงๆ

กลับถึงห้อง ตอนที่ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำคิดจะอาบน้ำนั้น อยู่ๆก็คิดถึงว่าหลังจากที่อาบน้ำเสร็จควรทำอะไรต่อ?

วันนี้เป็นวันสงกรานต์ ควรจะออกไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?

สาวสวยที่ไม่รู้จักเต็มถนนต่างก็สามารถสาดน้ำ สามารถเต๊าะได้ตามใจชอบ จะหมกอยู่ในห้องของโรงแรมทำบ้าอะไร?

คิดถึงตรงนี้ ผมนำเสื้อยืดที่เปียกชุ่มสวมกลับเข้าไปอีกครั้ง ออกไปเที่ยวต่อ

ไป๋เวยและกงเจิ้งเหวินไม่ได้อยู่ที่ด้านนอกประตูแล้ว คาดว่าต่างก็อยู่ในห้องของเธอ

ไม่รู้ว่า…เธอกับกงเจิ้งเหวินจะทำกันขึ้นมาหรือเปล่า?

แม่ง หากแบบนั้นจริงๆ ก็เสียเปรียบกงเจิ้งเหวินแล้ว

ผมค่อนข้างที่จะอารมณ์เสีย แต่ก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรอีก ได้แต่สบถด่าเดินออกจากโรงแรมไปบนถนน

เทศกาลสงกรานต์ที่ประเทศไทยครึกครื้นมากจริงๆ สนุกมาก

ผมไม่ช้าก็เหมือนกันกับกลุ่มคนบ้าที่เต็มทั่วท้องถนน ไปทั่วอยู่ในละอองน้ำที่กระจายเต็มทั่วฟ้าอย่างคนไม่คิดอะไร

ตอนที่กำลังไปทั่วอย่างเมามันอยู่นั้น ผู้หญิงที่หน้าตาสวยสดคนหนึ่งดึงดูดความสนใจของผม

ไม่ใช่สวยมาก แต่รอยยิ้มสดใสเปล่งประกาย สวยหวานมาก ตระการตาจนราวกับผีเสื้อที่เต้นรำบินไปบินมาอยู่ในม่านน้ำ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะที่ไพเราะราวกับระฆังเงินก็ไม่ปานอยู่ตลอดเวลา

มองดูเธอ ดูเหมือนทำให้ผมลืมเรื่องกลัดกลุ้มใจ ลืมเรื่องบ้าบอวุ่นวายต่างๆในชีวิตไปได้

เด็กผู้หญิงในหมวดเยียวยาที่ผู้คนมักจะบอกแบบนั้น

อีกทั้ง เธอเป็นคนจีน เพราะในตอนที่เธอโห่ร้องไปด้วยหัวเราะคึกคักอย่างสนุกสนานไปด้วยผ่านด้านข้างของผมนั้น เสียงที่เธอร้องเรียกออกมาก็คือภาษาจีนกลาง

ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้เธอ ไม่เพื่ออย่างอื่น แต่เพราะรอยยิ้มที่เปล่งประกายราวกับดอกไม้ในฤดูร้อนนั่นของเธอ

และก็พูดได้ว่าเป็นเพราะความโดดเดี่ยวเงียบเหงาของตัวเอง ไม่รู้ว่าแบบนี้ถือว่าเป็นการเล่นลูกไม้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงหรือเปล่า

ตอนที่รถกระบะคันหนึ่งขับผ่านจากถนนไปนั้น ผมปรากฏตัวที่ข้างกายของเธออย่างถูกเวลา บังน้ำที่ยิงมาจากบนรถกระบะแทนเธอเอาไว้พอดี

“ขอบคุณค่ะ” เธอใช้ภาษาอังกฤษเอ่ยขึ้นอย่างซาบซึ้ง

“ไม่ต้องเกรงใจครับ” ผมใช้ภาษาจีนตอบเธอ

“หา?คุณก็เป็นคนจีน?”

“ครับ ผมชื่อฟางหยาง มาจากเมืองเซิ่งไห่ มาคุยธุรกิจนอกสถานที่”

“บังเอิญจังเลยค่ะ ฉันก็มาจากเมืองเซิ่งไห่เหมือนกัน ฉันชื่อเหวินเจีย ตั้งใจมาเที่ยวโดยเฉพาะค่ะ”

“ดูเหมือนไม่เห็นเพื่อนของคุณ มาคนเดียวเหรอครับ?”

“ใช่น่ะสิคะ เพื่อนๆของฉันต่างก็ลางานไม่ได้”

“คุณเด็กผู้หญิงตัวคนเดียว ใจกล้าจริงๆ”

ในขณะที่พูด ผมก็หันข้างบังสายน้ำที่ยิงพุ่งมาอย่างกะทันหันแทนเธออีก

“ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณผมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน “แต่ว่า คุณบังเอาไว้ให้ฉันหมด แบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วค่ะ”

ผมชะงักไปทีหนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกตัว ยิ้มเบาๆอย่างเก้อเขิน จากนั้นยกปืนฉีดน้ำขึ้นมา ฉีดไปทางไหล่ของเธอ

“ฮิๆๆ…” เสียงหัวเราะที่ราวกับระฆังเงินของเธอดังขึ้น บิดตัวหลบสายน้ำไปด้วย ยกปืนฉีดน้ำที่อยู่ในมือเล็งผมไปด้วย

ก็เป็นเช่นนี้ ผมกับเด็กผู้หญิงที่ยิ้มขึ้นมาสวยงามราวกับดอกไม้ที่ชื่อเหวินเจียคนนี้ก็หัวเราะเล่นกันอยู่ท่ามกลางม่านน้ำที่เต็มไปทั่วทั้งฟ้า

ทุกครั้งที่สายน้ำที่ยิงไปหาเธอหักเหออกมาเป็นประกายระยิบระยับที่ภายในชั่วพริบตาก็สลายหายไปทั้งยังเปล่งประกายสว่างสดใสนั้น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเธอก็แสดงให้เห็นถึงความสวยงามเป็นพิเศษ

เธอไม่มีเพื่อน ผมก็ไม่มีเพื่อน พวกเราสร้างเป็นกลุ่มที่โจมตีภายนอกร่วมกันแต่กลับทั้งยังทะเลาะกันเองภายในอยู่ตลอดเวลาขึ้นมาชั่วคราว เดินผ่านตามคูเมือง ผ่านม่านสายฝน ผ่านแสงอาทิตย์

ราวกับผีเสื้อสองตัว ผมเป็นตัวผู้ เธอคือตัวเมีย

จนกระทั่งเธอหอบแฮ่กๆ จนกระทั่งขาทั้งสองข้างของผมเมื่อยล้าอ่อนแรง พวกเราถึงได้หยุดลง

ผมพาเธอส่งกลับไปถึงโรงแรมที่เธอพัก ทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ นัดทานอาหารเย็นด้วยกัน จากนั้นผมก็กลับไปโรงแรมของตัวเองอีกหนึ่งรอบ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านสดชื่นเย็นสบาย เอนตัวลงบนเตียง คิดย้อนกลับไปถึงรอยยิ้มที่เปล่งประกายงดงามราวกับดอกไม้ในฤดูร้อนที่อยู่บนใบหน้าของเด็กผู้หญิงที่ชื่อเหวินเจียคนนั้น แล้วก็เสียงหัวเราะที่ไพเราะรื่นหูราวกับระฆังเงินก็ไม่ปานของเธอ

แต่ ช่วงระหว่างนี้ผมมักจะคิดถึงไป๋เวยขึ้นมาอย่างประหลาด คิดว่าเธอจะถูกกงเจิ้งเหวินกดลงบนเตียงอยู่หรือเปล่า…

นี่ทำให้ผมอารมณ์เสียมาก กลัดกลุ้มมาก

ทำไมผมต้องคิดถึงผู้หญิงสมองพิการที่คิดว่าตัวเองถูกอยู่คนเดียวตลอดเวลาคนนั้นด้วย เขาถูกใครทำเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ

ผมเปิดโทรทัศน์ สูบบุหรี่ไปด้วยดูโทรทัศน์ไปด้วย ยังรอคอยให้เวลาสามารถผ่านไปไวหน่อยไปด้วย

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นัดกันเอาไว้ ผมออกจากโรงแรม ผ่านหนุ่มๆสาวๆที่กำลังมันกันอย่างสุดขีดอยู่ในปาร์ตี้ดนตรีที่ข้างถนน พบกับเหวินเจียที่ยิ้มขึ้นมางดงามราวกับดอกไม้ที่หน้าประตูโรงแรมแห่งหนึ่ง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด