ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 8 รักแรก
ผมจึงจัดการกับความคิด แล้วพูดขึ้นมาว่า
“คุณสันติสุขครับ ถ้าช่องว่างทางเทคโนโลยีไม่ใหญ่มาก ผมคิดว่าพวกคุณควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาและอัปเดตระบบซอฟต์แวร์ให้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ใดๆก็ตามอาจมีช่องโหว่ ระบบขององค์กรมีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อการโจมตีของแฮ็กเกอร์ ต้องใช้บุคลากรพิเศษในการเฝ้าระวังตลอด24ชั่วโมงเพื่อจัดการกับเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากหากระบบสำนักงานของบริษัทไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ มันจะทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่”
“นี่คือการบำรุงรักษา สำหรับการอัปเดต……จุดประสงค์ของระบบOAคือการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร ถึงจะเป็นระบบที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ก็ยังคงมีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลหรือซับซ้อนและยุ่งยาก ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และการจัดการขององค์กรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ก้าวหน้า ต้องเปลี่ยนระบบเพื่อให้บริการองค์กรได้ดียิ่งขึ้น ”
“ที่ผมพูดเรื่องพวกนี้ อันที่จริงแค่อยากบอกคุณสันติสุขว่า ตอนนี้ทุกคนกำลังใช้JAVA2เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่มีช่องว่างขนาดใหญ่ในเทคโนโลยี และเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดเท่านั้น แต่ในแง่ของประสิทธิภาพและบริการ……คนอเมริกันปฏิบัติตามชั่วโมงการทำงานที่เคร่งครัด พวกเขาไม่ค่อยทำงานล่วงเวลา ปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานและกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด……แต่คนจีนอย่างเราไม่เหมือนกัน ขอเพียงแค่หัวหน้าสั่งการ วิศวกรพวกนั้นถึงแม้จะไม่ได้นอนหลายวันหลายคืนก็จะต้องก้มหน้าก้มตาทำงาน”
“เฉพาะวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์เอง คนจีนจะใช้เวลาน้อยกว่าคนอเมริกันอย่างแน่นอน และในกระบวนการอัปเดตหรือบำรุงรักษา ความขยันของคนจีนมีความโดดเด่นและสำคัญมากกว่า”
พูดมาถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย จึงหยุดลงแล้วดื่มเบียร์ไปหนึ่งอึก
สันติสุขไม่พูดอะไรแต่ครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างเงียบๆ
“ผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อคว้าโปรเจ็กต์นี้ให้คุณเวยนะครับ แค่วิเคราะห์จากมุมมองที่เป็นกลางเท่านั้น คุณสันติสุขไม่ต้องใส่ใจหรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้นจีนเรายังมีบริษัทอื่นๆอีกสี่บริษัทที่กำลังแข่งขันแย่งกันอยู่”ผมพูดเพิ่มเติมอีกหนึ่งประโยค
สันติสุขกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พนมมือให้ผมอย่างซาบซึ้ง”ขอบคุณคุณหยางมากครับ คุณวิเคราะห์ได้อย่างเฉียบขาดมากเลยครับ ก่อนหน้านี้พวกเราได้พิจารณาปัญหาด้านนี้มาก่อน แต่ก็ยังไม่ละเอียดเท่าการวิเคราะห์ของคุณ”
ผมเกลียดมารยาทไทยจริงๆ และผมก็ไม่สามารถปฏิเสธการไหว้กลับคืนได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการไม่เคารพอีกฝ่าย
ผมไหว้กลับเหมือนไหว้พระ แล้วดื่มเหล้าต่อไป ดังนั้นสันติสุขจึงเริ่มถามคำถามต่างๆเกี่ยวกับสิ่งที่พูดไปเมื่อสักครู่
อาจจะเป็นเพราะว่าผมถูกขังในสถานที่คุมขังนานกว่าสิบวัน อาจจะด้วยระหว่างนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก หรืออาจจะเป็นเพราะประสบการณ์การขายหลายปีที่ทำให้ผมกลายเป็นคนพูดมาก ผมไม่สามารถปฏิเสธคำถามของเขาได้เลย
ขณะพูดคุยเขายังเริ่มพูดกับผมเรื่องความแตกต่างด้านอารยธรรมของคนจีนและอเมริกัน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม และความร่วมมือระหว่างจีนและไทย
ผมรู้สึกว่า ตัวเองสามารถไปตอแหลบนจือฮู(ชื่อแอปพลิเคชันของจีนลักษณะเดียวกับPantipของไทย)ได้แล้วล่ะ
แน่นอนว่า นอกจากหัวข้อสนทนาตอแหลแบบนี้แล้ว ผมกับสันติสุขยังคุยถึงเรื่องอื่นกันด้วย ผู้หญิง อาหารและอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง เห็นได้ชัดว่าสันติสุขไม่ใช่คนที่ซื่อตรงขนาดนั้น
รู้ตัวอีกที ดูเหมือนเราจะกลายเป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่องและมีความชอบที่คล้ายกัน
จนกระทั่งเขายกมือขึ้นดูนาฬิกา จากนั้นก็ร้องอุทานว่าพรุ่งนี้ยังต้องทำงาน เราจึงได้แยกย้ายกันไป
ผมไม่มีอารมณ์ไปหาสาวไทยมานอนข้ามคืน จึงได้จากไปพร้อมกับสันติสุข เขายังไปส่งผมที่โรงแรมใกล้ๆแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะจากกันยังแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้
น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ผมจึงนอนหลับในโรงแรมอย่างสงบ
วันที่สองผมไม่ได้รีบกลับประเทศ แต่ไปเที่ยวเดินเล่นเตร็ดเตร่ตามท้องถนนของเชียงใหม่ ไปเที่ยวเมืองโบราณ ที่นั่นสามารถมองเห็นวัดอารามใหญ่โตได้ทุกที่มันจึงทำให้ผมใจเย็นลงมาก
ที่ไกลๆหรือสถานที่ที่ต้องใช้เงินเยอะผมไม่ได้ไป เพราะว่าผมไม่มีเงิน และผมยังเอาเงินที่แฟนเก่าโอนให้ผมห้าหมื่นหยวนเอาออกมาใช้บางส่วน ผมถึงได้มีเงินมาที่ไทย
แต่เงินก้อนนี้ผมจะไม่ใช้ตามอำเภอใจ ผมจะคืนให้เธอ ไม่ให้ขาดแม้แต่หยวนเดียว
ผมไม่ต้องการความสงสารจากเธอ
เช้าวันที่สาม ผมเก็บเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเพียงชุดเดียว ใส่ในกระเป๋าเป้ ในตอนที่ผมต้องการเช็กเอาต์เพื่อไปสนามบิน จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็มีเสียงดังขึ้น แสดงให้เห็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยของประเทศจีน
ผมรับโทรศัพท์อย่างสงสัย และได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคย”ฟางหยาง สวัสดีค่ะ คุณยังอยู่ประเทศไทยไหม?”
“ไป๋เวย?”ผมขมวดคิ้วและพยายามถาม เสียงนั้นเหมือนเสียงของเธอมาก
“ฉันเอง คุณยังอยู่ประเทศไทยไหมคะ?ฉันอยากคุยกับคุณหน่อย คุยต่อหน้าน่ะค่ะ”น้ำเสียงของเธอดูไร้ซึ่งอารมณ์
“คุยอะไร?มีอะไรให้คุยกันอีก?”ผมตอบกลับอย่างเย็นชาและไม่เกรงใจ
“ฉันอยากชวนให้คุณกลับบริษัท ทำหน้าที่ของผู้ช่วยของฉันต่อไป”
“เหอะ”ผมหัวเราะเย้ยหยันอย่างอดไม่ได้”ประธานไป๋ คุณกำลังล้อผมเล่นหรือแกล้งผมอยู่?”
“ผมชวนคุณกลับมาด้วยความจริงใจ เนื่องจากคุณต้องขาดงานแล้วถูกไล่ออก เพราะฉัน”
“เพราะฉะนั้น ก็เลยให้งานเพื่อชดเชยให้ผม?”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดที่เย็นชาของผม ไป๋เวยที่อยู่อีกด้านหนึ่งถึงกับเงียบไป
ในตอนที่ผมกำลังจะวางสาย จู่ๆเธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า”ฟางหยาง คุณรู้จักสันติสุขแห่งBTTกรุ๊ป ใช่ไหม?”
“เขาบอกกับคุณเหรอ?”ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร
“อืม ฉันต้องการคว้าโปรเจ็กต์นี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไร แต่ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงของBTTกรุ๊ปมีแนวโน้มเอนเอียงไปยังซิลิคอนแวลลีย์ สันติสุขบอกว่ามีแต่คุณเท่านั้นที่ช่วยฉันได้ เพราะฉะนั้น ฉันหวังว่าคุณจะกลับมา”
“เหอะ เหอะๆ……”ผมอดขำไม่ได้
เมื่อมองดูเตียงคู่ขนาดใหญ่ในห้องพักของโรงแรม ผมจึงพูดเบาๆว่า
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็คุยกันต่อหน้าแล้วกัน ผมรอคุณที่โรงแรมชลาห้อง8012”
อีกด้านหนึ่งของปลายสายถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้ยินไป๋เวยพูดขึ้นมาว่า”ได้”หลังจากนั้นก็วางสายไป
ความจริงแล้ว ผมไม่อยากทำงานที่จื้อเหวินซอฟต์แวร์ต่อไป ในตอนที่ผมอยู่ในสถานที่คุมขังผมคิดดีแล้ว หลังจากที่ออกมาจะเอากับเธอสักครั้ง หลังจากนั้นค่อยจากไปให้ไกล
ผมไม่อยากเห็นแววตาที่เย่อหยิ่งและเยือกเย็นของไป๋เวยผู้ซึ่งเนรคุณ
ผมยิ่งไม่อยากช่วยเธอคว้าโปรเจ็กต์นี้ได้ ที่เรียกเธอมา เพียงเพื่ออยากดูเธอหัวเสียหลังจากถูกปฏิเสธเท่านั้น
หลังจากที่วางสายของไป๋เวยไป ผมวางกระเป๋าเป้ลง ในตอนที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบหนึ่งม้วน มือถือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
สันติสุขโทรเข้ามา
หลังจากที่รับสาย แล้วกล่าวทักทาย สันติสุขก็กล่าวขอโทษทางโทรศัพท์
“คุณหยางครับ ผมพูดเรื่องเกี่ยวกับคุณให้กับคุณเวย และให้เธอไปหาคุณ ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ ผมขอโทษด้วยนะครับ”
“เรื่องเล็กน้อยเองครับ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมเต็มใจมากที่จะพบกับคุณเวย แต่ผมจะไม่ช่วยเธอพูดถึงโปรเจ็กต์ของบริษัทพวกคุณ เพราะว่าผมเกลียดเธอ”
“หืม?”น้ำเสียงของสันติสุขตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า”หยาง ผมเข้าใจคุณนะ ถ้าเป็นแบบนี้บริษัทเราจะเซ็นสัญญากับบริษัทของซิลิคอนแวลลีย์”
“ยังมีบริษัทในจีนอีกสี่บริษัทไม่ใช่เหรอครับ?”
“อืม……”สันติสุขครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อันที่จริง มีบริษัทหนึ่งในนั้นที่มีความสามารถไม่เลวเลย ตัวแทนโปรเจ็กต์ก็มีคารมคมคาย ผมสามารถบอกกับเขาเรื่องที่คุยกับคุณเมื่อคืนได้ เพื่อช่วยเขาคว้าโอกาสสักครั้ง จริงสิ ตัวแทนโปรเจ็กต์นั้นมีผู้ช่วยคนหนึ่งที่ชื่อว่าคุณโล่สุ่ย ซึ่งหน้าตาสวยมากเช่นกัน ประเทศจีนของพวกคุณคนสวยเยอะมากจริงๆ”
“หลินโล่สุ่ย?”ผมถึงกับตกใจ
“ใช่แล้ว หยางคุณรู้จักเธอเหมือนกันเหรอ?”
ผมไม่ได้พูดอะไร ได้เพียงแค่หลับตาลง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาอย่างกะทันหันจากก้นลึกของหัวใจ
หลินโล่สุ่ย เป็นผู้หญิงคนที่บอกว่าจะรอก่อนที่ผมจะเข้าคุก แต่สุดท้ายกลับส่งจดหมายบอกเลิกกับผม
แฟนเก่าของผม และรักแรกของผม
คอมเม้นต์