ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 9 ผมเกลียดเธอ
สิ่งที่อยู่กับผมตลอดระยะเวลาสามปีแห่งความมืดมิดในคุก คือความทรงจำ ความคิดถึง ความปรารถนาที่มีต่อเธอ
รอยยิ้มของเธอที่อยู่ในความทรงจำ คิดถึงความอ่อนโยนของเธอ ตั้งตารอที่จะมีชีวิตที่มีความสุขต่อไปกับเธอหลังจากถูกปล่อยตัวจากคุก
แต่ในที่สุดเธอก็ส่งจดหมายบอกเลิกกับผม
ผมยังคงจำได้ขึ้นใจ ในตอนที่ผมออกจากคุกแล้วไปหาเธอ พอเห็นเธอควงแขนคนอื่น เห็นรอยยิ้มอันแสนสุขและหวานหยาดเยิ้ม นอกจากนั้นใบหน้าของผู้ชายที่หล่อเหลาและดูโตเป็นผู้ใหญ่ยังมีรอยยิ้มที่เงียบสงบและมั่นใจ
และยังจำได้เหมือนกันว่า เธอส่งข้อความให้ผม บอกว่าเธอฝากเงินเข้าไปบัญชีของผมห้าหมื่น บอกว่าเธอจะแต่งงานแล้ว……
ผมเกลียดเธอ
คิดไม่ถึงว่า เธอจะอยู่ที่เชียงใหม่ และยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังแข่งขันแย่งชิงโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ป
แต่ว่า ก่อนหน้านี้หลินโล่สุ่ยทำงานให้กับบริษัทรับทำโฆษณาไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงไปทำงานบริษัทซอฟต์แวร์แถมยังเป็นผู้ช่วยอีกต่างหาก
หรือว่า ตัวแทนของโปรเจ็กต์ที่สันติสุขพูดถึง จะเป็นแฟนใหม่ของหลินโล่สุ่ย?
มีความเป็นไปได้
บางทีผมควรจะพิจารณาข้อเสนอของไป๋เวยอีกครั้ง กลับไปยังจื้อเหวินซอฟต์แวร์ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเธอต่อไปและลองดูว่าผมจะสามารถคว้าโปรเจ็กต์นี้ไว้ได้หรือไม่
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ตัวเอง
ผมอยากบอกกับหลินโล่สุ่ย ถึงผมจะติดคุกมาแล้วสามปี แต่ผมไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์
ไม่จำเป็นต้องให้เธอควักเงินห้าหมื่นมาสงสารผม
“หยาง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”หลังจากที่ไม่ได้ยินผมพูดอยู่นาน สันติสุขจึงถามขึ้นอย่างสงสัย
ผมเก็บความคิด แล้วพูดว่า”ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับที่บอกผมเรื่องนี้ สันติสุข ผมอาจจะพิจารณาข้อเสนอของคุณเวย และผมขอร้องคุณอย่าพึ่งไปติดต่อคุณโล่สุ่ยกับเจ้านายของเธอนะครับ”
“ผมเข้าใจแล้ว หยาง คุณสามารถช่วยคุณเวยโดยไม่คำนึงถึงเรื่องราวในอดีต ผมชื่นชมในความใจกว้างของคุณจริงๆ ผมขอให้คุณกับคุณเวยประสบความสำเร็จ เพราะว่าผมไม่ชอบคนอเมริกันจากซิลิคอนแวลลีย์เท่าไร เอาล่ะ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
วางสายของสันติสุขไป ผมก็สูบบุหรี่เต็มปอดอีกหนึ่งเฮือก พลางครุ่นคิดว่าจะคว้าโปรเจ็กต์มาได้อย่างไร
หากไม่มีจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ใช้วิธีลัดก็ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน ทำได้เพียงแค่เผชิญหน้าตรงๆ ใช้วิธีเน้นจุดแข็งเลี่ยงจุดอ่อน คิดหาวิธีในการพูดโน้มน้าวผู้บริหารระดับสูงของBTTกรุ๊ป
พึ่งสูบบุหรี่ไปได้หนึ่งม้วน ไป๋เวยก็เดินทางมาถึง
ผมสงสัยว่าตอนที่เธอโทรศัพท์หาผมเมื่อสักครู่ ความจริงเธออยู่ด้านล่างของโรงแรมแล้ว
อีกทั้ง เธอยังมาคนเดียวอีกด้วย เหมือนจะกล้าขึ้นไม่เบา
หลังจากที่พูดว่า”ฉันมาแล้ว”ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ไป๋เวยเดินเข้าห้องไป นั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ผมนั่งเมื่อสักครู่
ผมปิดประตู แล้วพิงตรงกำแพง ใช้สายตาหยอกเย้ามองไปที่เธอ แล้วพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า
“ประธานไป๋ คุณไม่กลัวผมจะข่มขืนคุณเหรอ?”
ดวงตากลมโตคู่สวยของไป๋เวยมีความดูถูกแวบปรากฏขึ้นมา เธอยิ้มอย่างเย็นชาและตอบกลับไปสามคำ”คุณไม่กล้า”
“เหอะ กล้าขึ้นมาแล้วสินะ”
“ฟางหยาง เป้าหมายที่ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาฟังคำพูดเสียดสีและหยามเกียรติของคุณ ฉันมาคุยธุระจริงจัง”น้ำเสียงของไป๋เวยเริ่มเย็นชา
“ประธานไป๋ ผมยังไม่ได้ฉีกเสื้อผ้าของคุณเลย จะถือว่าหยามเกียรติได้ยังไง”
สีหน้าของไป๋เวยขรึมลง เธอมองมาที่ผมอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน พลางพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกในขณะที่เดินไปข้างนอก”คุณสันติสุขมองคนผิดไปแล้ว เศษเดนอย่างคุณจะคว้าโปรเจ็กต์นี้ได้อย่างไร”
“ถ้าผมเจรจาได้ล่ะ?”
ในตอนที่เดินผ่าน ผมก็พูดอย่างเรียบเฉย
“เหอะๆ ถ้าคุณคว้าโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ปมาได้ ฉันสามารถตอบตกลงเงื่อนไขของคุณได้ทุกอย่าง”ไป๋เวยมองมาที่ผมด้วยความรังเกียจ
“เงื่อนไขทุกอย่าง?”
“ใช่แล้ว”
ผมมองลงไปที่คอเสื้อของเธอที่เปิดออกเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นมาว่า”อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ นอนกับผมสักคืนแล้วกัน”
พอได้ยินคำพูดของผม ไป๋เวยไม่ได้โกรธ แต่ใช้สายตาเยาะเย้ยจ้องมองมาที่ผม ดวงตาของเธอราวกับหงส์ขาวผู้สูงศักดิ์ที่ดูถูกคางคกผู้ต่ำต้อย
“ประธานไป๋ คุณถือว่าตกลงแล้วใช่ไหม?”ผมยังคงพูดอย่างใจเย็น
“คุณอย่าฝันไปหน่อยเลย”
“เหอะๆ คุณกลัวผมงั้นเหรอ?”ผมเงยหน้าขึ้นมอง มองดูใบหน้าที่เรียบเนียนและขาวละเอียดของเธออย่างละเมียดละไม
“ประธานไป๋ พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณเสร็จเหลยหยุนเป่าไปนานแล้ว อีกทั้งผู้ชายสองคนนั้นยังจะผลัดกันเอาคุณอีกด้วย แถมยังจะถ่ายภาพของคุณ คุณน่าจะตระหนักถึงผลที่ตามมาได้นะว่าร้ายแรงขนาดไหน”
“เอาจริงนะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงจะซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพรากกระทั่งอาจจะใช้ร่างกายมาตอบแทนผมแล้ว แต่คุณล่ะ?”
พูดถึงตรงนี้ ผมก็ค่อยๆเดินไปที่โซฟาเดี่ยวตัวนั้น แล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ พลางพูดต่อว่า
“คุณมันทำได้แค่เชิดหน้าชูคอ แสดงความเย่อหยิ่งของคุณ ทำสีหน้าแย่ๆให้ผมดู คุณคิดว่าตัวเองเป็นหงส์จริงๆเหรอ?”
ไป๋เวยไม่ได้โต้แย้งอะไร เธอใช้สีหน้าไร้อารมณ์มองมาที่ผมเท่านั้น
“ใช่ คุณหน้าตาสวยมาก รูปร่างก็ดี ขาเรียวยาวหน้าอกบึ้มก้นกลม แถมมีเงินด้วย และยังมีความสามารถอีก เป็นบุตรอันเป็นที่รักแห่งสวรรค์ แต่คุณคิดว่าผมอยากได้คุณงั้นเหรอ?”
“เหอะ สภาพอย่างคุณเนี่ยนะ ถึงจะนอนบนเตียงแม้แต่ท่าทางยังทำไม่เป็นเลย ส่งเสียงร้องก็ไม่เป็น หาสาวไทยสักคนในย่านโคมแดงข้างนอกยังดีกว่าคุณด้วยซ้ำ”
ผมดีดขี้เถ้าของบุหรี่ออก แล้วนอนพิงอยู่กับพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ”ประธานไป๋จะทำอะไรก็ทำเถอะ เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว สำหรับโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ป……”
“ตอนนี้มีบริษัทซอฟต์แวร์ในประเทศสี่บริษัทอยู่ที่เชียงใหม่ ปมสามารถไปหาพวกเขาได้ ช่วยพวกเขาคว้าโปรเจ็กต์มาได้มันก็ทำให้ผมได้ค่าคอมมิชชันเหมือนกัน และมีชีวิตที่ดีได้ ไม่จำเป็นต้องมองสีหน้าแย่ๆของท่านหัวหน้าประธานไป๋อย่างคุณ”
พูดจบ ผมก็ไม่ได้สนใจเธออีก และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหาเบอร์ของสันติสุข
ผมไม่ได้กำลังขู่ไป๋เวย แต่ผมไม่อยากเห็นสีหน้าเน่าๆของผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว
“ฉันตกลง”
ยังไม่ทันได้กดปุ่มโทรออก จู่ๆไป๋เวยก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ผมเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ
ไป๋เวยถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ยังคงไร้ความรู้สึก”ฉันตอบตกลง ถ้าคุณคว้าโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ปมาได้ ฉัน……จะนอนกับคุณหนึ่งคืน”
ผมแปลกใจเล็กน้อย แต่แล้วก็แสยะยิ้มมุมปากขึ้นมา
ไป๋เวยหยิบบัตรทำงานขึ้นมาหนึ่งใบจากกระเป๋า แล้ววางไว้บนโทรทัศน์ พลางพูดขึ้นมาว่า
“คุณเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมนี้ซะ ฉันจะจองห้องใหม่ให้คุณในที่ที่ฉันพักอยู่ เพราะเอกสารกับทีมโปรเจ็ํกต์รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆอยู่ที่นั่น ฉันจะรอคุณที่ล็อบบี้”
พูดจบ ไป๋เวยก็หันหลังแล้วเดินออกไป
ทันทีที่มาถึงประตู จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า”เรื่องที่ฉันพนันกับคุณห้ามบอกกับใคร”
“ประธานไป๋ อย่าลืมเบิกเงินค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักโรงแรมให้ผมด้วย”ผมพูดเสริมอีกประโยค
“คุณเอาบิลกลับไปเบิกที่บริษัทเอง”
ผมหัวเราะแล้วมองเธอเดินจากไป ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบบัตรทำงานใบนั้น
มันเป็นใบเดียวกันกับที่ผมทิ้งไว้ที่คลับในคืนก่อน ตอนนั้นสันติสุขเก็บไว้ แต่ผมไม่ได้สังเกตว่าเขาโยนทิ้งไปไหม น่าจะถูกเขาเก็บไป แล้วส่งมอบให้ไป๋เวย
จื้อเหวินซอฟต์แวร์ ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการขาย
สถานะนี้พอใช้ได้ ลองทำสักสองสามวันดูก่อน ทำให้ไป๋เวยรังเกียจ หาเงินให้ได้ห้าหมื่นเพื่อคืนหลินโล่สุ่ย
อืม จะคืนให้เธอไม่ขาดแม้แต่หยวนเดียวเลย
ผมสะพายกระเป๋าก่อนหน้านั้นที่จัดการเก็บเรียบแล้วขึ้นมา หยิบคีย์การ์ดแล้วเดินออกไป ลงไปยังชั้นล่างเพื่อเช็กเอาต์
ไป๋เวยนั่งรออยู่ที่โซฟาในล็อบบี้ หลังจากที่เห็นผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อย เธอก็มองมาที่ผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
“ทำไมเหรอ?ประธานไป๋ จู่ๆคุณก็พบว่าผมหล่อใช่ไหมล่ะ?”ผมหันไปแบมือทั้งสองข้างกับเธอ แล้วหัวเราะ
เธอส่ายหัวไปมาอย่างรังเกียจ”ไปซื้อเสื้อผ้าสักชุดก่อนเถอะ ขืนคุณไปBTTกรุ๊ปด้วยสภาพแบบนี้มีแต่จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ”
“ผมไม่มีเงิน”
“ต้องใช้ในการทำงาน เงินซื้อเสื้อผ้าบริษัทจะออกให้ แต่แค่สำหรับกรณีพิเศษแบบนี้เท่านั้น”
“ได้ งั้นก็ซื้อสักสองชุดแล้วกัน อย่างน้อยก็ต้องใช้เปลี่ยน”ผมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่เกรงใจ
ไป๋เวยไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงแต่มองผมนิ่งๆ หลังจากนั้นเดินนำหน้าออกจากโรงแรมไป
คอมเม้นต์