ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 10 ทีท่าประจำวัน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 10 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ผมเดินตามเธอมาที่ร้านขายเสื้อผ้าชั้นนำ แล้วเข้าไปเลือกชุดสูทมาสองชุดอย่างไม่เกรงใจ รองเท้าหนังหนึ่งคู่ ราคารวมกันเกินสามหมื่นบาท ไป๋เวยเป็นคนจ่ายให้ ถึงยังไงเธอก็ต้องไปเบิกกับบริษัทอยู่แล้ว

หลังจากนั้นไป๋เวยก็ผมกลับโรงแรมที่ทีมโปรเจ็กต์พัก แล้วเปิดห้องใหม่ให้ผมหนึ่งห้อง อีกทั้งมันอยู่ข้างๆห้องของเธอพอดี

เธอเช่าห้องประชุมขนาดเล็กหนึ่งห้อง และขอให้ผมรวมตัวกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆในห้องประชุมโดยเร็วที่สุด

ผมเข้าไปในห้องวางสัมภาระ จัดการล้างหน้าล้างตาเพื่อให้สมองของตัวเองโล่ง หลังจากนั้นก็เดินไปยังห้องประชุม

รวมถึงไป๋เวยก็อยู่ด้านในด้วย ทีมโปรเจ็กต์มาทั้งหมดแปดคน กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องประชุม

พอเห็นผมเดินเข้ามา ทุกสายตาก็มองขวับมาที่ผมพร้อมกัน อย่างสงสัย และพากันพูดซุบซิบ

ไป๋เวยกระแอมหนึ่งครั้ง หลังจากที่ทั้งห้องประชุมเงียบลงมาได้ ก็พูดขึ้นว่า”ฉันขอแนะนำกับทุกคนใหม่นะคะ บุคคลนี้คือฟางหยาง เป็นผู้ช่วยของฉัน ได้เข้าทำงานอย่างเป็นทางการเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว แต่เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว จึงลาหยุดไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้เขาจะกลับมาร่วมทีมโปรเจ็กต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อร่วมทำงานพยายามคว้าเอาโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ปมาให้ได้ ขอทุกคนปรบมือต้อนรับ”

ภายในห้องประชุมมีเสียงปรบมือดังสนั่น

หนึ่งในพวกเขาบางคนเคยเห็นหน้าผมแล้ว น่าจะรู้ว่าผมกับไป๋เวยเคยมีปัญหากันมาก่อน เพราะว่าตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลคนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ได้ยินคำพูดหยาบคายที่ผมพูดกับไป๋เวย และมันคงจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งบริษัทแล้ว

ผมปรบมืออย่างไม่ใส่ใจ หลังจากนั้นก็ไปนั่งข้างๆไป๋เวย พลางพูดขึ้นมาว่า”ประธานไป๋ ผมต้องการเอกสารทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์นี้ทั้งหมด รวมถึงข้อมูลของคู่แข่งทั้งหมดที่กำลังแย่งชิงโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ปอยู่”

ไป๋เวยเหมือนจะเตรียมไว้นานแล้ว เธอหยิบกองเอกสารมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของผม จากนั้นก็ผลักแล็ปท็อปเครื่องหนึ่งมาให้ผม แล้วพูดว่า

“อยู่ในนี้ทั้งหมด”

ผมหยิบเอกสารขึ้นมา เลือกเปิดข้อมูลของบริษัทซิลิคอนแวลลีย์ขึ้นมาเริ่มเปิดอ่าน

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ไป๋เวย พูดว่า”รู้ไหมครับว่าทางฝั่งซิลิคอนแวลลีย์กับอินเดียเสนอราคาเท่าไร?ยังมีบริษัทอื่นๆภายในประเทศ”

“ไม่รู้สิ นี่เป็นความลับทางการค้า ทางฝั่งผู้บริหารระดับสูงของBTTกรุ๊ปปิดปากแน่นมาก”

“งั้นก็ต้องหาทางเอามันมาให้ได้ ก่อนอื่นต้องตั้งสมมติฐาน วิเคราะห์ตัวเลขคร่าวๆก่อน อย่าบอกผมนะว่าเรื่องแค่นี้คุณก็ไม่ได้ทำ”

ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปไม่น่าดู

ตอนนี้ผมถึงพบว่า บรรยากาศภายในห้องประชุมแปลกมาก ทุกคนในทีมโปรเจ็กต์ใช้สายตาประหลาดใจกระทั่งสายตาที่เหลือเชื่อมองมาที่ผม

ผมไม่ใช่คนโง่ ที่จะไม่รู้ว่าทำไมทุกคนต้องมองผมแบบนั้น พวกเขาน่าจะตกใจ ผู้ช่วยกระจอกๆแค่คนเดียว มีสิทธิ์อะไรพูดไปประธานไป๋แบบนั้น ยังออกคำสั่งให้ประธานไป๋อีก

ต้องรู้ว่า ประธานไป๋เป็นลูกสาวของประธานบริษัท เธอมีทั้งความสามารถและรูปลักษณ์ที่สวยงาม ดุจดั่งเทพธิดาที่เยือกเย็นและหยิ่งผยอง เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่ไม่มีใครเทียบได้

ถึงว่าทำไมสีหน้าของไป๋เวยถึงไม่ค่อยสู้ดีนัก

หลังจากที่เข้าใจแล้ว ผมก็อยากหัวเราะเล็กน้อย ไม่ได้สั่งการคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไป๋เวย ผลสุดท้ายไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งฐานะอะไร

“ประธานไป๋ นี่เป็นแค่ข้อเสนอแนะของผม ถ้าคุณมีคำแนะนำหรือการเตรียมงานอื่นๆ บอกกับผมได้ทุกเมื่อ”ผมแบมือออกสองข้าง แล้วพูดอย่างใจเย็น

ไป๋เวยละสายตาจากใบหน้าของผม กวาดตามองคนอื่นๆที่อยู่ในห้องประชุม ใช้น้ำเสียงที่แทบจะไร้ซึ่งอารมณ์ พลางพูดขึ้นมาว่า

“ทุกคนลองสรุปข้อมูลและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการติดต่อBTTกรุ๊ปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก่อนนะคะ แล้วค่อยวิเคราะห์หารือกันถึงเรื่องที่เราจะเข้าไปอย่างไร ใครจะเริ่มก่อนคะ”

อาจเป็นเพราะเผชิญหน้ากับหัวหน้าที่สวยขนาดนี้ จึงทำให้มีความกระตือรือร้นมาก ทุกคนต่างพาหันกันละสายตาจากผม แล้วรีบแย่งกันออกความเห็น

ผมวางเอกสารลงชั่วคราว ผมพิงกับพนักเก้าอี้แล้วนั่งฟังเงียบๆ พยายามหาข้อมูลที่มีค่าจากการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา

ในตอนที่พูดถึงเรื่องเจาะประเด็นสำคัญของโปรเจ็กต์ ไป๋เวยเคยถามความคิดเห็นของผม ผมส่ายหัวไปมาแล้วบอกว่าตัวเองมาใหม่ ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น แค่ฟังก็พอแล้ว

ในนั้นผมได้รับสิ่งที่มีค่าที่ไม่เคยได้รับมาก่อน รวมถึงด้านเทคโนโลยี ตลอดจนถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งหลายราย ผมยังได้ยินที่พวกเขาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเสนอราคาของคู่แข่ง บริษัทซิลิคอนแวลลีย์ ผลการวิเคราะห์คือ1.8ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือพอสมควร เพราะหนึ่งในทีมโปรเจ็กต์สองคนเคยทำงานในบริษัทอื่นของซิลิคอนแวลลีย์ และค่อนข้างเข้าใจเพื่อนร่วมงานที่นั่น ประกอบกับไป๋เวยได้แสดงศักยภาพของความเฉียบแหลมด้านธุรกิจและทักษะความสามารถในการวิเคราะห์ที่หัวหน้าฝ่ายการขายควรจะมี

และขอบเขตของจื้อเหวินซอฟต์แวร์ คือ1.5ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนต่างห่างกันถึงสามแสนดอลลาร์สหรัฐ ในด้านราคายังพอมีความได้เปรียบอยู่บ้าง

หลังจากเลิกประชุม ผมโอบแฟ้มเอกสารกลับเข้าห้องของตัวเองไปด้วย หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาสันติสุข

หลังจากที่ทักทายแล้ว ผมก็หัวเราะพลางพูดกับปลายสายไปว่า”สันติสุข ฝั่งของซิลิคอนแวลลีย์เสนอราคา1.8ล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคานี้ไม่ต่ำเลยนะครับ บริษัทพวกคุณรวยจริงๆ เลือกซัพพลายเออร์ที่แพงที่สุด”

เสียงของสันติสุขดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก

“นี่คือความคิดของผู้บริหารระดับสูงครับ ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน พวกเขาคิดว่าเทคโนโลยีของซิลิคอนแวลลี่น่าเชื่อถือมากกว่า อีกอย่าง……เดี๋ยวก่อนนะ หยาง คุณรู้ราคาที่ซิลิคอนแวลลี่เสนอได้ยังไง?ใครเป็นคนเปิดเผยความลับให้คุณเหรอครับ?”

ผมหัวเราะอย่างรู้สึกผิด”ที่แท้ก็1.8ล้านจริงๆด้วยสินะครับ ดูเหมือนผมจะต้องหาโอกาสขอบคุณคุณแล้วล่ะ”

“ห้ะ?คุณ……ที่แท้คุณก็ลองใจผมนี่เอง ผม……ฮ่าๆๆ หยางคุณเป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ ฉลาดและมีไหวพริบ”สันติสุขไม่ได้โกรธอะไร แต่กลับหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง

“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็จะถือว่าคุณไม่ได้เปิดเผยความลับทางธุรกิจ ผมยังได้ข้อมูลที่ต้องการอีกด้วย ทุกคนต่างมีความสุข ถ้ามีเวลาว่างจะขอเลี้ยงเหล้าคุณหน่อย”

“ฮ่าๆ ได้ครับ คุณต้องเลี้ยงแล้วล่ะ”

“ไม่มีปัญหาครับ”

วางสายเสร็จ ผมก็บิดขี้เกียจย่างพึงพอใจ ไป๋เวยคาดเดาได้แม่นยำจริงๆ เดาถูกต้องแล้ว น่าจะมีความสามารถไม่น้อยอยู่ในนั้น

อันที่จริงผมก็มึนงงเหมือนกัน จงใจโทรศัพท์หาสันติสุข ผมขุดหลุมเตรียมจะหลอกเขา หลังจากที่เห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าข้อมูลนี้ถูกต้อง

วิธีการอาจจะเจ้าเล่ห์ไม่หน่อย แต่ไม่ได้ทำให้สันติสุขลำบากใจ เขาไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอะไรออกมา แต่เป็นผมที่ไปขุดหลุมดักทางเขา สายนี้แม้จะมีการเฝ้าติดตามดักฟัง และมันก็ไม่ทำให้เขามีปัญหาใดๆตามมา

ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง จึงทำให้อัตราการประสบความสำเร็จสูงขึ้นไปอีกขั้น และขั้นตอนต่อไปคือการดำดิ่งลงไปในข้อมูลเพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น

หลังจากนั้นก็เรียบเรียงความคิด ต้องเน้นจุดแข็งเลี่ยงจุดอ่อน พยายามทำให้จุดแข็งของคู่ต่อสู้อ่อนแอและจุดอ่อนของตัวเองลดน้อยลง เน้นข้อบกพร่องของคู่ต่อสู้และจุดแข็งของตัวเอง

ประสบการณ์การขายสี่ปี ทำให้ผมเข้าใจสิ่งหนึ่งอย่างลึกซึ้ง สนามธุรกิจเปรียบเหมือนสนามรบ ใช้วิธีการทุกอย่างไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกล ขอแค่คว้าโปรเจ็กต์มาได้ จะใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงกระทั่งวิธีทำให้อีกฝ่ายตายมันไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย

ในตอนบ่าย ไป๋เวยพาทีมโปรเจ็กต์ไปBTTกรุ๊ป ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของเธอ แน่นอนว่าผมสวมชุดสูทที่พึ่งซื้อมา เดินเคียงข้างเธอตลอดทาง ต้องช่วยเธอยกน้ำถือเอกสาร ยังต้องเป็นล่ามให้เธออีกด้วย

เป้าหมายของวันนี้ไม่ใช่การคว้าโปรเจ็กต์ให้ได้ในคราวเดียว เพราะมันไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เป้าหมายคือการติดต่อในเชิงทำความรู้จักให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ผมสามารถใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักกับผู้บริหารระดับสูงของBTTกรุ๊ป ปรับตัวเข้าหาฝ่ายตรงข้ามก่อน

ตลอดกระบวนการ ไป๋เวยยังคงทำสีหน้าเย็นชาของเจ้านายที่ควรมีต่อหน้าของผม เธอไม่เพียงแค่ออกคำสั่งบ่อยๆ เธอแทบจะไม่มองผมตรงๆด้วยซ้ำ

สิ่งนี้มันดูเหมือนเป็นทีท่าประจำวันของเธอ

แน่นอนว่า ผมตระหนักถึงการเป็นผู้ช่วย อย่างน้อยต้องไว้หน้าเธอต่อหน้าคนนอก และแทบจะสมบูรณ์แบบในสิ่งที่ผู้ช่วยควรทำ

นี่คือหลักการ เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวผมแยกแยะได้

ก่อนที่จะออกจากBTTกรุ๊ป ในที่สุดไป๋เวยก็มองหน้าผมตรงๆ เธอจงใจปลีกตัวออกจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เรียกผมมาที่ข้างๆทางออก เธอฝืนใช้น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยถามผมว่ามีข้อเสนอแนะพิเศษอะไรสำหรับโปรเจ็กต์นี้

ผมเหลือบมองเธอด้วยรอยยิ้ม ในตอนที่กำลังจะเรียบเรียงคำพูด หางตาของผมก็เห็นเงาของคนหลายคนเดินออกมาจากทางเดิน

หนึ่งในนั้นมีร่างที่เหมือนจะคุ้นเคยเล็กน้อย

ผมมองไปอย่างไม่รู้ตัว และเห็นเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคยจริงๆด้วย การแต่งหน้าที่วิจิตรและสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย หลินโล่สุ่ย แฟนเก่าของผม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด