ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 29 หวั่นไหว

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 29 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“คุณก็ลองดูสิ”

ไป๋เวยพูดจบ ก็หันกลับเดินไปทางห้องพักของเธอ

ผมจึงรีบเอ่ยถามว่า”เดี๋ยวสิ ผมจะถามเรื่องของค่าคอมมิชชัน โปรเจ็กต์BTTกรุ๊ป ผมจะได้รับเท่าไร?”

“ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ต้องรอเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ หลังจากคำนวณต้นทุนทั้งหมดแล้วถึงจะรู้ จากนั้นก็แบ่งให้กับทีมโปรเจ็กต์กับฝ่ายพัฒนาตามอัตราส่วน รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงรักษา คุณวางใจเถอะ ฉันจะจัดสรรตามอัตราส่วนสูงสุดให้กับคุณ เพราะคุณเป็นสร้างความดีความชอบ น่าจะประมาณห้าหมื่นหยวน”

“งั้นขอเบิกก่อนล่วงหน้าได้ไหมครับ”

ไป๋เวยหยุดก้าวเท้า”คุณรีบใช่เงินเหรอ?”

“นี่มันไร้สาระไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันให้คุณก็ได้ จะเอาเท่าไร?หนึ่งล้าน?หรือ……ห้าล้านที่ฉันพูดก่อนหน้านั้น?หลังจากนั้นระหว่างเราก็เจ๊ากันไป เดมพันนั้นก็จะถือเป็นโมฆะ”

ผมกระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม่งเอ้ยนี่คือคนมีเงินหรือผู้หญิงที่ใช้เงินเป็นเบี้ยเนี่ย?สุดยอดกว่ากงเจิ้งเหวินซะอีก พูดเรื่องเงินห้าล้านกับผมอีกแล้ว

พูดตามตรง ถ้าไม่หวั่นไหวเป็นเรื่องโกหก ผมหาเงินทั้งชีวิตอาจจะหาไม่ได้ห้าล้านก็ได้

แต่มันก็จำกัดแค่การหวั่นไหวเท่านั้น

“ประธานไป๋ ผมบอกแล้วไง ผมไม่เอาเงินเน่าๆของคุณ เดิมพันนั้นคุณไม่มีวันหนีพ้นหรอก ผมแค่อยากจะขอเบิกค่าคอมมิชชันหนึ่งหมื่นเท่านั้น ทางที่ดีผมขอเป็นเงินสดหยวน”

ไป๋เวยมองผมด้วยสีหน้าเฉยเมยครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า”ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปถอนเงินสดที่ธนาคารมาให้คุณ”

พูดจบ เธอก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องของเธอ

ผมกลับเข้ามาในห้องพักของตัวเอง แล้วล้มตัวลงนอนดูโทรทัศน์ต่อ

ที่ผมขอเบิกเงินค่าคอมมิชชันล่วงหน้า เป็นเพราะจะคืนให้กับหลินโล่สุ่ย ที่ก่อนหน้านั้นเธอโอนเงินให้ผมห้าหมื่น ผมถอนออกมาให้หลายพันเพื่อเดินทางมาประเทศไทย มาวันนี้ผมได้ใช้ไปบางส่วนแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมถูกปลุกด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเฮฮาบนท้องถนน

ผมเดินไปเปิดม่านที่หน้าต่าง มองเห็นขบวนรถแห่ตามท้องถนน ฝูงชนพลุ่งพล่านถือปืนฉีดน้ำไล่ฉีดกันไปมา

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คนไทยรวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกต่างพากันมาร่วมสนุกอย่างบ้าคลั่ง

ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำ แล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อยืดและกางเกงชายหาดที่เตรียมไว้นานแล้ว นำโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ใส่ไว้ในกระเป๋ากันน้ำ หลังจากนั้นก็เดินออกไป ผมพบเข้ากับไป๋เวยที่แตกต่างจากปกติ เธอกำลังจะออกไปเหมือนกัน

ที่มันแตกต่างเป็นเพราะเธอไม่ได้สวมชุดเดรส แต่สวมกางเกงยีนขาสั้น สวมเสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่ง รองเท้าแตะปักลายดอกไม้คู่หนึ่ง แล้วมัดผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง อืม……ดูเหมือนจะไม่มีความเย็นชาก่อนหน้านั้นแล้ว เปลี่ยนเป็นเด็กสาวที่สดใสและกระฉับกระเฉง

โดยเฉพาะเรียวขาคู่นั้น ขาวเนียนละเอียด ขาเรียวยาวเต็มไปด้วยความเย้ายวน เหมือนจะดุสดใสเกินไปหน่อย กลายเป็นความเซ็กซี่แล้ว

ผมแทบจะอดมองเธอไม่ได้ เหมือนจะไม่สามารถละสายตาได้

“ฟางหยาง ระวังการกระทำของคุณด้วย อย่าทำเกินไปนะ”

เธอพูดกับผมอย่างเย็นชา ท่าทีเย็นชาสูงส่งนั้นกลับเข้าร่างของเธออีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ไม่เหมาะกับการแต่งกายของเธอเป็นอย่างมาก

ผมรู้สึกหมดสนุกเล็กน้อย จึงส่ายหัวไปมาอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วเดินผ่านเธอไปขึ้นลิฟต์

ในขณะที่เดินมาถึงลิฟต์แล้ว เธอก็สาวเท้าเดินมาอย่างเย่อหยิ่ง เดินเข้ามาด้วยท่าทางหัวมังกุท้ายมังกร ผมกดลิฟต์ไปที่ชั้นสองของห้องอาหารในโรงแรม เธอไม่ได้ขยับ เหมือนจะไม่อยากทานอาหารเช้า

ด้านในมีเพียงแค่เราสองคน ไม่มีใครพูดอะไร

ผ่านไปไม่นาน เหมือนกับเธอจะไม่สามารถทนกับบรรยากาศที่กดดันในสถานที่แคบๆแบบนี้ไม่ได้แล้ว จึงพูดขึ้นมาว่า”ฉันถามมาแล้ว สองสามวันนี้ที่ธนาคารยังเปิดทำการปกติ เดี๋ยวฉันจะไปถอนเงินมาให้คุณ”

ผมจึงตอบกลับไปว่า”ผมกลัวว่าคุณจะเดินไม่ถึงธนาคารน่ะสิ ถ้าไม่ได้จริงๆ รอให้พ้นวันสงกรานต์ก็ได้ครับ”

“อืม”

เธอตอบรับหนึ่งคำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร

พอถึงห้องอาหารที่อยู่ชั้นสอง เราก็แยกกัน เดินไปหยิบอาหารเช้าของใครของมัน

ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนที่คุ้นเคยเดินเข้ามาในห้องอาหารหนึ่งคน เขาสวมกางเกงสแล็คลำลอง รองเท้าผ้าใบ เขาคือกงเจิ้งเหวินที่ยังคงหล่อเหลา

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากพ่อแม่ของเขาจะมีเงินแล้ว ต้องหน้าตาไม่เลวแน่ ยีนของคนมีเงินยิ่งอยู่ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหลานเติบโตมาหน้าตาสวยหล่อ มีเงิน ดังนั้นจึงสามารถแต่งงานกับสาวสวยได้

กงเจิ้งเหวินมาเชียงใหม่คนเดียว ต้องพักโรงแรมเดียวกับไป๋เวยอย่างแน่นอน แต่น่าจะไม่ใช่ห้องเดียวกัน ไป๋เวยไม่ใช่คนที่จะให้คนอื่นเอาง่ายๆ

พวกเขาเหมือนจะนัดกันแล้วว่าจะมาทานอาหารเช้าด้วยกัน หลังจากที่กงเจิ้งเหวินเดินเข้ามาในห้องอาหารก็หาไป๋เวยเจออย่างรวดเร็ว หลังจากที่หยิบอาหารใส่จานเสร็จ ทั้งสองก็นั่งทานอาหารแล้วพูดคุยกระซิบกระซาบกันเสียงเบา

ผมทานเสร็จค่อนข้างเร็ว จึงเดินออกจากโรงแรมเร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่ง บนท้องถนนนอกจากรถแห่และรถน้ำแล้ว ก็ไม่มีรถแท็กซี่เลย มีเพียงแค่กลุ่มคนเดินกันขวักไขว่

ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในฝูงชน มีปืนฉีดน้ำหลายกระบอกในกลุ่มคนเหล่านั้นฉีดใส่ผม ผู้คนต่างพากันฉีดน้ำใส่ผมอย่างสนุกสนาน ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที ตัวของผมเปียกทั้งตัว

โชคดีที่ผมเตรียมตัว แล้วรีบเอามือปิดตาทันเวลา จากนั้นผมจึงวิ่งไปที่แผงขายของริมทางซื้อปืนฉีดน้ำมาหนึ่งกระบอก

ผมรวมกลุ่มกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว เข้าสู่บรรยากาศรื่นเริงของเทศกาล พอเห็นใครไม่เข้าตาก็ฉีดน้ำใส่เธอ เห็นใครพอใจก็ฉีดน้ำใส่เธอเช่นกัน

เมื่อผู้คนเข้ามาใกล้บริเวณคูเมือง ฝูงชนเริ่มสนุกสนานกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะที่นี่สามารถเติมน้ำได้ตลอดเวลา

ในขณะที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนาน กลุ่มที่อยู่ห่างกันไม่ไกลก็เกิดโห่ร้องคำรามขึ้นมา แล้วผมก็เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยวิ่งฝ่าฝูงชนออกมา พลางกรีดร้องหลบการฉีดน้ำที่พุ่งมาจากทั่วทั้งสารทิศ และวิ่งตรงมายังผม

ขาวเรียวยาว เสื้อยืดสีขาวที่ถูกน้ำเกาะจนเปียก ผมหางม้าที่เปียกปอนแตะกลับยังสะบัดไปมาอยู่ นั่นคือไป๋เวยไม่ใช่เหรอ?

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงวิ่งออกมาคนเดียวล่ะ?

หรือเธอไม่รู้ว่าผู้หญิงสวยๆจะเป็นเป้าหมายของการโจมตี?

ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสวมเสื้อยืดสีขาวที่เผยให้เห็นขาวเรียวยาว ช่างชมน้ำหน้าจริงๆ

ผมรีบรุดพุ่งตัวขึ้นไป ยกปืนฉีดน้ำขึ้นมา แล้วเล็งไปที่หน้าอกของเธอ

ไป๋เวยไม่เห็นผม เธอยังคงวิ่งตรงมาที่ผม

ผมหาจังหวะที่เหมาะสมเหนี่ยวไก แล้วน้ำจากกระบอกปืนฉีดน้ำก็พุ่งตัว ไปยังตำแหน่งหน้าอกของเธอที่กระเพื่อมขึ้นมา

“อ๊าย!”เธอปิดหน้าอกแล้วกรีดร้อง ในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นผมที่ยืนอยู่ตรงข้าม

“ฟางหยางนี่คุณ……”

เธอเหมือนจะโมโหมาก รู้สึกเสียใจมาก เธอกัดฟันจนพูดอะไรไม่ออก

นี่คือไป๋เวยที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

ผู้ชายเหล่านั้นที่ไล่ตามเธออยู่แล้วพุ่งตรงเข้ามาหาเธอ แล้วล้อมเธอไว้เป็นวงกลม และฉีดใส่เธอที่อยู่กลางวงล้อม หัวเราะโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน

ไป๋เวยเหมือนจะลืมวิ่งหนี และก็เหมือนกับไม่อยากหนีไปแล้ว เพราะเธอรู้สึกเสียใจ

ไม่นานนัก ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงก่ำ หลังจากนั้นเธอก็เอามือปิดหน้าแล้วนั่งลงกับพื้น

นี่คือไป๋เวยที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ปืนฉีดน้ำแต่ละกระบอกฉีดไปที่เธออย่างไร้ความปรานีเคล้าไปกับเสียงหัวเราะโห่ร้อง ฉีดไปบนศีรษะของเธอ

ผมจ้องมองไปที่เธอ

ทันใดนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะทิ้งปืนฉีดน้ำที่อยู่ในมือ ผมรีบวิ่งเข้าไปปิดหูของเธอไว้ แล้วตะคอกใส่เธอ”คุณแม่งโง่รึไง?ปิดหูไว้สิ หูน่ะ ถ้าน้ำมันฉีดเข้าในหูแล้วหูพังจะทำยังไง?”

เธอเงยหน้าขึ้นมา กัดริมฝีปากพลางจ้องมาที่ผม ดูเหมือนเธอจะร้องไห้

ดูเหมือนเธอจะตกใจกลัวมาก

“ดูสิซื่อบื้อจนหมดสภาพ”

ผมด่าเธอแรงๆไปหนึ่งคำ แล้วถอดเสื้อยืดของตัวเองมาปิดหูทั้งสองข้างของเธอไว้ จากนั้นก็โอบไหล่ของเธอ แล้วพยุงเธอลุกขึ้นยืน

“ใครหน้าไหนลองฉีดดูอีกครั้งสิ?”ผมกำหมัดแน่น แล้วใช้ภาษาไทยตะคอกใส่คนที่รายล้อมอยู่

เหมือนพวกเขาจะมองเห็นรอยแผลเป็นบนตัวผม

ผมโอบกอดไป๋เวยไว้ เดินออกมาจากฝูงชนที่กระจัดกระจาย โดยไม่สนใจน้ำที่ถูกฉีดจากผู้คนตลอดทาง เดินไปยังทิศทางของโรงแรม

ระหว่างทาง พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ผมแนบชิดกับร่างกายของเธอ รับรู้ได้ถึงผิวที่เปียกชื้นของเธอ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ผมกลับไม่มีความคิดชั่วร้ายอะไรแม้แต่น้อย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด