ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 33 การเดิมพันหนึ่ง
กงเจิ้งเหวินที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ในสายตาสะท้อนความมืดหม่นเล็กน้อยอย่างไม่ง่ายจะมีใครสังเกตเห็น
“เหอะๆ ขอเพียงแค่ประธานไป๋ไม่เบี้ยวก็พอ ไม่รบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของทั้งสองท่านแล้ว”
พูดจบ ผมก็จูงมือของเหวินเจียกลับไปยังตำแหน่งเดิมของพวกเรา
เหตุผลที่เข้าไปพูดจาไร้สาระกับไป๋เวยสองสามประโยค ก็เพราะว่าอยากจะทำให้เธอสะอิดสะเอียน แกว่งไปแกว่งมาอยู่ต่อหน้าเธอตลอดเวลา แท่งฉี่แท่งนั้นประชิดไปที่จมูกของเธอเบาๆ ถือโอกาสเตือนเธอทุกวินาทีว่า อย่าลืมเธอยังต้องนอนเป็นเพื่อนผมหนึ่งคืน
เพิ่งจะนั่งลง เหวินเจียกดเสียงเบาเอ่ยกับผมด้วยความโกรธ “ฟางหยางคุณหลอกเล่นฉัน ที่แท้คุณรู้จักพวกเขา ทำร้ายให้ฉันขายหน้าเป็นเพื่อนคุณ”
“คุณไม่ชอบความตื่นเต้นเหรอ?”
“อือ…ตื่นเต้นมาก ใช่แล้วๆ คุณกับไป๋เวยคนนั้นมีนัดอะไรกันเหรอ? ทำไมตอนนั้นสีหน้าของเธอแย่มาก ปฏิกิริยาตอบสนองก็ยังรุนแรงขนาดนี้?”
ผมมองดูเด็กขี้สงสัยคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ค่อนข้างน่าขำ “คุณเกิดปีแมวใช่หรือเปล่า? ไม่รู้ว่าความอยากรู้อยากเห็นจะทำร้ายแมวจนตายเหรอ?”
“ฉันไม่กลัว อิอิ คุณรู้ว่าฉันทำอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่รู้ คุณไม่เคยพูด คงไม่ใช่นักข่าวเหรอกมั้ง?”
“ไม่ ฉันเขียนนิยาย ชอบเรื่องซุบซิบที่สุดเลย คุณก็รู้ สิ่งเหล่านี้ก็คือแหล่งที่มาของวัตถุดิบและแรงบันดาลใจของนิยาย”
ผมค่อนข้างยากที่จะเชื่อ “คุณนิสัยกระโดกไปกระเดกมาขนาดนี้ สามารถสงบจิตสงบใจลงมาเขียนหนังสือได้เหรอ?”
“อย่าดูถูกฉัน ตอนที่ฉันเงียบลงมาเรียกได้ว่าก็คือลูกแมวตัวหนึ่ง”
“เจ้าแมวสวัสดี เจ้าแมวลาก่อน”
“อย่าแบบนี้สิ รีบบอกคุณกับเธอคือยังไงกันแน่? ใช่แล้ว อาหารมื้อนี้ฉันเลี้ยง ตอนดึกค่อยเลี้ยงเหล้าคุณอีก”
“ตกลง” ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมเล็กน้อย เอ่ยว่า “ผมกับเธอเคยมีเรื่องกัน ว่าผมว่าขยะสังคมก็คือเธอ สำหรับการนัดหมายนั้น…คือการเดิมพันหนึ่ง บริษัทของเราทำซอฟต์แวร์ เธอคือหัวหน้าฝ่ายขาย ผมคือผู้ช่วยของเธอ มาเชียงใหม่กับเธอคราวนี้ประเด็นสำคัญคือต้องเจรจาโปรเจ็กต์หนึ่ง ในตอนที่ความหวังมีเพียงเล็กน้อยจนแทบจะไม่มีนั้น ผมทะเลาะกับเธอ จากนั้นพนันกัน หากผมสามารถเอาโปรเจ็กต์นี้มาได้ล่ะก็ เธอก็จะนอนเป็นคู่เตียงกับผมหนึ่งคืน”
“ว้าว” ปากของเหวินเจียอ้าออกเป็นรูปตัวโอ ทั่วทั้งใบหน้ายากที่จะเชื่อ
พูดจบ ผมถึงได้ค้นพบว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าเด็กผู้หญิงที่ยิ้มขึ้นมาสวยราวกับดอกไม้แต่กลับนิสัยกระโดกกระเดกไปมา ทั้งเหมือนแมวทั้งเหมือนหมาคนนี้ ดูเหมือนไม่มีภูมิต้านทานแม้แต่น้อย
พนันกับไป๋เวยเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ ทนการขัดถูไม่ถึงสองทีก็พูดออกมาแล้ว
ไป๋เวยเคยบอกว่า เรื่องที่พนันไม่สามารถบอกใครได้โดยเด็ดขาด เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ว่า ชื่อเสียงของเธอเกี่ยวอะไรกันกับผม?
ก็ท่าทีนั่นที่เธอมีต่อผม ก็ผมในสายตาของเธอสุดจะรับได้ขนาดนั้น ทำไมผมจะต้องรักษาความลับให้เธอด้วย?
แต่ผมยังคงพูดกับเหวินเจียอีกหนึ่งประโยคอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้พูดขึ้นกับใครใดๆก็ตาม แม้แต่คำเดียว”
“อื้อ คุณวางใจ แม้ว่าฉันจะชอบซุบซิบนินทา แต่สามารถเก็บความลับได้เป็นอย่างดี” เหวินเจียพยักหน้าอย่างหนักหน่วง
ผมมองดูท่าทางนั้นของเธอ มักมีความรู้สึกแบบไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือเท่าไร
“ใช่แล้ว งั้นหลังจากนั้นล่ะ? หลังจากนั้นคุณเอาโปรเจ็กต์ของBTTมาได้หรือเปล่า?” เหวินเจียถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ารอคอยคำตอบ
“เอามาได้แล้ว”
“ว้าว งั้นเธอนอนเป็นเพื่อนคุณหรือยังคะ?”
“ยัง เธอเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ บอกว่าแม้จะชื่อเสียงป่นปี้ก็ไม่มีทางให้ผมได้บรรลุผล”
เหวินเจียพยักหน้าอย่างคิดอะไรอยู่ “อือ จุดนี้เธอทำได้ดี ทำให้คนรู้สึกเลื่อมใสมาก จะเสียเปรียบคุณแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”
ผมมองบนใส่เธออย่างคนข้างที่จะหมดคำพูด
เธอซักถามเรื่องระหว่างผมกับไป๋เวยขึ้นอีกไม่หยุด
ผมไม่ได้บอกกับเธอมากจนเกินไป ปิดบังเรื่องที่ไป๋เวยเกือบจะถูกข่มขืนสองครั้ง บอกเธอเพียงแค่ผมเคยเข้าคุก
จากนั้น ผมก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องไปที่กงเจิ้งเหวินอย่างพอเหมาะพอดี บอกว่ากงเจิ้งเหวินเคยคิดจ่ายสองล้านให้ผมไสหัวไป
เหวินเจียอย่างกับเด็กขี้สงสัย ตื่นเต้นตกใจไปครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งกินข้าวเสร็จ เธอถึงได้ไม่ซักถามเรื่องของผมอีก
ไป๋เวยกับกงเจิ้งเหวินกินเสร็จจากไปตั้งนานแล้ว
ผมกับเหวินเจียเดินเล่นไปตามถนน เดินไปคุยเรื่องความรอบรู้ของเธอที่เที่ยวทุกหนทุกแห่งไปด้วย
พวกเราเที่ยวอยู่ที่ปาร์ตี้บนท้องถนนและเขตการแสดงอยู่นานมาก สุดท้ายหาบาร์ข้างถนนดื่มเบียร์กันนิดหน่อย
ตอนที่ตกดึกสี่ทุ่มกว่า คนที่เฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขบนท้องถนนส่วนใหญ่ได้ทยอยกันแยกย้าย พวกเราก็เหนื่อยมากแล้วเช่นเดียวกัน
ระหว่างทางที่ส่งเธอกลับโรงแรม เดินอยู่บนถนนเส้นหนึ่งที่ผู้คนน้อยมาก กลุ่มคนจำนวนนับร้อยที่ถือปืนฉีดน้ำฉีดมั่วไปทั่วก็เดินหันหน้าเข้ามาทางพวกเรา
ตอนที่เดินมาใกล้ ผมรู้สึกไม่ค่อยปกติ คนกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นชายวัยรุ่นร่างกายกำยำ อีกทั้งล้วนเป็นคนไทยท้องที่ บนร่างกายของคนบางส่วนยังมีรอยสัก
ไม่รอให้ผมมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรออกมา คนกลุ่มนั้นก็เผชิญหน้าเข้ามาหุ้มผมกับเหวินเจียเข้าไปตรงกลาง
จากนั้น พวกเราดูเหมือนจะหยุดฝีเท้าลงอย่างพร้อมใจกันมาก คนที่อยู่ด้านนอกถือปืนฉีดน้ำฉีดเล่นไปทั่ว
และคนที่อยู่ด้านใน ก็กระจายออกช้าๆ กลายเป็นวงล้อมหนึ่ง
เห็นได้ชัดมาก พวกเขาพุ่งเป้ามาที่ผม
หากเดาไม่ผิด คนที่อยู่ด้านนอกจะขัดขวางไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าใกล้ และลงมือกับผมโดยคนที่อยู่ด้านใน
ผมคว้ามือของเหวินเจีย ดึงเธอมาที่ข้างกายของผม เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “เหวินเจีย คุณตั้งใจฟังให้ดี”
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เหวินเจียดูเหมือนก็จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนกลุ่มนี้แล้ว
“อีกสักครู่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็อย่ากลัว อย่าลนลาน ยิ่งอย่าวิ่งวุ่นวายไปทั่ว ตอนที่ผมร้องไห้คุณวิ่ง วิ่งไปตามทางที่ผมบอก ไม่ต้องหันหลังกลับ ไม่ต้องสนใจผม วิ่งตรงไปหาตำรวจ”
เหวินเจียจับแขนผมไว้ในทันที เอ่ยถามขึ้นอย่างซีเรียสว่า “พวกคุณจะทำอะไร?”
“คำพูดที่ผมพูดเมื่อสักครู่นี้ ฟังชัดเจนดีหรือยัง?”
“อือ ฟังชัดเจนดีแล้ว”
“งั้นก็ดี จำไว้รอผมร้องตะโกนคุณค่อยวิ่ง”
ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด เงยหน้าขึ้น เผชิญหน้ากับชายหนุ่มรูปร่างกำยำผิวคล้ำไม่ใส่เสื้อคนหนึ่งที่กำลังเดินหันหน้าเข้ามา
มือของคนที่อยู่วงล้อมด้านในไม่มีปืนฉีดน้ำ และก็ไม่ได้มีอุปกรณ์ของมีคม ไม่มีท่อนเหล็ก ทั้งหมดมือเปล่าไม่มีอาวุธ
นี่คือความโชคดีในความโชคร้าย พวกเขายังไม่ถึงขั้นจะทำผมให้ตาย
“ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ให้เธอไปก่อนเถอะ”
ผมชี้ไปที่เหวินเจีย ใช้ภาษาไทยพูดกับชายหนุ่มร่างกำยำคนนั้น
ชายคนนั้นส่ายศีรษะ “ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอจริงๆ พวกเราก็จะไม่ทำอะไรเธอ แต่เธอตอนนี้ไปไม่ได้ ได้แต่รออยู่ที่ด้านข้าง”
“ไม่มีความจำเป็นมั้ง?”
“เธอจะวิ่งไปหาตำรวจ”
ผมหัวเราะเล็กน้อยอย่างจนปัญญา ไม่ได้บีบบังคับให้ได้มาอีก แต่ถอดเสื้อยืดออก เผยให้เห็นความเนื้อทั้งตัวที่ฝึกฝนมาตอนอยู่ในคุก
เหวินเจียยกมือกุมปาก จ้องมองรอยแผลเป็นมากมายที่อยู่บนตัวผมอย่างยากที่จะเชื่อ
ผมนำเสื้อยัดใส่เข้าไปในมือของเธอ เอ่ย “ผมกลัวทำเละ ช่วยผมถือเอาไว้ก่อน รออยู่ที่ด้านข้างสักครู่ก็เสร็จแล้ว”
เหวินเจียกัดฟันพยักหน้า รับเสื้อมาด้วยสองมือที่สั่นเล็กน้อย
ผมเดินเข้าไปหาหนุ่มล่ำบึกคนนั้น
ชายไทยชอบชกมวย คนที่ฝึกมวยไทยเยอะมาก หากไม่ผิดคาดล่ะก็ ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้านี้ก็เป็นหนึ่งคน
พวกเขาคงจะคิดว่าหลายสิบคนรุมผมคนเดียวไม่น่าสนใจ ดังนั้นจึงขึ้นมาเพียงแค่คนเดียว ตอนที่ต่อยขึ้นมายังสามารถมีจุดที่น่าชื่นชมหน่อย
“เพิ่มสักเดิมพันหนึ่งเป็นไง?” ผมเดินไปถึงด้านหน้าของชายคนนั้นแล้วเอ่ยขึ้น
“เดิมพันอะไร?”
“หากผมชนะ ผมต้องได้เจอบัญชา หากผมแพ้…ผมให้คุณหนึ่งหมื่นบาท แต่ไม่ได้พกติดตัว พรุ่งนี้เอาเงินสดเข้าไปให้คุณ”
คอมเม้นต์