ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่40 มีอะไรไม่ชอบมาพากล
“อืม”
“เห้อ โทษๆๆ ฉันรักการนอนมาก แค่หัวถึงหมอนก็ห้ามได้ทุกอย่างแล้ว คุณไม่ได้รอนานใช่มั้ย?”
ผมดูเวลาในมือถือ “ไม่นาน สองชั่วโมงพอดิบพอดี ห่างจากเวลาขึ้นเครื่องของคุณสองชั่วโมงครึ่งนิดๆ”
“หา?” เหวินเจียชะงัก จากนั้นก็กระโดดเหมือนกระต่ายลงมาจากเตียง พลางตะโกนว่าแย่แล้วๆ แล้วใส่รองเท้าวิ่งไปที่ห้องน้ำ
“ไม่ต้องรีบ จากนี้ไปใช้เวลานั่งรถแค่สิบกว่านาทีเท่านั้นเอง”
ผมเพิ่งรู้ว่าเหวินเจียค่อนข้างซุ่มซ่าม เก็บสัมภาระได้มั่วมาก โยนของมั่วไปหมด
สุดท้ายผมก็ต้องเอาผ้าห่มของเตียงออกให้เธอจึงจะหาหูฟังของเธอเจอ
เมื่อเธอล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเก็บของที่ตกหล่นก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว นี่ยังไม่นับแต่งหน้านะ
กินอาหารเช้า นั่งรถมา เมื่อมาถึงสนามบินห่างจากเวลาขึ้นเครื่องแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อช่วยเธอเช็กอินเสร็จ ตอนเตรียมจะเข้าจุดตรวจเช็กความปลอดภัย เหวินเจียยืนอยู่ตรงหน้าของผม ก้มหน้า ราวกับมีบางอย่างจะพูด
“ติดต่อกันทางวีแชทนะ ถ้ากลับเมืองเซิ่งไห่ไปหาฉันด้วย ฉันยังอยากฟังเรื่องระหว่างคุณกับประธานไป๋” เก็บมานาน
ผมพยักหน้า “อืม ไปเถอะ ไปเที่ยวไหนก็ระวังตัวด้วย อย่าคิดแต่จะตื่นเต้นอย่างเดียว”
“โฮะๆๆ เมื่อคืนตื่นเต้นมากจริงๆ อ้อ คุณต้องระวังตัวด้วยนะ อย่าไปหาพวกมันอีก ไม่งั้นคุณก็กลับเมืองเซิ่งไห่ให้เร็วหน่อยมั้ย”
“วางใจได้ ผมฝีมือดีขนาดนี้ แล้วยังเขี้ยวลากดินอีก พวกมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก เดี๋ยวผมจัดการเรื่องงานเสร็จก็กลับแล้ว”
“งั้นถ้าคุณต้องเจอกับพวกมันอีก ต้องเขี้ยวลากดินไว้นะ หนีให้ไว”
ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ มองไปยังความเป็นห่วงในแววตาของเธอ แล้วยกมือขึ้นมาปัดผมที่อยู่กลางคิ้วให้เธอ แล้วกล่าว “วางใจเถอะนะ”
เธอให้ผมปัดผมให้อย่างนิ่งสงบ จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างแปลกๆ
“โอเคล่ะ รีบไปเข้าจุดตรวจความปลอดภัยเถอะนะ เหลือเวลาไม่มากแล้ว”
“อืม” เธอพยักหน้า แล้วเดินไปที่จุดตรวจความปลอดภัย
เดินไปได้ไม่กี่เมตร จู่ๆเธอก็หันกลับมา กัดริมฝีปาก “รอให้ฉันอยากมีความรักก่อน คุณก็จะจีบฉันได้แล้ว”
เมื่อพูดจบ เธอลากกระเป๋าเดินทางวิ่งไปที่จุดตรวจความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
ผมอยู่นิ่งอยู่กับที่ มองเธอเดินผ่านจุดตรวจความปลอดภัย เข้าไปในช่องทางเดิน เหมือนกับผีเสื้อตัวหนึ่ง
แต่เธอไม่หันกลับมาอีก
ภาพนั้นไม่หายไปจากหัวค่อยๆวกวนกลับมาในความคิด ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ เดินออกจากสนามบิน
“รอให้ฉันอยากมีความรักก่อน คุณก็จะจีบฉันได้แล้ว”
ในหูยังคงดังกึกก้องไปด้วยเสียงของเธอ ไม่เลือนหายไปอยู่นาน
ผมอยากจีบเธอจริงๆ แว็บแรกที่เห็นเธอ ตอนนั้นที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็อยากจีบเธอแล้ว
แต่ตอนนี้ ผมราวกับไม่มีความกล้า
เพราะเธอไร้เดียงสา ไร้ที่ติ แต่ผม……
ผมไม่รู้
ผมไม่อยากคิดอะไร ถ้ามีบุญวาสนาต่อกัน ถ้าตอนนั้นผมคิดว่าผมจะไม่ทำให้รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเธอแปดเปื้อน และมีปัญญาพอที่จะให้เธอยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้ยิ้มหวานแบบนี้ได้ตลอดชีวิตล่ะก็ ผมจะจีบเธอ
ออกจากสนามบิน กลับถึงโรงแรมแล้วนั้น บริเวณใกล้ๆมองไม่เห็นคนของบัญชาแล้ว
บางทีไอ้นี่มันคงคิดได้แล้ว ว่าไม่จำเป็นต้องฆ่ากันให้ตายทั้งสองฝ่าย ยังไงเขาก็รับเงินของกงเจิ้งเหวินมาแล้ว ไม่มีทางคืนเงินแน่นอน
ต่อให้กงเจิ้งเหวินติดต่อเขาและบีบบังคับเขาแล้วยังไง ที่นี่ก็ยังเป็นถิ่นของบัญชาอยู่ดี
ผมปล่อยวาง กลับมาที่โรงแรมหาอะไรกิน จากนั้นก็เดินกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
ช่วงบ่าย ผมตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์รบกวน ไป๋เวยโทรมาบอกว่าเธอได้เบิกเงินสามหมื่นหยวนออกมาอีก
ผมเจอกับเธอที่ด้านล่างโรงแรม เธอเอาเงินให้ผมแล้วจากไปโดยไม่พูดไม่จา
ผมใช้แอพพลิเคชั่นธนาคารในมือถือเอาเงินในบัตรของตัวเองโอนไปให้โล๋อีเจิ้งสามหมื่น จากนั้นตนได้ไปถอนเงินสดแลกมาหนึ่งหมื่นหยวน บวกกับสี่หมื่นที่ไป๋เวยเบิกมาล่วงหน้า ในมือมีเงินสดด้วยกันทั้งหมดห้าหมื่น
ความจริงโอนเงินสะดวกกว่า การขึ้นเงินสดยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ผมรู้ว่าหลินโล่สุ่ยกับเฉาเหวินหวยยังอยู่เชียงใหม่เล่นสงกรานต์ ก็แค่อยากเอาเงินสดโยนไว้ตรงหน้าเธอก็เท่านั้น
หลังจากที่รวมเงินครบแล้ว ผมโทรหาหลินโล่สุ่ย เหมือนเธอจะคาดไม่ถึง แต่น้ำเสียงนี่เย็นชามาก
อารมณ์ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพราะครั้งที่แล้วตอนที่ผมดูถูกเฉาเหวินหวย เธอก็ได้แสดงความเยือกเย็นออกมาแล้ว ถึงขั้นแสดงท่าทางรังเกียจออกมาเลยล่ะ
ผมบอกว่าอยากเจอเธอ เธอลังเลไปสักพัก จากนั้นก็ถามความเห็นของเฉาเหวินหวยอย่างเบาๆ หลังจากที่ได้รับการยินยอมแล้วก็บอกสถานที่นัดเจอกับผม
ที่นั่นเป็นร้านกาแฟกลางแจ้ง ที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ต้องมีตำรวจสายสืบอยู่แน่นอน เป็นที่ที่ปลอดภัยที่หนึ่ง
เมื่อมาถึงร้านกาแฟ หลินโล่สุ่ยและเฉาเหวินหวยนั่งที่ที่ใกล้กับถนน ผมเดินไป ไม่ทักทายใดๆ และไม่นั่งลงเช่นกัน แล้วเอากระเป๋าถือที่ใส่เงินวางไว้บนโต๊ะ
เฉาเหวินหวยมองถุงนั่น ขมวดคิ้วแล้วดูแคลนออกมา
เขาน่าจะรู้มานานแล้วว่าเมื่อภารกิจของบัญชาล้มเหลว
หลินโล่สุ่ยเงยหน้า แล้วถามอย่างสงสัย “นี่คืออะไร?”
“เงิน ครั้งที่แล้วคุณโอนเงินให้ผมห้าหมื่น ตอนนี้คืนให้คุณ นับดู” ผมเปิดถุงออก มีเงินหยวนห้ามัดโผล่ออกมาอย่างแน่น
หลินโล่สุ่ยชะงัก ไม่นานจึงได้กัดฟันด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนไม่พูดไม่จา
เฉาเหวินหวยเยาะเย้ย “เหอะ เงินก้อนนั้นโล่สุ่ยกว่าว่าแกออกมาจากคุกแล้วจะหางานไม่ได้ กลัวว่าแกจะไปเก็บขยะหรือไปหลอกลวงกรรโชกทรัพย์ ดังนั้นจึงตั้งใจให้เงินค่าเลิกรากับแก แกไม่ต้องคืน”
ผมไม่โต้ตอบใดๆ หยิบเครื่องดื่มของหลินโล่สุ่ยขึ้นมา แล้วสาดไป สาดเครื่องดื่มไปที่หน้าของเฉาเหวิน
“ฟางหยาว คุณทำอะไร?” หลินโล่สุ่ยตะคอกใส่ผม แล้วรีบหยิบทิชชูเช็ดเครื่องดื่มที่อยู่บนหน้าของเฉาเหวินหวย
สิ่งที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงก็คือ เฉาเหวินหวยไม่โกรธ แต่กลับหรี่ตาดูแคลนมองมาที่ผม
สายตานั้นเหมือนกำลังบอกว่า แกตายแน่
“เหอะๆ รับเงินไป” ผมพูดเรียบง่ายกับหลินโล่สุ่ย จากนั้นก็หันหลังจากไป
แต่ตอนที่เดินถึงถนน ได้เห็นไป๋เวยและกงเจิ้งเหวินที่ยืนบนทางเดินห่างไปไม่กี่เมตร นึกไม่ถึงว่าพวกเขาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ไป๋เวยกำลังขมวดคิ้ว ราวกับไม่พอใจการกระทำที่ผมสาดเครื่องดื่มใส่หน้าคนอื่น
กงเจิ้งเหวินหรี่ตาดูแคลนมองผม
ผมแปลกใจขึ้นมาทันใด สายตาของเขากับเหวินหวยเหมือนกับเป๊ะ เหมือนกับพูดประโยคเดียวกัน แกตายแน่
ไม่สิ มันไม่ชอบมาพากลนะ
ทำไมเขาและไป๋เวยถึงได้ปรากฏตัวที่นี่ได้
ไป๋เวยและเฉาเหวินหวยเป็นคู่แข่งกัน ความสัมพันธ์แย่มาก ไม่มีทางนัดมีกินอะไรด้วยกันได้
ถ้าเป็นเหตุบังเอิญ……แม้เชียงใหม่ไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ไปไหนก็เจอกันได้นะ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญธรรมดา
ในขณะที่ผมกำลังสงสัย และอยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วนั้น ได้มีรถตำรวจกดแตรขับมาอย่างเร็วผ่าฝูงชน จากนั้นก็จอดข้างๆผม
บนรถมีตำรวจไทยลงมาสี่นาย เดินมาที่ผมด้วยแววตาไม่สู้ดี
ผมนิ่งไป มันไม่ชอบมาพากลจริงๆด้วย
“คุณผู้ชายครับ รบกวนโชว์เอกสารยืนยันตัวตนด้วยครับ” ตำรวจทั้งสี่นายล้อมผมไว้ตรงกลาง ผู้นำกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
ผมกลั้นโมโหไว้ “มิทราบว่าเรื่องอะไรครับ?”
ตำรวจอีกนายราวกับเริ่มรำคาญ “ทางเราสงสัยว่าคุณมีส่วนพัวพันกับแก๊งอาชญากรรม กระทำการข่มขู่และแบล็คเมล์BTTกรุ๊ปเชียงใหม่ กรุณาไปให้ปากคำกับเราด้วยครับ”
ผมใจเต้นตึกๆ เหี้ยเอ้ย ถูกกงเจิ้งเหวินกับเฉาเหวินหวยเล่นงานอีกแล้ว
คอมเม้นต์