ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่43 ทำเพื่อเงินเท่านั้น
ผ่านไปอีกวัน จู่ๆตำรวจก็บอกผม ว่าวันนี้จะให้ผมไปอยู่ในห้องขัง ก็หมายถึงว่าพวกเขามีหลักฐานเพียงพอ ช่วงเวลาต่อไปผมก็จะต้องเผชิญกับการสั่งฟ้องและการตัดสินคดี
ผมไม่ได้ต่อต้านและโต้เถียงอย่างไร้ความหมาย ผมเริ่มสะสมแรงกายไว้ เพื่อหลังจากที่ถึงเรือนจำแล้วอาจจะเกิดการต่อสู้ขึ้น
ในวันนั้น ผมถูกพาออกจากสถานีตำรวจ ในขณะที่ถูกตำรวจกำลังจะพาไปส่งที่เรือนจำอยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น “จู่ๆรถหรูหลายคันได้ขับเข้ามาบนถนน แล้วดักเป็นแถวอยู่ตรงหน้าของสถานีตำรวจ”
คนขับรถเล็กซัสคันหนึ่งที่อยู่ตรงกลางรีบลงมา วิ่งมาเปิดประตูรถด้านหลัง จากนั้นก็มีผู้เฒ่าที่ตัวเล็กคนหนึ่งเดินลงมา
รถเบนซ์ด้านหลังมีชายวัยกลางคนที่อายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งลงมา
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนคนนั้น ผมก็อดที่มีจะความหวังขึ้นมาไม่ได้ ตอนนี้มีเพียงเขาที่จะช่วยผมได้
และ เขาต้องพยายามช่วยผมแน่นอน
เพราะเขาคือตู้หมิงเฉียง
ตู้หมิงเฉียงที่เคยฟัดกันในคุกมาก่อน ต่อมาก็กลายเป็นเพื่อนกัน รวยมากและมีอำนาจมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ผมรู้ว่าเขามาเพราะผม
หลังจากที่ตู้หมิงเฉียงลงจากรถแล้ว มองที่ที่รถตำรวจ หลังจากที่เห็นผม ก็ค่อยๆพยักหน้าส่งสัญญาณ
ผมก็พยักหน้าให้เขาอย่างตื้นตัน จากนั้นก็เห็นโล๋อีเจิ้งที่ลงมาจากรถอีกคัน
“พี่หยาง” หลังจากโล๋อีเจิ้งเห็นผมแล้วก็ตะโกนออกมา จากนั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างเร็ว
ตำรวจข้างๆผมเหมือนเจอเข้ากับศัตรู ต่างพากันจ่อปืนไปที่โล๋อีเจิ้ง
โล๋อีเจิ้งหยุดลง ขมวดคิ้วจ้องไปที่ตำรวจพวกนั้น
“อาเจิ้ง อย่าวู่วาม ไปหาพี่เฉียง” ผมรีบตะโกนไปที่ไอ้งั่งนั่น
โล๋อีเจิ้งพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ตู้หมิงเฉียง
ตู้หมิงเฉียงพูดกับผู้เฒ่าตัวเล็กคนนั้นที่อยู่ข้างๆ ผู้เฒ่าคนนั้นมองผม จากนั้นก็เดินเข้าไปในสถานีตำรวจ ตอนที่เดินผ่านตำรวจพวกนั้นไม่พูดไม่จาใดๆ
ตำรวจคนนั้นเหมือนจะไม่รู้จักผู้เฒ่าคนนั้น แต่ตระหนักได้ถึงอะไรสักอย่างแน่นอน ต่างพากันเก็บปืนไว้ด้านหลังแล้วสบตากัน สุดท้ายมีตำรวจคนหนึ่งวิ่งกลับไปในสถานีตำรวจ ดูท่าทางคือจะไปสอบถามข่าวคราว
ไม่นาน ตำรวจอ้วนท้วนท่าทางเหมือนหัวหน้าวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ แย่งกุญแจจากในมือของลูกน้องไป ช่วยปลดกุญแจมือให้ผมอย่างเกรงใจ แล้วยังยิ้มให้ผมอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วพูดว่าเพียงแค่ผมเซ็นชื่อก็ออกไปได้แล้ว
ผมปล่อยวาง แล้วกลับไปเซ็นชื่อในสถานีตำรวจ หยิบของของตัวเองมา จากนั้นก็เดินออกมาจากสถานีตำรวจในขณะที่ตำรวจอ้วนท้วนขอโทษไม่หยุด
ได้เจอกับผู้เฒ่าตัวเล็กคนเมื่อกี๊ที่ประตูพอดี ผมยกมือไหว้เขา ใช้ภาษาไทยพูดว่า “ขอบคุณมากจริงๆครับ”
เขาไม่พูดอะไร แล้วยกมือไหว้ตอบ จากนั้นเดินไปพูดกับตู้หมิงเฉียงอย่างเกรงใจ แล้วขึ้นไปนั่งบนรถเบนซ์แล้วจากไป
“พี่หยาง” โล๋อีเจิ้งวิ่งมาที่ผมอย่างตื่นเต้น
ผมเดินลงบันไดหน้าประตูสถานีตำรวจ โอบไหล่ของเขาแล้วออกแรงตบไป
“พี่หยาง เมื่อหลายวันก่อนพี่ปิดเครื่อง ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าพี่ต้องมีปัญหาแล้วแน่นอน จากนั้นผมก็รีบโทรหาพี่เฉียง โชคดีที่มาทัน”
“ขอบใจวะ” ผมได้ออกแรงตบบ่าเขาอีกครั้ง
“พูดแบบนี้ทำไม อ้อ ไอ้หมาเย็ดแม่นั่นทำพี่ใช่มั้ย? กูจะไปฆ่ามัน”
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้แกฟัง เรื่องนี้ประมาทไม่ได้”
เมื่อพูดจบ ผมเดินไปด้านหน้าของตู้หมิงเฉียง มองเขา แล้วกล่าวอย่างจริงจ้ง “เหล่าตู้ ครั้งนี้ขอบคุณมากเลยนะ ผมติดหนี้คุณ”
ตู้หมิงเฉียงหัวเราะ “แกก็ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เคยเรียกฉันว่าพี่เลย แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ชอบการเรียกแบบนั้นแล้วเหมือนกัน กลับชอบให้คนเรียกฉันว่าประธานตู้ ได้ยินแล้วสบาย ไปกันเถอะ เลี้ยงต้อนรับแกกันหน่อย
พูดพลาง ตู้หมิงเฉียงเปิดประตูออกแล้วนั่งลงไป
ผมไม่ลังเล นั่งเบาะหลังตามเขา โล๋อีเจิ้งวิ่งไปนั่งที่ข้างๆคนขับ
ตู้หมิงเฉียงชี้ไปยังคนขับรถที่นั่งอยู่เบาะคนขับรูปร่างกำยำ แล้วกล่าว “นี่คือผู้ช่วยของฉันอาเยว่ อาเยว่เรียกพี่หยาง”
“สวัสดีครับพี่หยาง”
วัยรุ่นคนนั้นหันกลับมา แล้วเรียกอย่างให้เกียรติ
ผมตอบกลับ และก็เซ็งอยู่บ้าง คนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นอันธพาล แล้วตู้หมิงเฉียงยังจะบอกว่าเป็นผู้ช่วยอีก
ตู้หมิงเฉียงยิ้มพลางถามว่า “ไง? เข้าไปนอนกี่วัน คิดถึงความรู้สึกในตอนนั้นมั้ย?
ผมส่ายหน้ายิ้มแหยๆ “คิดถึงเชี่ยไรล่ะ ลำบากกว่าเมื่อก่อนเยอะ เมื่อสองวันก่อนไอ้พวกสารเลวพวกนั้นไม่ให้ผมนอนแม้แต่นาทีเดียว เกือบเอาตัวไม่รอดแล้ว”
“ฮ่าๆๆ พูดอย่างกับเมื่อก่อนที่แกเข้าไปสุขสบายอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าถูกฉันเล่นงานจะเป็นจะตายประจำหรอกเหรอ?”
“เหล่าตู้แกไม่ต้องพูดเรื่องบ้าบอนั่นแล้ว มีครั้งไหนบ้างที่พี่ไม่โดนผมลากให้ติดร่างแหด้วย?”
ตู้หมิงเฉียงทั้งเงยหน้าทั้งหัวเราะ แล้วส่ายหน้า “แกไอ้เด็กเปรตตอนนั้นเหมือนหมาบ้าอย่างไรอย่างนั้น เหี้ยมจริงๆ”
เมื่อพูดจบ จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันใด “อ้อ ออกมาแล้วทำไมไม่มาหาฉัน?”
“เมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าคุณประเทศไทย ถ้ารู้ล่ะก็ เรียกออกมาดื่มเหล้าตั้งนานแล้ว”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ ฉันหมายถึงก่อนหน้านี้ ได้ยินว่าตอนนั้นช่วงที่แกออกมาแรกๆไม่ค่อยราบรื่น แล้วก็ไม่มาหาฉัน กลัวว่าฉันจะพาแกทำเรื่องไม่ดีหรือไง?”
ผมหันหน้าไป มองท่าทางของเขาที่กำลังยิ้ม แล้วส่ายหน้า “ขอโทษครับ เหล่าตู้ พูดตรงๆ ผมไม่อยากทำเรื่องที่คุณทำจริงๆ เพราะผมกลัว กลัวว่าต้องเข้าไปอีก แล้วก็กลัวปืนยิ่งกว่าด้วย ผมแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
“อืม ฉันชอบคนนิสัยแบบแก ทั้งกล้าทั้งกลัว คนแบบสินี้ถึงจะทำการใหญ่ได้”
ตู้หมิงเฉียงเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้ง “แต่แกสบายใจได้ ฉันไม่พาแกไปทำเรื่องไม่ดี ตอนที่อยู่ด้านในห้าปีฉันคิดได้แล้ว ธุรกิจแบบนั้นไม่ยั่งยืน ตอนนี้ก็แทบจะไม่ทำแล้ว อยากจะทำธุรกิจจริงๆจังๆ ทำเงินอย่างสง่าผ่าเผย เป็นนักธุรกิจที่ทุกคนให้การเคารพอย่างจริงจัง
“แต่แกก็รู้ ครอบครัวก็ดี คนที่อยู่กับฉันเมื่อก่อนก็ดี พวกเขาล้วนไม่มีวัฒนธรรม ทำการใหญ่ไม่ได้ ข้างนอกก็หาคนยาก คนที่หามาได้ก็อาจจะเชื่อไม่ได้ ข้างๆกายไม่มีใครเหมือนแกที่มีทั้งความกล้าและยังมีความสามารถในด้านนี้ด้วยอีก ดังนั้นฉันอยากให้แกมาช่วยฉันจริงๆ
“การทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ หรือภายในประเทศที่เป็นทางการฉันกำลังศึกษาอยู่หลายๆโครงการ เพียงแค่แกตกลง ทำอันไหนก็ได้”
ตู้หมิงเฉียงยังเหมือนเมื่อก่อน คุยกับใครก็ใช้วิธีปฏิบัติตามนั้น จุดนี้ดูออกชัดเจนว่าปฏิบัติกับผมอย่างพิเศษ เพราะเขารู้ว่าผมไม่ชอบพูดพร่ำทำเพลง ดังนั้นจึงพูดตรงๆมาก
เพิ่งจะช่วยผมออกมา ก็พูดโน้มน้าวให้ผมยอมทุ่มสุดตัว
นั่งสงบฟังคำพูดเขาจนจบ ผมไม่รีบร้อนตอบ เพราะผมแอบถูกใจเข้าแล้ว
ถ้าตู้หมิงเฉียงไม่ได้ให้ผมทำเรื่องอันตรายพวกนั้น แต่ทำธุรกิจจริงๆจังๆล่ะก็ ก็ลองคิดทบทวนดูได้
ไม่ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อเงินเท่านั้น
จากที่ผมรู้จักตู้หมิงเฉียงมา เขาไม่มีทางเอาเปรียบคนรอบกาย เพียงแค่มีความสามารถช่วยเขาให้ได้เงินมาหรือแบ่งเบาภาระให้เขาได้ ก็จะสบายแล้ว
เมื่อก่อนเขาเคยพูดกับผมไว้ ให้ผมจัดการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้เขา แล้วจะให้หุ้นกับผมโดยตรง
เรื่องนี้ผมไม่สงสัยเรื่องแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นคนที่มีหลักการ
คอมเม้นต์