ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่46 บุญคุณ
บัญชาที่ยืนอยู่นอกประตู ด้านหลังตามด้วยคนจำนวนมาก
หลังจากที่ผลักประตูออกแล้ว บัญชาไม่พูดอะไร มองผมอย่างสงบ แล้วสังเกตตู้หมิงเฉียงและโล๋อีเจิ้ง
“คุณบัญชา และแล้วก็ออกมาเสียที” ผมพิงหลังไปที่พนักพิง แล้วกล่าวอย่างสงบ
บัญชาค่อยๆเดินเข้าห้องรับรองพิเศษ คนที่เขาพามาค่อยๆเข้ามาทีล่ะคนทีละคน ประมาณสิบสองสิบสามคน โชคดีที่ห้องรับรองพิเศษนี้ใหญ่จึงไม่แออัดมากนัก
ลูกน้องทั้งสามของโล๋อีเจิ้งและตู้หมิงเฉียงยืนขึ้น มายืนด้านหลังของผมและตู้หมิงเฉียง
บัญชาลากเก้าอี้แล้วนั่งลง จ้องไปที่ตู้หมิงเฉียงอย่างไม่ละสายตา แล้วกล่าว “หยาง ท่านนี้คือใคร?”
“เพื่อน”
“ได้ยินว่าขับเบนซ์?มีเงินอยู่ใช่มั้ย?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก”
บัญชาหน้าถอดสี หัวเราะอย่างมีเลศนัย “เกี่ยวแน่นอน พวกแกไปพังถิ่นของฉัน ทำร้ายคนของฉัน ฉันจะดูว่าพวกแกมีเงินชดใช้เพียงพอมั้ย”
เมื่อได้ยินดังนี้ ตู้หมิงเฉียงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วหัวเราะ จากนั้นได้หยิบมือถือเข้ามาแล้วกด
หางตาของผมเหลือบไปเห็นเขากำลังส่งข้อความ ในข้อความมาที่อยู่ของร้านอาหาร
ใบหน้าบัญชาดุดันขึ้น “หยาง ฉันบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอว่าระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว แล้วทำไมแกต้องไปพังที่ของฉันด้วยวะ?”
“ไม่มีอะไรติดค้าง?” ผมอดไม่ได้ที่จะดูแคลนออกมา “บัญชา แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ แกให้การเท็จ บอกว่าฉันเป็นคนที่สั่งการให้แกรีดไถคนของBTT ตำรวจเอาคลิปให้ฉันดูแล้ว แล้วตอนนี้แกมาบอกฉันว่าไม่มีอะไรติดค้างกัน?”
บัญชาไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย “แล้วไง?พวกมันลงมือกับฉันแล้ว ถ้าฉันไม่สารภาพจะโดนเล่นจนตาย ถ้าสารภาพมากสุดก็ติดคุกแค่ไม่กี่ปี อีกอย่าง ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เป็นไรแล้วเหรอ?อ้อ แกรู้มั้ยทำไมจู่ๆถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว?จู่ๆฉันก็ถูกปล่อยออกมาแบบงงๆ ตำรวจบอกว่าปิดคดีแล้ว”
ผมไม่ได้ตอบเขา แต่ถามกลับไปว่า “พูดให้เคลียร์ ว่าพวกมันทำร้ายแก หรือว่าแกรับเงินจากกงเจิ้งเหวิน?”
บัญชาไม่ตอบ ขมวดคิ้วจ้องมาที่ผม
“แกบอกว่าตำรวจทำร้ายแก งั้นก็โชว์แผลให้ดู มิเช่นนั้น……”
“มิเช่นนั้นแกจะทำไม?” จู่ๆบัญชาก็แสดง สีหน้าเยาะเย้ยและไม่พอใจ “หยาง แกฉลาดมาก ความจริงฉันรับเงินของกงเจิ้งเหวินมาอีก เขายังพูดอีกว่าจะให้ฉันติดคุกมากสุดแค่หนึ่งปี ฉันไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงตกลง แต่ต่อให้ฉันทำร้ายแกจริงๆ แล้วแกจะทำอะไรฉันได้?จัดการฉัน?หรือจะฆ่าฉัน?”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ บัญชาก็หน้าตาดุดันขึ้นมา “แต่ที่พวกแกไปพังร้านของฉัน ทำร้ายคนของฉัน ฉันต้องคิดบัญชีนี้กับพวกแก สิบล้าน ให้ฉันสิบล้านบาท แล้วฉันจะปล่อยพวกแกไป มิเช่นนั้น ฉันจะสับพวกแกเป็นอาหารหมาเสีย”
บัญชาเพิ่งพูดจบ ลูกน้องหลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก็”ฮู”เข้ามาล้อมโต๊ะไว้ ขณะเดียวกัน คนไทยพวกนั้นที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าสุดหยิบอาวุธสีดำออกมาจากเอว จ่อมาที่พวกเรา
ปืน พวกเขาพกปืนมา
ในขณะเดียวกันนี้เอง ตู้หมิงเฉียงและลูกน้องสามคนของตู้หมิงเฉียงก็เอาปืนสีดำจ่อไปที่พวกเขาเช่นกัน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ครอบครองปืนได้อย่างถูกกฎหมาย คนที่มีใบอนุญาตว่ากันว่ามีมากกว่าล้านคน แต่จะเอาออกมาข้างนอกตามใจชอบไม่ได้ ถ้าถูกจับได้จะต้องจำคุก
พวกบัญชาจะต้องมีปืนไม่น้อยแน่นอน ครั้งที่แล้วที่ล้อมผมไม่ได้พกปืน อาจจะคิดว่าจัดการผมคนเดียวไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้น
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เขารู้ว่าผมพาคนมาหลายคน ดังนั้นได้ใช้ของสิ่งนี้แน่
ส่วนตู้หมิงเฉียง ที่ทำธุรกิจแบบนั้น พกอาวุธก็เป็นเรื่องปกติ
ด้วยทั้งสองฝ่ายต่างประจันหน้ากันด้วยอาวุธ ทำให้บรรยากาศในห้องรับรองพิเศษเคร่งเครียดขึ้นมาถึงจุดสูงสุด
เอาจริงๆ ผมเครียดมาก ถ้าบอกว่าไม่กลัวก็คือโกหก เพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับปืนจริงๆมาก่อน และไม่เคยถูกคนเอาปืนจ่อด้วยเช่นกัน
ของสิ่งนั้นไม่ใช่เล่นๆ ถ้าอีกฝั่งใครสักคนพลีชีพ หรือหัวร้อนลั่นไกขึ้นมาล่ะก็ ที่นี่จะมีคนตายหลายคน
เป็นไปได้มากที่ผมและตู้หมิงเฉียง โล๋อีเจิ้งจะตาย เพราะพวกเรามีปืนเพียงสามกระบอก ฝั่งบัญชากลับมีมากถึงห้ากระบอก
โชคดี ที่คนของบัญชาไม่บ้าจนลั่นไกปืนไว้ แต่พวกเขาก็เคร่งเครียดเช่นกัน ผมกลัวก็เท่าแต่ไม่ทันได้ระวังแล้วยิงออกมา
ดูออกว่าบัญชาก็กลัวเช่นกัน แต่เขาก็ยังจ้องผมอย่างเสแสร้งทำเป็นดุดัน แล้วกล่าวอย่างตวาด “บอกให้คนของแกเอาปืนลง มิเช่นนั้นฉันจะยิงพวกแกจนพรุน”
“เก็บให้หมด” ตู้หมิงเฉียงโบกมืออย่างใจเย็น
ลูกน้องทั้งสามของเขาเก็บปืนไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
“วางใจได้ รอให้คนที่ฉันตามมาถึงก่อน มันจะโอหังไม่ออก” ตู้หมิงเฉียงใช้ภาษาจีนพูดเบาๆกับผม
“อืม เป็นหนี้คุณเพิ่มอีกแล้ว”
“งั้นก็มาทำงานกับผม ทดแทนบุญคุณ”
ผมค่อนข้างหมดคำพูด ตอนนี้แล้วเขายังไม่ลืมที่จะลากผมไปอยู่กับเขาอีก
“อย่าพูดภาษาอื่นต่อหน้ากู” บัญชาขัดคอพวกเราอย่างเยือกเย็น แล้วหัวเราออกมาอย่างไม่พอใจ “แกคิดว่าหาคนมาเพิ่มแล้วจะต่อกรกับฉันได้หรือไง?เหอะ ก็ไอ้คนจีนหน้าโง่ที่ทั้งอ้วนและงั่ง เอาเงินมาให้ฉันก็เท่านั้น ”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา ผมและตู้หมิงเฉียงสบตากัน เห็นการเตรียมลงมือจากสายตาของอีกฝ่าย
โล๋อีเจิ้งที่ไม่พูดไม่จาใดๆมาตลอดจู่ๆก็แทรกขึ้นมา “พี่หยาง พี่เฉียง ไอ้หมาเย็ดแม่นี่มันด่าพวกพี่หรือเปล่า?ฉันฟังไม่ออกว่ามันพูดภาษาอะไร แต่ประโยคหลังนั้นค่อนข้างคุ้นหูอยู่นะ เหมือนว่าจะใช่ ไม่งั้นเราสู้ตายกับมันเลยมั้ย”
ผมค่อนข้างหมดคำพูด “แกอย่ามั่วสิ ปืนนะเว่ยไม่ใช่เล่นๆ อีกเดี๋ยวคนของพี่เฉียงมาแล้วค่อยว่ากัน”
“ก็ได้”
“ฉันบอกแล้วว่าอย่าพูดภาษาบ้าบออะไรอื่นต่อหน้าฉัน” จู่ๆบัญชาก็ตบโต๊ะ จากนั้นก็ยืนขึ้นเดินมาที่ผม จับผมของผมแล้วดึงไปด้านหลัง
หนังศีรษะของผมเจ็บขึ้นมา แต่ก็ยังตะโกนออกมาว่า “อาเจิ้งอย่าวู่วาม”
ปืนหลายกระบอกของลูกน้องบัญชาก็ได้จ่อมาข้างหน้าขึ้นอีก
บัญชาดึงผมจนหัวของผมไปบีบอยู่ที่พนักพิงเก้าอี้ แล้วหยิบมีดสั้นจ่อที่หลอดเลือดแดงของคอ แล้วดูแคลนออกมา “แกไอ้ลูกหมา ไอ้คนจีนหน้าโง่ กล้าเป็นปฏิปักษ์กับกู แล้วยังกล้าบีบกูอีก คืนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะมึงหนีได้ไว กูสับมึงเป็นชิ้นๆเป็นอาหารหมาแล้ว”
“คืนนั้นถือว่าไว้ชีวิตมึงแล้ว นึกไม่ถึงว่ามึงยังกล้าพาคนมาพังร้านกู และทำร้ายคนของกูอีก!โทรให้คนเอาเงินมาให้กูสิบล้านเดี๋ยวนี้ตอนนี้ มิเช่นนั้นกูจะให้พวกมึงตายอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งหมดนั่นและ”
ผมไม่ดิ้น และไม่พูดอะไร เพียงแต่มองเขาอย่างเย็นชา
รับรู้ได้ ว่ามีดที่จี้อยู่ที่คอคมมาก ราวกับได้แทงเข้าเนื้อของผมแล้ว
ตู้หมิงเฉียงที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะอย่างเลือดเย็นออกมา “คุณบัญชา อย่าเพิ่งวู่วาม ผมจะโทรให้คนเอาเงินมาให้เดี๋ยวนี้”
“เหอะ ถือว่าแกรู้งาน”
ตู้หมิงเฉียงหยิบมือถือขึ้นมา กำลังจะกดโทรออก ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องรับรองพิเศษ จากนั้นก็ถูกคนผลักออก
ครั้งนี้เป็นวัยกลางคนที่อายุสี่ห้าสิบปีคนหนึ่ง รูปร่างอ้วนท้วน ด้านล่างจมูกมีหนวดเข้มๆ ประสาทสัมผัสทั้งห้าบนใบหน้าไม่ค่อยเหมือนคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กลับเหมือนคนของพวกเรา
เมื่อเปิดประตูออก และเห็นเหตุการณ์ในห้องรับรองแล้ว วัยกลางคนคนนั้นได้ขมวดคิ้ว ค่อยๆเดินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยคนไทยที่รูปร่างกำยำสองคน
ดูออกชัดเจน ว่านี่เป็นนักเลงของจริง เพราะลักษณะบัญชาเทียบกับเขาไม่ได้เลย
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนพาคนหลายคนเข้ามา คนของบัญชาก็หันทิศทางของปืนไปที่พวกเขาโดยไม่รู้ตัว
แต่บัญชาหน้าถอดสี
คอมเม้นต์