ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 76 หลงตัวเอง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 76 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เมื่อผมเข้าไปก็มองดูรอบๆ จากนั้นก็หิ้วผักเข้าไปในห้องครัว

ที่แท้ในห้องครัวของเธอก็มีอุปกรณ์พร้อมทุกอย่าง วัตถุดิบก็พร้อม ดูท่าทางแล้วเมื่อก่อนตัดสินใจที่จะเรียนทำอาหาร

แต่ตอนที่ผมเริ่มทำ แล้วตะโกนเข้าไปในห้องรับแขกถามเธอว่าต้องการอยากเรียนรู้การทำอาหารหรือไม่ เธอตอบกลับมาทันทีว่า “ไม่อยาก”

ผมวุ่นวายอยู่สามสิบนาที ทอดปลาไปหลายตัว มะเขือม่วงผัดเนื้อสับหนึ่งที่ ต้มจืดฟักซี่โครงหมูหม้อเล็กและผักกวางตุ้งจานเล็ก เนื่องจากปริมาณน้อย จึงทำให้ได้รสชาติตามที่ต้องการอย่างง่ายดาย

หลังจากที่ยกไปวางไว้ในห้องอาหารและตะโกนเรียกแล้วนั้น ไป๋เวยจึงได้สวมชุดอยู่บ้านเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวมาอย่างเอ้อระเหยลอยชาย แต่เมื่อได้กลิ่นหอมอาหาร ทันใดนั้นเธอก็เดินทันที

“รีบกินเถอะ” ผมวางข้าวที่เตรียมเสร็จแล้วไว้ตรงหน้าเธอ

“ขอบคุณ”

เธอก็ไม่แถๆไป นั่งลงมา คีบมะเขือม่วงเนื้อสับเข้าปาก จากนั้นพยักหน้าพลางส่งเสียงอืมยาวๆ

“ฟางหยาง ไม่คาดคิดว่าอาหารที่คุณทำก็อร่อยดีนะ”

ผมก็นั่งลง หัวเราะแล้วกล่าว “แหงสิ ทั้งหล่อทั้งทำอาหารเป็นแล้วยังเอาใจใส่คนเป็นพิเศษอีกด้วยนะ แฟนแบบนี้จะหาจากไหนได้ ถูกมั้ย”

“แหวะ หลงตัวเอง”

“หรือไม่ใช่?”

“ไม่ นอกจากทำอาหารเป็น ที่เหลืออีกสองอย่างไม่ใช่เลย”

“ฮ่าๆๆ……”

ก็เป็นไปอย่างนี้แหละครับ ผมกับไป๋เวยกินข้าวพลางประชดประชันหยอกเย้าซึ่งกันและกัน นอกจากตอนทำงานที่จะเป็นจริงเป็นจัง ในการใช้ชีวิตเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงส่วนใหญ่ จุดเด่นของผู้หญิงมากมายล้วนมีอยู่ในตัวเธอ

เมื่อทานข้าวเสร็จ ไป๋เวยบอกว่าจะไปล้างจาน ผมบอกว่าผมล้างเองก็ได้ เธอพูดอย่างไม่เกรงใจมากๆว่า “ได้ ขอบคุณที่ช่วยนะ” จากนั้นได้เดินออกจากห้องอาหารไปดูทีวีที่ห้องรับแขก

ผมล้างจานสะอาดอย่างค่อนข้างหมดคำพูด ตอนที่เดินไปถึงห้องรับแขก เธอกำลังนั่งขัดสมาธิบนโซฟาอยู่พอดี ดูทีวีด้วยท่าทางขี้เกียจ

ผมนั่งลงข้างๆเธอ เธอขยับไปข้างๆโดยไม่รู้ตัว

“เหนื่อยแล้วสินะทำงานมาทั้งวัน?ผมนวดให้คุณมั้ย?” ผมถาม

“ไม่ต้อง”

เธอเลื่อนไปข้างๆอีกครั้ง ราวกับรู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัยเพียงพอ ด้วยเหตุนี้จึงได้หยิบปากกาหมึกซึมบนโต๊ะน้ำชากำไว้ในมือ แล้วมองผมอย่างมีนัย

ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แววตานั้นของเธอราวกับกำลังบอกว่า ถ้าผมกล้าแตะต้องเธอละก็ จะใช้ปากกาหมึกซึมทิ่มผม

ของสิ่งนี้ไม่ใช่เอาไว้เล่น ทิ่มร่างกายเป็นรูได้

ผมยิ้มอย่างเจี๋ยมเจี้ยม “งั้นไม่นวดก็ได้ อย่างไรก็ตามผมก็เหนื่อยแล้ว”

“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อค่ำ คุณไปได้แล้ว”

“เพิ่งกินอิ่ม นั่งสักแป๊บ”

“สิบนาที”

ผมนั่งไปสิบนาที ในช่วงนั้นได้พูดคุยกับเธอเกี่ยวกับรายการทีวี มือของเธอกำปากกาไว้ตลอดเวลา

สิบนาทีผ่านไป เธอได้พูดขึ้นมาอีกว่า “ถึงเวลาแล้ว คุณไปได้แล้ว”

“คุณอยู่บ้านคนเดียวไม่เหงาเหรอ? ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณอีกสักแป๊บละกัน”

“ฉันชอบอยู่คนเดียว ไม่เหงาเลยแม้แต่น้อย” เธอยกปากกาหมึกซึมในมือขึ้น

“ก็ได้ งั้นผมกลับก่อนนะ คุณนอนเร็วๆล่ะ”

ผมยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมอีกครั้ง เมื่อพูดจบก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไป

“คุณก็นอนเร็วๆนะ” สีหน้าของเธอผ่อนคลายลง แล้วกล่าวอย่างเย็นชา

ผมเปิดประตูเดินออกไป แล้วกลับมาพูดอีกครั้งว่า “คืนนี้ผมจะฝันถึงคุณ คุณก็ต้องฝันถึงผมด้วยนะ เราไปนัวเนียกันต่อในฝันนะ”

“ไสหัวไป!”

เธอเขวี้ยงหมอนกอดอันหนึ่งออกมา

ผมปิดประตูทันที ขวางหมอนกอดนั่นเอาไว้ จากนั้นเดินออกมาอย่างมีความสุข

ผมเริ่มเพลิดเพลินกับความสัมพันธ์แบบนี้กับไป๋เวยแล้วล่ะ ยิ่งอยู่ยิ่งชอบความกวนตีนของเธอ ชอบท่าทางโมโหของเธอ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เลวจริงๆ

หรือ ผมชอบเธอเข้าแล้วบ้างจริงๆ?

แต่ความตั้งใจแรกเริ่มของผม เพียงแต่อยากล้างแค้นเธอ ให้เธอรักผม จากนั้นก็ทิ้งเธออย่างไม่ไยดี ให้เธอทุกข์ระทม ทำให้เสียใจ

เมื่อนึกถึงจุดนี้ จิตใจของผมเริ่มสับสน และนึกไม่ออกถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนี้

เมื่อกลับมาถึงห้องเช่ารวม ผมค่อนข้างเหนื่อย อยากเข้าไปอาบน้ำนอนทันที

แต่ตอนที่ยังไม่ทันเข้าห้อง อู๋เฉิงจื้อวิ่งออกมาจากห้องของเขา แล้วกล่าวอย่างค่อนข้างซีเรียสและค่อนข้างหวาดกลัวว่า “ฟางหยาง เมื่อกี๊ฉันทะเลาะกับโจวเมี่ยว เธอหนีออกไปแล้ว ตอนแกกลับมาเห็นเธอบ้างเปล่าวะ?”

ผมชะงักไป “ไม่เห็นวะ”

“ปัดโธ่…” อู๋เฉิงจื้อค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก “อ้อ เธอเอามือถือฉันออกไปด้วย ขอยืมมือถือแกโทรเข้าเครื่องฉันได้มั้ย? ดูดิ…ห้องของโจงหลิงพวกเธอปิดประตูไว้ ไม่รู้ว่านอนแล้วยัง ฉันก็ไม่กล้ารบกวนพวกเธอ จึงทำได้เพียงยืมแกแล้ววะ”

ผมค่อนข้างหมดคำพูด “ไม่ต้องโทรแล้ว รีบตามหาเธอเหอะ?”

ดูออกชัดเจนว่าหน้าของอู๋เฉิงจื้อเคร่งเครียดมากขึ้น “ถ้าออกไปตามละก็……ฉันไม่รู้จะไปหาเธอที่ไหน ฉันว่า……โทรหาก่อนดีกว่า ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์ฉันค่อยออกไป”

ในใจของผมอดไม่ได้ที่จะเหยียดหยาม ผู้ชายแท้ๆแต่หวาดกลัวอย่างกับอะไรดี แต่ผมไม่ได้พูดออกมา และก็ไม่ได้ปฏิเสธ หยิบมือถือออกมาปลดล็อกยื่นให้เขา

“ขอบคุณ ขอบคุณแกนะ ฟางหยาง” อู๋เฉิงจื้อรับมือถือมา กดไปที่หน้ากดเบอร์โทรแล้วกดเบอร์

ไม่นาน โทรติดจริงๆด้วย อู๋เฉิงจื้อพูดในสายอย่างแทบจะอ้อนวอน “ฮาโหล เมียจ๋า คุณไปไหน?”

ผมอยู่ข้างๆได้ยินเสียงของโจวเมี่ยวดังขึ้นในสาย รู้สึกว่าหากยังยืนฟังอยู่ข้างๆ อู๋เฉิงจื้ออาจจะอึดอัดได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เดินเข้าไปในห้องของตัวเองหยิบเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ

“ฟางหยาง ขอบคุณนะ ฉันโทรเสร็จค่อยคืนมือถือให้แกได้มั้ย?” อู๋เฉิงจื้อถามจากด้านหลัง

“ไม่เป็นไร แกปลอบโจวเมี่ยวให้กลับมาก่อนก็แล้วกัน”

ผมหยิบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเรียบร้อย รอไปสักพัก เห็นอู๋เฉิงจื้อยังคงโทรคุยกับโจวเมี่ยวที่ห้องรับแขกอยู่เช่นเคย บางทีครึ่งชั่วโมงอาจจะพูดไม่จบ ด้วยเหตุนี้เองผมจึงได้เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำอาบน้ำก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ช่วงเวลานี้ ด้านนอกนอกจากเป็นเสียงฝีเท้าของโจงหลิงที่เปิดประตูเข้ามา ก็เป็นเสียงของอู๋เฉิงจื้อปลอบภรรยาอยู่

อาบน้ำเสร็จออกมา อู๋เฉิงจื้อโทรเสร็จแล้ว ถือมือถือยืนที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่เมืองเซ่งไห่ช่วงกลางคืนของเดือนเมษายนเย็นสดชื่นมาก แต่เสื้อผ้าบนตัวของเขากลับเปียกไปครึ่งตัว

“ฟางหยาง มือถือของแก ขอบคุณนะ ฉันต้องออกไปหาโจวเมี่ยวแล้วล่ะ”

อู๋เฉิงจื้อเอามือถือมาใส่ไว้ในมือของผม จากนั้นก็เปิดประตูวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ

“เหอะ” ผมอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะ ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ขี้ขลาดแบบนี้มาก่อนเลย

กำลังจะเดินเข้าไปในห้อง โจงหลิงและหลี่ฟางเฟยเดินออกมาจากในห้องของพวกเธอ แล้วถามอย่างสงสัยว่า “ฟางหยาง เกิดอะไรขึ้นกับอู๋เฉิงจื้อและโจวเมี่ยว? ทะเลาะกันเหรอ?”

ผมพยักหน้า “ใช่ พวกคุณอยู่บ้านไม่ได้ยินพวกเขาทะเลาะกันเหรอ?”

โจงหลิงและหลี่ฟางเฟยสบตากัน “ไม่นะ พวกเราปิดประตูตลอด ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะอะไรเลย อาจเพราะพวกเขาทะเลาะกันในห้องมั้ง”

“อืม อู๋เฉิงจื้อออกไปตามโจวเมี่ยวแล้ว ไม่เป็นไร สบายใจได้”

ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องบ้าๆพวกนี้สักเท่าไหร่ กลับเข้าห้องโดยตรง ปิดประตูเล่นมือถือสักแป๊บก็ได้เวลานอนแล้วล่ะ

ราตรีนี้ จนกระทั่งผมหลับไป ก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูอีกเลย รุ่งเช้าตอนผมตื่นนอน ปกติพวกเขาก็จะตื่นกันเวลานี้ แต่ผมไม่เห็นพวกเขา ในห้องก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เหมือนกับไม่ได้กลับมาทั้งคืน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด