ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 79 ชี้นิ้ว
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ผมพูดกับไป๋เวยที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ประธานไป๋ คุณมีวิธีให้เว็บไซต์นั้นลบคลิปมั้ย?”
ไป๋เวยพยักหน้า “ฉันลองถามดูนะ น่าจะไม่ยาก ถ้าไม่ได้ให้ลุงเฉิงช่วยก็ได้”
“งั้นเรื่องนี้รบกวนคุณด้วยนะ และต้องจัดการโดยเร็ว พยายามควบคุมการขยายวงกว้างของคลิปให้ได้ อีกอย่าง ผมต้องขอลาสองวัน หรือทำคำร้องไปทำงานนอกสถานที่ที่เชียงใหม่ ทำต้องไปหาอนุรักษ์บอกความจริงกับเขาเรื่องนี้”
ไป๋เวยชะงัก “บอกความจริง?ทำไม?คลิปไม่ได้แพร่ไปประเทศไทยง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
ผมส่ายหน้า “กงเจิ้งเหวินต้องจงใจอัปไปแน่ๆ ในเมื่อมันหักหลังเฉาเหวินหวยแล้ว ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันทำได้ทุกอย่างไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่สนใจชื่อเสียงของอนุรักษ์ แต่พยายามทำเรื่องให้ใหญ่ขึ้นไปอีก”
“สำหรับคนทั่วไปแล้ว คลิปนั้นเป็นคลิปที่ไม่มีเนื้อหาอะไรธรรมดาๆเท่านั้น แต่สำหรับอนุรักษ์แล้วมันกลับสำคัญมาก ถึงขั้นกระทบถึงชีวิตได้ เพราะเวลาที่เขาเจอเฉาเหวินหวย เป็นวันที่พวกเขาเซ็นสัญญากัน นอกจากทำให้คนหมู่มากสงสัยในสไตล์ของเขา ยังทำให้คนอื่นสงสัยว่าเขารับส่วยทางกามชายกับชายของเฉาเหวินหวย ถึงขั้นอาจจะถูกภายในของBTTตรวจสอบ”
ไป๋เวยขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดเข้าไปอีก
“เอาล่ะ คุณเพียงแค่คิดหาวิธีให้เว็บไซต์ลบคลิปก็พอแล้ว เรื่องอื่นให้ผมเป็นคนจัดการเอง ผมไปหาจางอี้หลินก่อน เร็วหน่อยก็ช่วงบ่ายหรือกลางคืนต้องบินไปเชียงใหม่แล้ว”
ไป๋เวยพยักหน้า “อืม คุณไปเถอะ จัดการให้เหมาะสมหน่อยก็แล้วกัน”
ผมยิ้มอย่างแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย “วางใจได้ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย หลังจากที่ผมไปที่นั่นแล้ว คุณดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำงานล่วงเวลาบ่อย กินอะไรก็ระวังหน่อย ร้านอาหารที่ไม่สะอาดก็ไปให้น้อยๆหน่อย”
ไป๋เวยชักสีหน้า “ขนาดนี้แล้วยังจะกะล่อนอีก”
“อิๆ ผมจะคิดถึงคุณนะ”
เมื่อพูดจบ ผมโบกมือให้เธอ จากนั้นก็เดินไปที่ทางเดิน
เพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆผมก็นึกอะไรออก หัวไปเห็นเฉาเหวินหวยกำลังคุกเข่าบนพื้นอย่างหมดสภาพ กอดหัวตัวเองไม่พูดไม่จา
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพูดออกมา “ประธานเฉา ไปเถอะ อยู่นี่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น กลับไปเป็นรองผู้จัดการของคุณ เกย์ก็คือเกย์ ก็เป็นแค่เรื่องซุบซิบของคนอื่นเท่านั้น ไม่มีสลักสำคัญอะไร”
เฉาเหวินหวยเงยหน้าขึ้นมา จ้องผมด้วยความเกรี้ยวกราด “มึงนั่นแหละทำร้ายกู ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแรกที่มึงหลอกกูกับอนุรักษ์ไปที่นั่น แล้วยังถ่ายคลิปล่ะก็ ก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้นแล้ว”
ผมส่ายหน้า “เหอะ ประธานเฉาแกก็ไม่คิดหน่อยนะว่าตอนอยู่เชียงใหม่แกทำอะไรกับฉันไว้บ้าง ตอนนี้กลับมาโทษฉัน?ไง ยังอยากจะชกฉันอยู่งั้นเหรอ?อยากเปลี่ยนเป็นใช้รากฟันเทียม?”
พูดจบ ผมไม่สนใจเขาอีก แล้วเดินไปที่ทางเดินโดยตรง
เพิ่งจะเดินถึงห้องทำงานแบบเปิดโล่ง ผมได้เห็นหลินโล่สุ่ยที่เดินเข้ามาอย่างร้อนรนกับพนักงานต้อนรับ
“ฟางหยาง” แว็บเดียวหลินโล่สุ่ยก็เห็นผม กล่าวด้วยความโกรธแค้น “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?ทำไมกัน?”
ผมโบกมือ “ผมไม่ได้ทำ ไปถามเฉาเหวินหวยเองเถอะ มันอยู่ด้านใน”
“คุณไม่ต้องแถเลย ฉันรู้ว่าคุณไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ และก็รู้ว่าเขาทำผิดต่อคุณไว้บ้าง แต่ไม่คิดว่าคุณจะใช้วิธีที่น่าขยะแขยงและต่ำช้าแบบนี้มาล้างแค้นเขา”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หลินโล่สุ่ยส่ายหน้าดูแคลนอย่างผิดหวัง แล้วพูดต่อว่า “ฟางหยาง ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าทำไมคุณถึงได้เปลี่ยนไปเป็นชั้นต่ำไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เปลี่ยนไปจนฉันไม่รู้จักคุณแล้วแม้แต่น้อย ตอนนั้นฉัน……”
ผมอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะเธอ “ตอนนั้นคุณตาบอดจึงได้ชอบผม ใช่มั้ย?”
หลินโล่สุ่ยไม่ปริปากพูดใดๆ ยังคงดูแคลนด้วยสีหน้าผิดหวัง
ผมอดกลั้นความโมโหไว้ แล้วพูดอย่างสงบว่า “หลินโล่สุ่ย ก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวเองก่อนดีมั้ย?เมื่อสามปีก่อนตอนที่ผมติดคุก ใครที่พูดว่าจะรอผม?ตอนนั้นตอนที่อยู่ที่มหาลัย ใครกันที่พูดว่าจะอยู่กับผมตลอดไป?แล้วไงล่ะ?”
“ผมติดคุกไปได้ไม่นาน คุณก็ไปคบกับเฉาเหวินหวยแล้ว สำหรับคุณแล้วคำสัญญาก็แค่การพูดเล่นใช่มั้ย?ใครเปลี่ยนไปก่อนกัน?แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่จะมาชี้นิ้วว่าผม?”
เมื่อเผชิญกับคำถามติดต่อกันของผม หลินโล่สุ่ยราวกับไปต่อไม่ถูก ทำได้เพียงหลับตา ถอนหายใจ จากนั้นก็ก้มหน้า หัวเราะอย่างดูถูกตัวเองและโศกเศร้า
“ฟางหยาง” จู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมา มองผมอย่างจริงจัง แล้วกล่าว “ความจริงที่ฉันไปจากคุณ ไม่ใช่เพราะคุณติดคุก คุณอยากรู้คำตอบที่แท้จริงมั้ย?”
ผมชะงักไป เพราะไม่คาดคิดว่าหลินโล่สุ่ยจะพูดแบบนี้ออกมากะทันหัน และไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่เธอไปจากผมเป็นเพราะเหตุผลอื่นหรือไม่
ที่เธอไปจากผม ไม่ใช่เพราะผมติดคุก ไม่ใช่เพราะว่าอยากหาคนรวยเหรอ?
เธอเคยพูดไว้ เธออยากได้บ้านหนึ่งหลัง ไม่ต้องมองเห็นทะเล และไม่ต้องใหญ่มาก เพียงแค่มีความรักของเราอยู่ก็พอแล้ว
เธอก็เคยพูดไว้ว่า เธออยากได้รถหนึ่งคัน ไม่ต้องหรูหรามาก ไม่ต้องสวยมาก เพียงแค่ผมสามารถไปส่งเธอทำงาน และจูบลาเธอได้เหมือนผู้ชายคนอื่นได้ก็พอแล้ว
แต่ผม เป็นเพียงคนธรรมดาที่มาจากชนบท สองสิ่งนี้ผมยังทำมันไม่ได้
แต่เมื่อก่อนผมขยันเดินไปทิศทางนี้ อยากให้ชีวิตที่มีความสุขอย่างที่เธอต้องการ
ผมเดินเส้นทางนั้นแล้วจริงๆ ทำงานสี่ปี ผมใช้เวลาและทุ่มเทมากกว่าคนอื่น ทำงานนอกเวลาและทำงานนอกสถานที่สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องที่คุ้นชินมาก แม้แต่วันหยุดส่วนใหญ่มักจะหมกมุ่นอยู่กับงาน
จากการขยัน เรียนรู้ ส่งเสริมตัวเอง ทำให้ผมได้รับผลตอบแทนกลับมา ได้รับระดับการขายที่แน่นอน แล้วแต่ไหนแต่ไรมาผมก็ใช้เงินไม่ฟุ่มเฟือย นอกจากส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่สร้างบ้านที่บ้านเกิด เหลือจากนั้นก็เก็บออมไว้ ก็เพื่อซื้อบ้านและรถให้หลินโล่สุ่ย
แบบนี้ยังไม่พออีกเหรอ?
เธอยังมีเหตุผลอะไรที่ไปจากผม?
ผมอยากรู้คำตอบ
“ทำไม?” ผมพยายามถามหลินโล่สุ่ยอย่างสงบ
เธอไม่พูด เพียงจ้องมองผม
รอบๆมีเพื่อนร่วมงานของบริษัทจื้อเหวินซอร์ฟแวร์มารวมกันเป็นจำนวนมาก ไป๋เวยและเฉาเหวินหวยก็ยืนอยู่ที่ทางเดิน แต่ไม่ได้เดินเข้ามา และไม่ได้พูดจา มองพวกเราอย่างเงียบๆ
นัยน์ตาของหลินโล่สุ่ยค่อยๆแดงขึ้น
เธอก้มหน้า ราวกับอยากจะกลั้นน้ำตาไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ฟางหยาง เราคบกันตอนปีสี่ใช่มั้ย คุณในตอนนั้นฉลาด หมั่นเพียร ขยันมากกว่าคนมากมายอีก ฉันชอบคุณในแบบนั้น แต่หลังจากที่เริ่มทำงาน ฉันค่อยๆเริ่มไม่ชอบจุดเด่นพวกนั้นของคุณอย่างช้าๆ ถึงขั้นเกลียดพวกมัน”
“เพราะเวลาที่คุณกลับมายิ่งอยู่ยิ่งช้า เวลาอยู่กับฉันยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง ถึงขั้นเทศกาลก็ไม่อยู่กับฉัน แต่วุ่นอยู่แต่กับการส่งของขวัญ เที่ยวเล่นกับลูกค้าเหล่านั้นของคุณ คุณไม่เป็นห่วงฉันเหมือนก่อน และเริ่มไม่สนใจความรู้สึกฉันช้าๆ ในชีวิตของคุณเหลือเพียงการทำงานหาเงิน”
“ตอนแรกฉันไม่พูด เพราะฉันรู้ว่าคุณขยันเพื่อฉัน แต่คุณรู้มั้ย?ความรักของเราในช่วงสี่ปีนั้นค่อยๆจางลง ฉันเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ทั่วไป ธรรมดา คนหนึ่งเท่านั้น โมโหเป็นงอนเป็น เป็นผู้หญิงที่ต้องการความเป็นห่วงจากคุณ แต่ยิ่งอยู่ฉันยิ่งไม่รู้สึกความรักของคุณ มีอยู่ช่วงหนึ่งฉันถึงขั้นสงสัย ว่าความจริงแล้วคุณเป็นแฟนของฉันมั้ย”
เมื่อพูดจบ หลินโล่สุ่ยเช็ดใบหน้าและดวงตา สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมา เธอฉีกยิ้มออกมาบนใบหน้าที่ยังมีรอยน้ำตา แล้วกล่าว “ฟางหยาง คุณยังจำครั้งนั้นที่คุณออกไปทำงานนอกสถานที่ แล้วเราทะเลาะกันได้มั้ย?คุณบอกให้ฉันอย่าหาเรื่อง ฉันทนไม่ไหวจริงๆจึงบอกเลิกคุณ คุณจำได้มั้ย?”
คอมเม้นต์