ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 88 ผู้ต้องสงสัย
สันติสุขบอกว่า ในตอนเริ่มแรกได้ถูกปล่อยออกไปโดยผู้บริหารระดับสูงภายในบริษัทที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกับอนุรักษ์ จากนั้นสันติสุขจึงตั้งใจไปถามคนอื่นๆ พบว่าไม่เพียงแต่หัวหน้าคนนั้นได้รับคลิป บริษัทBTTกรุ๊ปภายในกับผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่ไม่ลงรอยกับอนุรักษ์ และผู้จัดการระดับกลางกับพนักงานระดับล่างต่างได้รับทั้งหมด
วิดีโอของทุกคน ถูกส่งจากหมายเลขโทรศัพท์มือถือท้องถิ่นเดียวกันในประเทศไทย
หลังจากที่คลิปวิดีโอมีการเปลี่ยนแปลงภายใต้อิทธิพลของแรงภายนอก อนุรักษ์ไม่ได้ออกมาอธิบาย บอร์ดกรรมการของBTTกรุ๊ปไม่ได้เรียกเขาเข้าไปพบ แต่เขาระงับการทดสอบระบบการทำงานของบริษัทจื้อเหวินซอฟต์แวร์ด้วยตัวเอง
มาวันนี้ภายในBTTกรุ๊ปมีบางสิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น ผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงหลายคนที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกับอนุรักษ์ กำลังวางแผนที่จะร่วมกับบอร์ดกรรมการ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบอนุรักษ์อย่างละเอียด
พอฟังสิ่งที่สันติสุขพูดจบ ผมก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ฝากเขาไปบอกกับอนุรักษ์ว่า ผมกำลังอยู่ระหว่างทางไปเชียงใหม่ พอถึงที่นั่นแล้วจะพยายามจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ถึงจะไม่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงของอนุรักษ์ได้ แต่จะพยายามทำให้ผลกระทบด้านลดต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากนั้นก็พูดกันหลายประโยค แล้วผมก็วางสายของสันติสุขไป จากนั้นก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
บริษัทจื้อเหวินซอฟต์แวร์มีหนอนบ่อนไส้ กงเจิ้งเหวินไม่เพียงแต่ใช้เงินซื้ออู๋เฉิงจื้อ ยังต้องซื้อคนใดคนหนึ่งในทีมโปรเจกต์อย่างแน่นอน อีกทั้งเป็นคนที่ติดต่อกับผู้จัดการระดับกลางของBTTกรุ๊ป ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง
ไม่อย่างนั้น คลิปนั้นไม่มีทางไปถึงมือของคนพวกนั้นที่มีความสัมพันธ์ไม่ลงรอยกับอนุรักษ์อย่างแน่นอน
ถึงกงเจิ้งเหวินจะมีความสามารถมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลพวกนี้ได้ง่ายขนาดนี้แน่ เนื่องจากเขาไม่เคยติดต่อกับBTTกรุ๊ปด้วยซ้ำ
มีแค่คนในทีมโปรเจกต์เท่านั้นที่จะให้ข้อมูลเขาได้ และช่วยเขาปล่อยคลิปและข่าวลือออกไป
มีเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติตรงกัน นั่นก็คือผู้จัดการแผนกกิจการต่างประเทศของจื้อเหวินซอฟต์แวร์ รองหัวหน้าทีมโปรเจกต์ โจงคังหนิง
มีเพียงแค่เขาที่สามารถติดต่อผู้บริหารระดับสูงของBTTกรุ๊ปได้ เขาถึงได้เข้าใจโครงสร้างขององค์กรในBTTกรุ๊ปและกลุ่มที่มีอำนาจ
โจงคังหนิงมีแรงจูงใจมากพอ เพราะเขามีปัญหากับผมอยู่ก่อนแล้ว ผมรู้สึกมาตลอดว่าคนอย่างเขาไม่ใช่ลูกผู้ชายอะไร กลับกันยังเป็นคนใจแคบเล็กน้อย บวกกับตำแหน่งของเขา ถ้าอยากจะเลือกระหว่างกงเจิ้งเหวินกับไป๋เวย เขาต้องเลือกคนแรกอยู่แรก
เพราะเขาเป็นแค่ผู้จัดการระดับกลาง ถ้าอยากจะปีนป่ายขึ้นไปให้สูงกว่านี้ ต้องให้ไป๋เวยย้ายไปหรือเลื่อนตำแหน่ง ไม่อย่างงั้นก็ต้องให้ไป๋เวยเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า มีเพียงแค่สองทางเท่านั้น
ในสถานการณ์แบบนี้ กงเจิ้งเหวินโยนกิ่งต้นมะกอกให้เขา เป็นไปได้ยากที่เขาจะปฏิเสธ
การทิ้งโปรเจกต์มูลค่าหลายสิบล้าน แล้วทำให้โปรเจกต์พังพินาศ ทำให้เรื่องราวใหญ่โต กระทั่งอาจจะทำให้ไป๋เวยติดร่างแหไปด้วย แบบนี้เขาก็มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งแล้ว
ถึงจะไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้ จะต้องได้ประโยชน์จากกงเจิ้งเหวินบ้างแหละ
ดังนั้น โจงคังหนิงจึงเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด
หลังจากวางสายของสันติสุขไป ผมก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของหลินโล่สุ่ยแล้วโทรออก
ใช้เวลาโทรออกอยู่นายกว่าจะรับสาย ปลายสายมีเสียงเย็นชาของหลินโล่สุ่ยดังลอดออกมา”สวัสดีค่ะ มีเรื่องอะไรไม่ทราบคะ?”
เธอไม่แม้แต่จะเรียกชื่อของผม
ผมไม่ได้ใส่ใจ ผมพูดด้วยเรียบเฉยว่า”คุณหลินครับ ฝากไปบอกเฉาเหวินหวยได้ไหมครับ ว่าผมกำลังไปเชียงใหม่ เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้อง สองสามวันนี้กรุณาอยู่เงียบๆได้ไหมครับ?ไม่ว่าใครจะถามเรื่องที่เกี่ยวกับคลิปก็ตาม หรือถามคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องราวในเชียงใหม่ช่วงนั้น ก็ห้ามพูด ห้ามตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น ได้ไหมครับ”
“ฉันจะไปบอกเขาแล้วกัน ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้ว ขอบคุณ”
“ลาก่อน”
พึ่งพูดจบ หลินโล่สุ่ยก็วางสายทันที
เห็นได้ชัดว่า เธอเกลียดผม ไม่ต้องการพูดอะไรไปมากกว่านี้กับผม
ช่างมันเถอะ ทุกวันนี้ของทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมแต่คนไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าเธอจะเกลียดผม หรือรักผมก็ตาม สำหรับผมมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ในตอนที่ใกล้จะห้าโมงเย็นนั้น ผมมาถึงสนามบิน ผ่านไปไม่นานก็เห็นไป๋เวยที่ล็อบบี้
คนที่มาพร้อมกับเธอ คือเหอไคเฉิง
อาศัยในตอนที่ไป๋เวยกำลังเปลี่ยนบอร์ดดิ้งพาส จู่ๆเหอไคเฉิงก็เดินมาอยู่ข้างๆผม แล้วกระซิบพูดเบาๆว่า”คุณเป็นคนที่หาเรื่องเก่งจริงๆ”
ผมหัวเราะเบาๆ”เหอะๆ คุณก็น่าจะรู้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนทำ จริงสิ เรื่องที่ติดต่อขอให้เว็บไซต์ลบคลิปน่ะ ขอบคุณนะครับ”
“ฉันแค่ทำเพื่อคุณหนูเท่านั้น ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมรู้ความเป็นมาของเรื่องนี้ดี พูดได้แค่ว่าคุณอ่อนแอเกินไป ต่อหน้าคุณชายตระกูลกงคุณมันเปราะบางจนไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกของเขาได้”
“เรื่องนี้ยังไม่จบ ลุงเฉิงด่วนสรุปไปรึเปล่าครับ?”
เหอไคเฉิงหัวเราะแล้วส่ายหัวไปมา”ฟางหยาง คุณมีความกล้าหาญ และฉลาดมาก แต่ในด้านความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดเป็นเพียงแค่สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดจบได้”
“ลุงเฉิง เรามาพนันกันไหมครับ?”
“ฮ่าๆๆ”เหอไคเฉิงหัวเราะ หลังจากนั้นก็ส่ายหัว”แต่น่าเสียดายผมไม่เคยเล่นพนัน คนที่ทำงานให้คนอื่นอย่างเรา การพนันเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงที่สุด ถึงจะสามารถชนะ ผมก็ไม่พนันหรอกครับ นี่คือหลักการ”
ผมหัวเราะ”ลุงเฉิงน่าเลื่อมใสจริงๆเลยนะครับ น่าเสียดายไม่สามารถสนุกเพลิดเพลินกับการเล่นพนันได้ ผมชอบเรื่องแบบนี้มากเลยล่ะครับ ยิ่งท้าทายเท่าไรผมยิ่งชอบ”
“ระหว่างเล่นมันท้าทายตื่นเต้น แต่จุดจบมันมักเจ็บปวดเสมอ”
“เรามารอดูกันเถอะครับ”
“ได้ งั้นผมจะรอดูว่าคุณจะมีความสามารถอะไร”
เมื่อสนทนาจบลง ไป๋เวยก็เปลี่ยนบอร์ดดิ้งพาสกลับมาแล้ว
หลังจากที่เหอเฉิงไคเดินจากไป ในตอนที่รอขึ้นเครื่อง ไป๋เวยบอกกับผมว่า เธอได้รับสายจากโจงคังหนิง ว่าBTTกรุ๊ปได้ระงับการทดสอบระบบการทำงาน
เรื่องนี้ผมรู้แล้ว แต่ผมยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และไม่ได้เล่าเรื่องที่คุยกับสันติสุขในโทรศัพท์ให้เธอฟัง
หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง เรามาถึงเชียงใหม่ เมื่อมาถึงสนามบินก็พบเข้ากับโจงคังหนิงที่รอรับอยู่ที่สนามบิน เขากับเพื่อนร่วมงามในทีมโปรเจกต์ยังอยู่ที่เชียงใหม่ ไป๋เวยยังให้พวกเขาของโรงแรมไว้ก่อนแล้ว
พึ่งพบหน้ากัน หลังจากที่ทักทายกันแล้ว ไป๋เวยก็ถามโจงคังหนิงว่า”ผู้จัดการโจงคะ ไหนคุณลองเล่ามาสิคะ บ่ายวันนี้ทำไมBTTกรุ๊ปต้องระงับการทดสอบระบบการทำงาน?ภายในของพวกเขามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษไหมคะ”
โจงคังหนิงพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า”พวกเขาแจ้งกับผมมาว่าจะระงับการทดสอบของเรา ผมถามหาเหตุผล แต่พวกเขาไม่ยอมบอก สำหรับเรื่องพิเศษ……ยังไม่พบครับ ที่ผมเห็นทั้งหมดยังปกติดีครับ จริงสิ ประธานไป๋ครับ ตกลงมีปัญหาอะไรกันแน่ครับ?ทำไมพวกเขาถึงระงับการทดสอบ?”
สีหน้าของไป๋เวยทำอะไรไม่ถูก”ผู้จัดการโจงคะ บ่ายวันนี้พึ่งเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น มีความเกี่ยวข้องกับBTTกรุ๊ป ฉันกับฟางหยางเลยรีบมาที่นี่เพื่อจัดการแก้ไขปัญหา”
โจงคังหนิงตกตะลึง เขาถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น”เกิดอะไรขึ้นครับ?”
ผมพูดต่อว่า”ผู้จัดการโจงครับ ขอโทษด้วยนะครับ เรื่องนี้คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี แก้ปัญหาให้ได้ก็พอครับ”
โจงคังหนิงขมวดคิ้วแล้วมองมาที่ผม หลังจากนั้นก็ใช้สายตาสงสัยมองไปที่ไป๋เวยต่อ
ไป๋เวยส่ายหัว”ผู้จัดการโจงคะ ฟางหยางพูดถูก เรื่องนี้ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไรยิ่งดีจริงๆค่ะ”
“ผมไม่สามารถรับรู้ได้เหรอครับ?”
ไป๋เวยยังคงส่ายหัว”ขอโทษด้วยค่ะ เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ เรากลับโรงแรมกันก่อนเถอะค่ะ”
โจงคังหนิงผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ตอบรับอย่างไม่เต็มใจ”ครับ” หลังจากนั้นก็เดินไปทางออก
ผมมองไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นก็เดินตามหลังของเขากับไป่เวยเงียบๆ
ปฏิกิริยาของโจงคังหนิง ดูเหมือนจะค่อนข้างแปลกๆ
คอมเม้นต์