ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่45 คุณคือผู้หญิงของผม
“สวัสดีครับพี่สะใภ้”
โล๋อีเจิ้งโต้ตอบเร็วมาก คำนับให้ไป๋เวยอย่างเคารพ
“สวัสดีครับพี่สะใภ้”
ลูกน้องของตู้หมิงเฉียงก็ให้ความร่วมมือ ในขณะที่ตะโกนพร้อมกันก็พากันคำนับไป๋เวยด้วย เลียนแบบได้เหมือนกันมาก
ไป๋เวยโมโหจนหน้าแดงก่ำ “พวกแก……ใครคือพี่สะใภ้ของพวกแก?”
ผมหัวเราะพลางโอบไหล่ของเธอ ออกแรงโอบไม่ให้เธอดิ้นได้ แล้วกล่าว “คุณรู้มั้ย ว่าเพื่อจีบคุณ กงเจิ้งเหวินจ่ายเงินลากผมเข้าคุกเลยนะ แล้วยังใช้เงินซื้อชีวิตผมอีก เพื่อเป็นการไม่ให้คุณถูกคนที่เหี้ยมโหดแบบนี้ทำลาย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจจีบคุณ ต่อไปคุณคือผู้หญิงของผม”
“คุณ……ปล่อยเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่ปล่อยฉันจะเรียกคนมาช่วยแล้วนะ”
ผมจึงได้ปล่อยมือลง แล้วหันไปมองกงเจิ้งเหวิน แล้วกล่าว “ประธานกง จำไว้นะ ผมจะจัดการคุณ อาจจะพรุ่งนี้ หรืออาจจะเป็นปีหน้า แน่นอน ก่อนหน้านั้นคุณฆ่าผมก้อนก็ได้นะ แต่ดูไว้ให้ดีๆ พวกนี้คือพี่น้องของผม ถ้าผมถูกคุณฆ่าตาย พวกเขาจะล้างแค้นให้ผม อาจจะฆ่าทั้งตระกูลของคุณเลยก็ได้”
เมื่อพูดจบ ผมเดินไปที่รถเบนซ์ เปิดประตูแล้วนั่งลงไป
หลังจากที่ตู้หมิงเฉียงก็ขึ้นรถแล้วนั้น ลูกน้องหลายคนของเขาจึงได้ขึ้นรถอีกคันไป
โล๋อีเจิ้งใช้นิ้วชี้ไปที่กงเจิ้งเหวิน แล้วค่อยขึ้นรถ
ตู้หมิงเฉียงมองกงเจิ้งเหวินผ่านกระจกรถสักพัก แล้วกล่าว “อาหยาง ไอ้นี่ดูๆแล้วร้ายกาจอยู่นะ ฉันให้พรรคพวกที่เก่งๆติดตามแกสักระยะมั้ย”
ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ คนอย่างมันพลาดครั้งหนึ่งแล้ว จะระวังตัวมากขึ้น ถ้าไม่มั่นใจจริงๆจะไม่มีทางลงมือ เพราะตอนนี้มันรู้แล้วว่าผมไม่ใช่จะทำอะไรได้ง่ายๆ รู้ว่าผมเอาตายแน่ ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว คนยิ่งมีเงินยิ่งรักตัวกลัวตาย มันไม่กล้าบุ่มบ่ามอีกแน่นอน”
ตู้หมิงเฉียงคิดๆ แล้วพยักหน้า “ก็ถูก แต่แกก็ต้องระวังตัวด้วยนะ กลัวว่ามันจะหัวร้อนทำเรื่องบ้าๆนะสิ”
“วางใจได้ ผมจะระวังตัวให้มากๆ อ้อ ไปหาบัญชาที่คลับคราก่อน ไอ้หมาเย็ดแม่นั่นสร้างหลักฐานเท็จคิดจะทำร้ายผม”
วันสงกรานต์ผ่านไปแล้วสองวัน นักท่องเที่ยวบนท้องถนนลดลงไปเยอะมาก ถนนทุกเส้นทางกลับมาเป็นช่องทางเดินรถ ไม่นานพวกเราก็ถึงคลับคราที่เจอบัญชาครั้งที่แล้ว
ที่คลับไม่ถูกสั่งปิด ด้านในมีคนไม่มาก มีแค่ห้าหกคนเท่านั้น แต่หน้าตาคุ้นๆ ต้องเป็นคนของบัญชาแน่นอน
ผมว่าคนของบัญชาจริงๆก็สามสี่คน ในผู้คนร้อยคนที่ล้อมผมไว้ในคืนนั้น ส่วนใหญ่ต้องเป็นพวกที่เรียกมาเพื่อให้ดูจำนวนคนเยอะกับเอามาคุ้มกัน และตอนที่เห็นในโรงพักสิบกว่าคน ด้านนอกก็น่าจะมีคนประมาณนี้
ผมและตู้หมิงเฉียงโล๋อีเจิ้งอีกทั้งลูกน้องสามคนเดินเข้าไป ถาม “บัญชาออกมาแล้วยัง?”
เสียงไม่ดัง แต่บัญชาชื่อนี้ราวกับค่อนข้างไวต่อความรู้สึก เสียงพูดคุยที่อยู่ด้านในจู่ๆก็หยุดลง เมื่อคนไทยพวกนั้นเห็นผม ต่างก็ลุกขึ้นเดินมาที่ผมด้วยหน้าตาไม่เป็นมิตร
ลูกน้องสามคนของโล๋อีเจิ้งกับตู้หมิงเฉียงก้าวนำหน้าไปหนึ่งก้าว เผชิญหน้ากับพวกคนไทยอย่างรวดเร็ว
พวกเขาและคนบนเวทีรวมกันได้ทั้งหมดหกคน พวกเราก็หกคนเช่นกัน
“บัญชาอยู่ไหน?” ผมถามอย่างสงบอีกครั้ง
ชายหัวล้านที่เต็มไปด้วยรอยสักมั่วซั่วเสียหมดเดินมาข้างหน้าหลายก้าว เดินมาด้านหน้าของผมอย่างโมโห ราวกับจะเข้ามากระแทกหน้าอกผม แล้วด้วยสีหน้าดุดันว่า “แกไอ้หมาเย็ดแม่ส่งลูกพี่พวกฉันเข้าคุก ตอนนี้ยังจะมาถามฉันอีกว่าลูกพี่เราอยู่ไหน?ฉันว่าแกจงใจมาหาเรื่องแล้วล่ะ”
“พี่หยาง มันด่าพี่หรือเปล่า?” โล่อีเจิ้งขมวดคิ้วถาม เขาฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง แต่ฟังน้ำเสียงของชายหัวล้านออก
“ไม่เป็นไร” ผมส่งสัญญาณมือให้เขาว่าอย่าวู่วาม แล้วได้เผชิญหน้ากับชายหัวล้านอีกครั้ง กล่าว “หลังจากบัญชาออกมาแล้วให้มันมาหาฉัน”
เมื่อพูดจบ ผมหันหลังแล้วเดินออกไป
“ให้ลูกพี่ของเราไปหาแก?เหอะๆ” ชายหัวล้านหัวเราะตามหลังมา จากนั้นก็พูดต่อว่า “แกคิดว่าแกเป็นใคร?ก็แค่ไอ้ชั้นต่ำ คิดว่าพาไอ้คนจีนหน้าโง่มาแล้วจะ……”
ไม่รอให้เขาพูดจบ ผมก็หันไป ยกขาขึ้นถีบมันอย่างรุนแรง
ผมและโล๋อีเจิ้งรู้ใจกันเป็นอย่างดี เขาแทบจะดูออกจากสายตาและการกระทำของผมว่าผมคิดจะทำอะไร
ชายหัวล้านเพิ่งถูกผมเตะไปยังไม่ทันได้ระวังตัว ตอนที่ล้มไปข้างหลัง โล๋อีเจิ้งก็รีบพุ่งเข้าไป แล้วต่อยไปที่หน้าของเขา
จากนั้นลูกน้องสามคนของตู้หมิงเฉียง เป็นพวกที่เคยฝึกฝนมาก่อนอย่างเห็นได้ชัด
แม้แต่ตู้หมิงเฉียงที่อายุเกินสี่สิบสวมชุดสูทก็ลงมือเอง ทันใดนั้นในคลับก็เสียงดังตึงตังขึ้น
ตอนที่พวกคนไทยที่อยู่ในคลับเหล่านั้นต่างนอนอยู่ที่พื้น ตู้หมิงเฉียงปัดชุดสูทอย่างใจเย็น แล้วกล่าว “มีต่างชาติบางพวกคิดว่าคนจีนทั้งมีเงินทั้งโง่ ดังนั้นจึงเรียกว่าคนจีนน่าโง่ ฉันเคยถูกคนเรียกแบบนี้ต่อหน้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันเห็นคนแบบนี้เมื่อไหร่ก็ต้องจัดการเมื่อนั้น”
ผมดูด้านนอกประตู เห็นไม่มีคนมาล้อมจึงได้โล่งอก แล้วพูดกับชายหัวล้านที่นอนอยู่กับพื้นว่า “จำไว้ให้บัญชามาหาฉันด้วย จากนั้นก็เดินออกจากคลับไป”
นับๆเวลาแล้ว ตำรวจดำเนินการปิดคดีใช้เวลาไม่นาน พวกบัญชาก็น่าจะใกล้ออกมาแล้ว ถึงเวลาคิดบัญชีแล้วล่ะ
ไม่ใช่คิดบัญชีที่มันหาคนมาล้อมผม แต่คิดบัญชีเรื่องคำให้การตอนอยู่ที่โรงพัก
เพิ่งจะบอกผมว่าระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกัน ต่อมาก็เล่นผมโดยให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน นี่มันจะฆ่าผมชัดๆ
ถ้ามันไม่ยอมรับผิดเพราะทนทุกข์ทรมานไม่ไหว ก็เพราะได้รับเงินของกงเจิ้งเหวินมาอีก
พวกเราหาร้านอาหารหนึ่ง เปิดห้องรับรองพิเศษสั่งอาหารมากมาย ตั้งแต่ต้นจนจบผมไม่มีเวลาพูดคุยกับตู้หมิงเฉียงและโล๋อีเจิ้ง มีแต่เวลากินอย่างเดียว
เพราะตอนที่อยู่ที่โรงพักมีแค่อาหารที่ข้าวเย็นและขนมปังเท่านั้น ผมไม่ได้กินอาหารปกติติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
อิ่มหมีพีมัน ผมจึงมีอารมณ์พูดคุยกับพวกเขา
พูดเกี่ยวกับอาหารที่กินตอนอยู่ในคุกเมื่อก่อน เรื่องที่ผมกับตู้หมิงเฉียงฟาดฟันกัน เรื่องตอนที่อยู่ในโรงอาหารได้เนื้อมันมาแล้วจะยั่วผมกับโล๋อีเจิ้งที่กินได้แค่ผักได้อย่างไร
ตู้หมิงเฉียงมีเงิน อยู่ข้างในได้กินเนื้อทุกวัน ต่อให้บุหรี่ราคาแพงมาก เขาก็ยังคงให้บุหรี่กับพรรคพวกหลายคนในคุกได้ทุกวัน ถึงขั้นหาเหล้าสองกรัมใส่ในถุงพลาสติกมาได้บ่อยๆ
คนที่เขาชอบพอไม่เคยถูกผู้คุมย้ายเรือนจำเลย แน่นอน ที่ผมไม่เคยถูกย้าย ก็เพราะเขารู้สึกว่าผมน่าสนใจตั้งแต่ตอนแรก ให้ผมอยู่เพื่อความบันเทิง ต่อมาหลังจากที่ชำระความแค้นทั้งหมดแล้วก็อาลัยอาวรณ์ผม
พูดตรงๆ แม้ผมจะไม่ค่อยชอบความคิดและความโหดเหี้ยมของเขา แต่ช่วงนั้นได้เป็นเพื่อนกันอย่างน่าแปลกใจมาก แล้วยังมีสัมพันธ์แปลกๆที่บอกไม่ถูกอีกด้วย
เพราะพวกเรารู้ใจกันและกันมาก พวกเรารู้ว่าความเจ็บปวดของอีกฝ่ายคืออะไร และก็เหมือนกับเป็นคนประเภทเดียวกัน
ตอนนี้ดูๆแล้ว เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่ได้วางมาดอะไรต่อหน้าผม เหมือนกับชอบการทำตัวลักษณะนั้นในเมื่อก่อน
พวกเราพูดคุยกันอย่างยาวนาน ตอนที่จะเปลี่ยนที่ดื่มเหล้าให้เหมาะสม จู่ๆประตูของห้องรับรองพิเศษก็ถูกเปิดออกอย่างแรง
คอมเม้นต์