ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่50 มีเรื่อง
“อืม งั้นคุณ……” เหวินเจียตอบรับเสียงใส แต่ราวกับตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว พูดไปแค่ครึ่งหนึ่งก็หยุดลงเพียงเท่านี้
ผมไม่มีทางเลือก รู้สึกผิด จู่ๆในใจก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างบอกไม่ถูก
คนนี้รู้จักเพียงแค่สองวัน เป็นเด็กผู้หญิงที่เหมือนกับผีเสื้อเจิดจรัส และทำให้ผมซาบซึ้งอย่างสุดใจ
ผมอยากบอกเธอมาก ว่าเมื่อกี๊แค่โกหกเธอ อีกไม่นานผมจะกลับประเทศ และไม่นานก็จะไปหาเธอแล้ว
แต่ผมพูดไม่ออก
ในสายกำลังเข้าสู่ช่วงเงียบสงัด ไม่นานในสายก็มีเสียงหวานและใสของเหวินเจียดังขึ้นอีกครั้ง “ฟางหยาง งั้นช่วงนี้ฉันไม่รบกวนคุณแล้วก็แล้วกัน คุณว่างเมื่อไหร่ นึกถึงฉันแล้วค่อยติดต่อฉันนะ ฉันยังอยากเขียนเรื่องที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ ของคุณกับประธานไป๋ อยู่นะ”
“อืม” ผมตอบเสียงเบา
“งั้นฉันนอนต่อแล้วนะ เมื่อกี๊ตื่นเพราะคุณ ตอนนี้ยังง่วงนอนมากอยู่เลย”
“ไปนอนเถอะ ฝันดีนะ”
“คุณก็นอนเร็วๆนะ ฝันดีค่ะ”
เมื่อวางสายแล้ว ผมก็วางมือถือลง ก้มหน้า เหม่อลอยอย่างเงียบๆ
ผ่านไปสักพัก ผมอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น รีบใส่ชุดแล้วเดินออกไปอย่างเร็ว เรียกรถที่ด้านล่างของโรงแรม ไปที่คลับคราโดยตรง
เพราะผมอยากมีเรื่องมาก
กลางคืนห้าทุ่มกว่าๆ ตอนที่ตลาดกลางคืนเริ่มครึกครื้น คลับคราก็เช่นเดียวกัน ผับขนาดร้อยกว่าตารางเมตรเต็มไปด้วยชายหญิงที่ดื่มเหล้ามีความสุขกัน
ผมเดินเข้าในผับ อยู่ใกล้กับชายลายสักมากที่สุด แล้วถามเป็นภาษาไทยว่า “บัญชาอยู่ไหน?”
ชายคนนั้นสะบัดมือผมออกอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก “แกเป็นใครวะ? จะทำอะไร?”
ในขณะเดียวกันนี้ สหายหลายคนที่อยู่ข้างๆเขาขมวดคิ้วแล้วล้อมเข้ามา แกนนำฝั่งนั้นผลักไหล่ของผม แล้วใช้ภาษาไทยถามผมว่าอยากมีเรื่องเหรอ
ผมไม่รู้ว่าพวกมันเป็นคนของบัญชาหรือเปล่า และก็ขี้เกียจจะถามด้วย แล้วต่อยไปที่หน้าคนนั้นเต็มๆ จากนั้นก็ตะโกนดังลั่นผับ
“บัญชา ออกมาเดี๋ยวนี้”
สิ่งที่ผมได้กลับมาก็คือหมัดของคนไทยเหล่านั้น ขวดเหล้าก็มาด้วย
ผมอยากระบาย ต่อยคนอื่นโดยไม่สนใจ ไม่นานก็ถูกคนอื่นจัดการเช่นกัน จากนั้นผมก็ลุกขึ้นมาต่อยคนอื่นอีก
ในผับวุ่นวายมาก เสียงร้องของผู้หญิง เสียงโห่ เสียงขวดเบียร์ขวดเหล้าแตกเป็นต้น ผสมกันดังสนั่นโสตประสาท ทำให้ผมเลือดสูบฉีด
ไม่นาน บัญชาวิ่งออกมาจากมุมหนึ่งในผับ ด่าไปถีบพวกคนไทยพวกนั้นที่ล้อมผมออกไป
ด้านหลังของเขาตามมาด้วยคนกลุ่มหนึ่ง กดคนไทยพวกนั้นไว้กับพื้นแล้วเหยียบอย่างสุดกำลัง
“หยาง คุณหยาง คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
บัญชารีบวิ่งมีที่ด้านหน้าของผม ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่เป็นไร” ผมเช็ดเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผาก แล้วพูดกับเขาอย่างสงบ
“ไม่เป็นไรก็ดีไม่เป็นไรก็ดี ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ไอ้ชั้นต่ำที่ไม่สนใจอะไรมันไม่รู้จักคุณ ถึงได้……”
“เหอะๆ” ผมตัดบทมัน “คุณบัญชา ผมไม่เป็นไร แต่แกนะมีปัญหาล่ะ”
เมื่อพูดจบ ผมก็ยกมือขึ้นมา แล้วต่อยไปที่จมูกของบัญชา
บัญชาล้มลงไปกับพื้น ไม่นานก็ได้ยกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง “อย่าเข้ามา ใครก็ห้ามทำอะไรคุณหยางทั้งนั้น มิเช่นนั้นฉันจะเอามันตาย”
“เหอะๆ บัญชา ฉลาดจริงๆนะแก”
ผมดูแคลนพลางก้าวไปข้างหน้า จับคอเสื้อของเขา แล้วกล่าว “แกรู้มั้ยว่าทำไมฉันต้องต่อยแก?”
“ไม่……ไม่ทราบครับ รู้แค่ว่า ผมสมควรตาย……สมควรโดนต่อย” บัญชาพยักหน้ารัวๆอย่างหวาดกลัว
“ไม่ แกไม่รู้ ฉันจะบอกแกเดี๋ยวนี้เลยก็แล้วกัน แกสามารถให้คนมาล้อมฉันได้ เล่นงานฉันได้ ใส่ร้ายฉันก็ได้ แต่แกไม่ควรพูดกับเธอแบบนั้น จำหญิงสาวคนนั้นที่อยู่กับฉันในคืนนั้นได้มั้ย?”
“จำได้ จำได้……”
“แกไม่ควรพูดว่าจะเอาเธอ!” ผมขัดคอบัญชาอีกครั้ง จากนั้นก็ชกไปที่ปากของมัน
บัญชาร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมา
“แกไม่ควรพูดว่าหลังจากที่แกเอาจนเบื่อแล้ว จะโยนเธอให้กับลูกน้องเอาต่อ!”
“แกไม่ควรพูดว่าจะโยนเธอลงในแม่น้ำ!”
ผมพูดพลาง ต่อยไปที่หน้าของบัญชาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อใกล้จะได้ที่ ผมจึงได้หยุดลง เขย่าคือเสื้อของมัน แล้วกล่าว “ตอนนี้แกรู้แล้วยังว่าทำไมถึงโดนต่อย”
“รู้แล้วครับ……รู้แล้วครับ ผมจะ……ขอโทษเธอ บัญชาพูดอย่างไม่ชัดเจน
“รู้ก็ดี”
ผมปล่อยคอเสื้อของมัน มันถอยหลังอย่างตัวอ่อนไป
รอบๆถูกล้อมไว้เป็นวงใหญ่นานแล้ว คนของบัญชา คนที่มาเที่ยวที่ผับ ไม่ว่าชายหรือหญิงล้วนจ้องมาที่ผม
ผมขี้เกียจจะสนใจพวกเขา แล้วเดินออกไปทันที
“โรงพยาบาล……รีบส่งพี่หยางไปโรงพยาบาล” จู่ๆบัญชาก็ตะโกนออกมาจากด้านหลังอย่างไม่ชัดเจน
ลูกน้องของเขาต่างสบตากัน ไม่มีใครกล้าขยับ
ผมได้เช็ดเลือดบนหน้าผากอีกครั้ง แล้วกล่าว “ไม่ต้อง ฉันเป็นเอง” ไม่รู้ว่าบัญชาเอาพลังมาจากไหน จู่ๆก็วิ่งมากอดขาของผมอย่างรวดเร็ว แล้วอ้อนวอน “หยาง ขอร้องนะ……ให้ผมพาคุณไปส่งโรงพยาบาลเถอะนะ มิเช่นนั้น……มิเช่นนั้นถ้าคุณสุชาติรู้ว่าคุณได้รับบาดเจ็บที่ผับของผมล่ะก็ ผมต้องตายแน่ๆ”
ผมก้มหน้า มองไอ้กุ๊ยที่เคยคิดจะฆ่าผม ใส่ร้ายผมมาก่อน ตอนนี้กลับคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าผม ผมใจอ่อนเข้าแล้ว
เมื่อเห็นผมพยักหน้า บัญชาก็รีบลุกขึ้น เรียกลูกน้องให้ไปขับรถ จากนั้นก็เดินออกจากผับเป็นเพื่อนผมอย่างกล้าๆกลัวๆ
จนกระทั่งผมพูดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับสุชาติ เขาจึงได้โล่งอกลง แล้วยังบอกว่าถ้ามีโอกาสจะขอโทษเหวินเจียด้วยตัวเอง
พวกเราไปทำแผลที่โรงพยาบาลด้วยกัน มันจ่ายค่ารักษาอย่างเชื่อฟัง เหมือนกับสุนัขรับใช้อย่างไรอย่างนั้น แล้วยังมาส่งผมที่โรงแรมด้วยตัวเองอีกด้วย
คืนนี้ผมนอนหลับไม่สนิท หนึ่งก็เพราะเย็บไปสี่เข็มตรงที่หน้าผากตีนผม ปวดหัวมาก สองคือฝันร้ายอย่างสับสนมึนงง
ฝันเห็นไป๋เวย ฝันเห็นท่าทีของเธอเมื่อสามปีก่อนที่เกือบถูกเหลยหยุนเป่าข่มขืนจนตกใจผวา ขาวอันขาวนวลและหน้าอกที่กำลังเขย่าไปมา
แล้วยังฝันเห็นเหวินเจีย เธอเหมือนกับผีเสื้อตัวหนึ่งที่บินไปมาอยู่ในม่านน้ำต้อนรับแสงสว่างเริงระบำ
สุดท้าย ผมฝันเห็นตัวเองถูกขังในห้องมืดเล็กๆ ตอนที่อยู่ในห้องที่แคบๆอึดอัดมืดมิด ผมกลัดกลุ้ม เกรี้ยวกราด ชกประตูเหล็กอันเยือกเย็นอย่างไม่หยุด และร้องคำราม
นั่นเป็นประสบการณ์อันยากที่จะลืมได้ มืดมิด ยาวนาน โดดเดี่ยวและว่างเปล่า ทำให้ผมแทบทรุด
สุดท้าย ผมก็ตกใจตื่นขึ้นมา นั่งขึ้นแล้วหายใจหอบหืด
จนกระทั่งจิตใจสงบลง ผมลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ มองหางตาที่บวมช้ำในกระจก และตัวเองที่พันผ้าสีขาวตาข่ายเหมือนไอ้บ้าคนหนึ่ง มองอยู่นาน
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าบาดแผลเลือดไม่ไหลแล้ว จึงได้ไปล้างหน้าอย่างสบายใจ จากนั้นก็นั่งสูบบุหรี่อย่างสงบบนเก้าอี้
ช่วงเช้าเจ็ดโมงกว่า ผมเคาะประตูห้องของโล๋อีเจิ้ง รอไปไม่นาน หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเขายังไม่ตื่น ตนก็ไปกินอาหารเช้า จากนั้นกลับห้องดูทีวีฆ่าเวลา
ขณะนี้ ตู้หมิงเฉียงโทรหาผม พูดว่าเขามีเรื่องด่วนต้องกลับเชียงรายก่อน เพราะยังเช้าอยู่จึงไม่ได้มาร่ำลา ถ้าผมว่างก็ให้ไปเที่ยว
คอมเม้นต์