ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 57 เธอสวยจริงๆ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 57 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

จู่ๆ เธอก็หยิบหมอนและโยนมาใส่ผมอย่างแรง

ผมยกมือขึ้นมาขวางหมอนใบนั้นทันที ไม่งั้นหมอนใบนี้ก็คงโดนแผลบนศีรษะของผมแน่นอน

“เปลี่ยนเท้าอีกข้าง”

ผมปล่อยเท้าขวาของเธอ เอื้อมมือเข้าไปในผ้าห่มและดึงเท้าอีกข้างของเธอออกมา

เธอดิ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยให้ผมนวดให้เธอ

แต่เธอยังคงใช้ผ้าห่มปิดต้นขาของตัวเองไว้ ไม่ให้ผมมองเห็นวิวด้านในหว่างขาของเธอ

ผมไม่ได้แกล้งเธออีก ตั้งใจนวดให้เธอ ในห้องเหลือเพียงเสียงจากทีวี

ผ่านไปสิบนาที เมื่อผมรู้สึกว่านวดให้เธอพอแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าเธอนอนพิงอยู่บนหัวเตียงโดยหลับตาและไม่ขยับตัวอีกเลย ดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้ว

ผมพูดเบาๆ “ประธานไป๋ ผมอยากจะสัมผัสต้นขาของคุณ”

เธอไม่มีปฏิกิริยาอะไร ขนตาก็ไม่ได้ขยับ เธอน่าจะหลับไปจริงๆ

เมื่อมองดูใบหน้าอันสวยงามขณะที่เธอหลับอยู่ ผมก็มีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะตอนนี้ผมยังนวดขาให้เธออยู่

อาศัยจังหวะที่เธอนอนหลับ ผมเปิดผ้าห่มออก ดึงกระโปรงของเธอขึ้น แยกขาทั้งสองข้างของเธอออกและกดทับบนร่างกายของเธอ เมื่อทำอย่างนี้เธอก็จะดิ้นไม่หลุด

ถึงแม้เธอจะเป็นประจำเดือน ขอแค่ได้สัมผัสก็ยังดี

หรือผมจูบปากอันเล็กๆ ของเธอ……

ริมฝีปากของเธอแดงระเรื่อ ริมฝีปากบนเผยอขึ้น น่าจูบมากๆ

เมื่อคิดอย่างนี้ ผมเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ไหว เพราะผมไม่ได้นอนกับผู้หญิงมานานแล้ว

ในที่สุดผมก็หายใจลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วสงบสติอารมณ์ตัวเอง จากนั้นก็วางเท้าของเธอไว้บนเตียง และห่มผ้าห่มให้เธอ จากนั้นผมก็ลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา ยืนอยู่ข้างเตียงและมองเธอด้วยความลังเล

เธอสวยมากจริงๆ

อดทนอีกหน่อย อีกไม่นานผมก็จะจีบเธอได้สำเร็จ ถึงเวลานั้นให้เธอเป็นคนขึ้นมานั่งโยกบนตัวผม

ผมเปิดไฟบนเตียงไว้ ปิดทีวีและไฟในห้องทั้งหมด จากนั้นก็เดินออกจากห้องของเธอ

เมื่อกลับมาถึงห้องพักของตัวเอง ผมก็ไปอาบน้ำเย็นเพื่อทำให้ตัวเองสงบ จากนั้นก็เปิดทีวีดูเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง

แต่คืนนั้นผมก็ฝัน ฝันว่าไป๋เวยว่านอนสอนง่ายเหมือนลูกแกะน้อย เธอเชื่อฟังผมมากๆ เธอทำทุกท่าที่ผมต้องการ

ต่อมาผมก็ฝันเห็นเหวินเจีย เธอยืนอยู่บนหญ้าสีเขียวที่เป็นทุ่งกว้างอันเป็นที่ราบ เธอกำลังอาบแดดอยู่และยิ้มอย่างสดใส เธอโบกมือให้ผม จากนั้นเธอก็เดินจากไป

ผมมองไปที่แผ่นหลังของเหวินเจียที่เดินจากไป และในที่สุดผมก็วิ่งตามเธอ

เมื่อผมวิ่งเข้าไปใกล้แผ่นหลังของเธอเรื่อยๆ เธอก็หน้ามา และยิ้มให้ผม

แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยนั้นกลับไม่ใช่เหวินเจีย แต่เปลี่ยนเป็นหลินโล่สุ่ย

ใบหน้าไม่ได้มีเครื่องสำอาง มีเพียงใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยเท่านั้น นั่นคือใบหน้าของหลินโล่สุ่ยตอนที่อยู่มหาลัย

ตอนนั้นเธอเป็นคนไร้เดียงสามากๆ

ผมมองหลินโล่สุ่ยที่มีรูปลักษณ์อันบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวและถามว่า ‘ทำไมคุณต้องจากผมไปด้วย? ’

หลินโล่สุ่ยไม่ได้ตอบ แต่เธอกลับยิ้มออกมา จากนั้นก็หันหลัง เดินอยู่บนหญ้าสีเขียวที่เป็นทุ่งกว้างอันเป็นที่ราบและค่อยๆ จากไป

ผมรู้สึกเศร้าและโกรธมากๆ ตะโกนใส่แผ่นหลังของเธอ ‘ทำไมคุณต้องจากผมไปด้วย? ’

หลังจากนั้น ผมก็สะดุ้งและลุกขึ้นนั่งทันที และพบว่าตัวเองแค่ฝันไป

ด้านนอกหน้าต่างมีเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังเหมือนทุกวัน และมีแสงแดดส่องทะลุเข้ามาทางช่องว่างของม่าน ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว

ผมเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก หยิบมือถือขึ้นมาดู ตอนนี้เจ็ดโมงกว่าแล้ว จากนั้นผมก็จุดบุหรี่ ลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่างและเปิดม่าน ยืนรับแสงแดดอย่างเงียบๆ

หลินโล่สุ่ยแม่งเหี้ย

เมื่อสูบบุหรี่เสร็จ ผมก็อาบน้ำแต่งตัวและเดินออกจากห้อง

หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ในร้านอาหารที่อยู่ชั้นสอง ผมก็เดินไปที่ถนนและซื้อดอกกุหลาบช่อหนึ่งจากร้านดอกไม้ และห่ออาหารเช้าชุดหนึ่ง

วันนี้เป็นวันเสาร์ BTTน่าจะไม่ทำงาน วันนี้ไป๋เวยไม่จำเป็นต้องไปทำโปรเจ็กต์ เธอน่าจะตื่นสาย

เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ผมถือช่อดอกกุหลาบและเคาะประตูของไป๋เวย

ผ่านไปไม่นาน ไป๋เวยก็ถามเป็นภาษาอังกฤษว่า “เป็นใครคะ?”

“ผมเองฟางหยาง”

“คุณมีธุระอะไรเหรอ?”น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

“ผมเอาอาหารเช้าให้คุณ และจะมาต้มน้ำขิงใส่พุทราจีนให้คุณด้วย”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องการ ขอบคุณ”

“ผมซื้อมาแล้ว คุณเปิดประตูเถอะ ยังไงผมก็ไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายคุณหรอก”

“ฉันพูดว่าฉันไม่ต้องการ คุณเก็บไว้กินเองเถอะ”

“ประธานไป๋ ผมจะยืนอยู่ตรงนี้ จนกว่าคุณจะยอมเปิดประตู ยังไงผมก็ไม่กลัวคนอื่นมาหัวเราะเยาะผมอยู่แล้ว”

“แล้วแต่คุณ”เธอพูดอย่างเย็นชา จากนั้นด้านในก็ไม่มีเสียงอีก

ผมเคาะประตูอีกครั้ง ตะโกนเรียกประธานไป๋ แต่ด้านในก็ไม่มีเสียงตอบ

ผมไม่ได้ตัดใจ และยืนอยู่หน้าประตูตลอด ผ่านไปทุกๆ สองสามนาที ผมจะเคาะประตูอีกครั้ง

ดูเหมือนไป๋เวยตั้งใจจะไม่สนใจผมและเธอก็ไม่ตอบผมด้วย

ผ่านไปไม่นาน ห้องข้างๆ ก็เปิดประตู มีผู้หญิงสองคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานในทีมโปรเจ็กต์เดินออกมา ดูเหมือนพวกเธอกำลังจะไปทานอาหารเช้า

“ฟางหยาง อรุณสวัสดิ์”

เมื่อคืนพวกเราคุยจนสนิทกัน พวกเธอก็ยิ้มและทักทายผม

“อรุณสวัสดิ์”ผมยิ้ม จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตูห้องของไป๋เวย จงใจพูดเสียงดังออกมา “เมื่อคืนทะเลาะกัน เธอกำลังโกรธและไม่ยอมเปิดประตูให้ผม”

ผู้หญิงสองคนนั้นปิดปากและหัวเราะ “ถ้าอย่างงั้นคุณก็ต้องทำตัวดีๆ หน่อย”

ขณะพูด พวกเธอก็เดินผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ยังหันหน้ามามองผม จากนั้นพวกเธอก็ซุบซิบกันในลิฟต์

เพื่อนร่วมงานทั้งหมดต่างพักอยู่ห้องติดๆ กัน และมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ออกมาจากห้องทีละคน คนส่วนใหญ่เห็นผมแล้วก็กล่าวคำทักทาย จากนั้นพวกเขาก็มองดอกกุหลาบที่อยู่ในมือของผมกับประตูห้องที่ปิดอยู่ด้วยความสนใจ

ในเวลาแบบนี้ ผมจะตะโกนเสียงดังและพูด “เมื่อคืนทะเลาะกัน เธอกำลังโกรธและไม่ยอมเปิดประตูให้ผม”

หลังจากที่ผมพูดไปสามรอบ ประตูห้องของไป๋เวยก็มีเสียง”แกร๊ก”ดังขึ้น จากนั้นเธอก็เปิดประตูเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าข้างเดียวของไป๋เวย

“เอาอาหารเช้ามาให้ฉัน”เธอพูดด้วยความโกรธ

ผมยื่นอาหารเช้าและดอกกุหลาบไปให้เธอและพูด “มีดอกกุหลาบด้วย ขอให้คุณมีจิตใจเบิกบานทุกวัน”

เธอไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจ ดูเหมือนเธอน่าจะมองเห็นผมถือดอกกุหลาบผ่านตาแมวของประตู

“ฉันไม่เอาดอกไม้ คุณเก็บไว้ชื่นชมเองดีกว่า ขอแค่คุณไปไกลๆ จากฉันหน่อย จิตใจของฉันก็เบิกบานแล้ว”

ไป๋เวยไม่ได้ปลดโซ่คล้องประตูออก ทำให้ช่องว่างประตูเล็กมาก อาหารเช้าถูกบรรจุในถ้วยใส่อาหารแบบใช้แล้วทิ้ง มันสอดเข้าไปในประตูไม่ได้ เธอหยิบตั้งนานก็เอาเข้าไปในประตูไม่ได้

เธอเริ่มรำคาญและยื่นอาหารเช้ามาให้ผม “ฉันไม่เอาแล้ว คุณเอาคืนไปเถอะ”

ผมไม่ได้รับอาหารเช้าไว้ แต่พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณแค่เปิดประตูออกก็สามารถเอาอาหารเช้าเข้าไปได้?”

“ไม่เปิด!”

“ถ้างั้นคุณก็ถือไว้อย่างนี้แหละ”เมื่อพูดจบ ผมจงใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลบอาหารเช้าที่เธอยื่นมาให้ผม

“คุณ……”

“ห้ามทำหกละ ไม่งั้นคุณอาจจะถูกคนที่มาทำความสะอาดด่าได้นะ”

“ฟางหยางคุณมันสารเลว!”

ไป๋เวยด่าด้วยความโกรธ จากนั้นเธอก็ปลดโซ่คล้องประตูทันที

ผมอาศัยโอกาสนี้ก้าวเท้าเข้าไปในรอยแยกของประตู และค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปด้วยไหล่ของผม

“คุณจะทำอะไร? ออกไปเดี๋ยวนี้”

ไป๋เวยผลักประตูห้องจากด้านใน

แต่แรงอันน้อยนิดของเธอ สู้ผมไม่ได้อยู่แล้ว ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูก็ถูกผมผลักจนเปิดออก และผมก็รีบเดินเข้าไป

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด