ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 63 เพื่อนรัก
เหอไคเฉิงเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา “ฟางหยาง คุณอย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจเพราะรู้จักอันธพาลแค่ไม่กี่คน”
ผมสบสายตาอันเย็นชาของเขาโดยไม่ได้รู้สึกกลัวและพูด “เมื่อสามปีที่แล้วคุณทำให้ผมเข้าคุก ผมยังไม่ได้มาคิดบัญชีเรื่องนี้กับคุณเลย ตอนนี้คุณยังมาข่มขู่ผมอีก นึกว่าตัวเองมีเงินแล้วทำได้ทุกอย่างเหรอ? มีคำสุภาษิตเคยกล่าวไว้ อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก อย่าต้อนคนให้จนมุม ถ้าคุณไม่เชื่อจะลองดูก็ได้”
เหอไคเฉิงไม่พูดอะไรอีก เขาขมวดคิ้วและจ้องมองผม
ผ่านไปสักพัก จู่ๆเขาก็พยักหน้า พูดด้วยสีหน้าปกติ”คุณเก่งมาก”จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินขึ้นรถยนต์
มองรถเบนซ์คันนั้นจากไป ผมไม่ได้รีบกลับไปที่พัก ผมนั่งอยู่ในสวนหย่อมแล้วจุดบุหรี่ และเริ่มวิเคราะห์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
หลายปีมานี้ในประเทศมีความปลอดภัยสูง ทุกปีจะมีการกวาดล้างแก๊งอันธพาลและอำนาจมืด โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆอย่างเซิ่งไห่ ครอบครัวของไป๋เวยทำธุรกิจที่ใสสะอาด เขาคงไม่หาใครมาฆ่าผมมั้ง อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่กล้าฆ่าผมให้ตายแน่นอน อาจจะหาคนมาซ้อมผม หรือหาเรื่องยุ่งยากให้ผม หรือใช้กลอุบายใส่ร้ายให้ผมก็ได้
ยังมีกงเจิ้งเหวินด้วย ตอนอยู่ประเทศไทยเขาเสียเปรียบ โดนซ้อมจนเลือดอาบหน้า เขาคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ๆ เขาคงรอให้ผมกลับมาในประเทศและหาวิธีกำจัดผม
เรื่องแรกที่ผมต้องทำคือย้ายออกที่พักของเพื่อน ผมไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนเพราะผม
ก่อนที่จะไปประเทศไทย ผมได้เบิกเงินหนึ่งหมื่นจากเงินที่หลินโล่สุ่ยโอนมา โดยห้าพันหยวนผมได้แลกเปลี่ยนเป็นเงินไทย และใช้ไปเพียงส่วนหนึ่ง ตอนอยู่สนามบินผมก็แลกคืนเป็นเงินหยวนอีกครั้ง บวกกับเงินที่เหลืออยู่ห้าพันหยวน ตอนนี้ผมมีเงินอยู่เจ็ดพันกว่าหยวน มันเพียงพอที่ผมจะไปหาที่พักอยู่อาศัยแล้ว
รอเดือนหน้าผมได้เงินเดือนผมก็จะสบายกว่านี้ ถึงแม้ผมจะขอเบิกเงินล่วงหน้าสี่หมื่นหยวนกับไป๋เวยจากโปรเจ็กต์ของBTT อย่างน้อยก็คงเหลือเงินหนึ่งถึงสองหมื่นหยวนให้เบิกได้ เพราะเงินที่ขอเบิกล่วงหน้ามีสามหมื่นหยวนต้องให้โล๋อีเจิ้งเพื่อให้เขาช่วยตรวจสอบกงเจิ้งเหวิน ถ้าตัวเองจำเป็นต้องใช้เงินก็สามารถเอาคืนมาได้บางส่วน
เอาอย่างงี้แล้วกัน พรุ่งนี้ไปหาที่พักอาศัยใหม่ และต้องรีบย้ายออกไปจากที่นี่ เพราะตัวเองพักอาศัยอยู่กับเพื่อนก็เกรงใจเขามากๆแล้ว
ผมมีเพื่อนสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกโล๋อีเจิ้งกับตู้หมิงเฉียง เป็นเพื่อนที่รู้จักกันในคุก มีอีกกลุ่มก็คือเพื่อนที่รู้จักกันก่อนที่ผมจะเข้าคุก หลังจากที่เข้าคุกผมก็ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนส่วนใหญ่เลย มีเพียงไม่กี่คนที่ยังติดต่อกันอยู่
ผมมีเพื่อนที่สนิทมากๆสองคน มีคนหนึ่งอยู่ต่างเมือง ส่วนอีกคนทำงานอยู่ที่เซิ่งไห่และเขาได้ซื้อคอนโดแล้ว ตอนนี้ผมพาอาศัยอยู่คอนโดของเขา
เขาชื่อสวีเจ๋อ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมต้นและมัธยมปลาย พวกเราสองคนสนิทกันมากๆ ตอนที่ผมอยู่ในคุกเขาก็ไม่ได้รังเกียจผม แต่เขามักจะโอนเงินเข้าไปในคุกให้ผมตลอด เขาเป็นเพื่อนรักของผม
ตอนที่ผมเพิ่งออกจากคุก ช่วงแรกผมไปอยู่กับโล๋อีเจิ้งที่ถูกปล่อยตัวจากคุกก่อนผม ช่วงนั้นผมหมดอาลัยตายอยากมากๆ ผมดื่มเหล้าสูบบุหรี่และใช้ชีวิตไปวันๆ หลังจากที่ผมคิดได้ และต้องการหางานทำและใช้ชีวิตอย่างจริงจัง สวีเจ๋อก็ชวนผมให้ย้ายมาอยู่กับเขา เพราะโล๋อีเจิ้งใช้ชีวิตแบบเหลวไหล ถ้าผมไม่ย้ายออกมา ผมก็อาจจะยิ่งจมดิ่งกับชีวิตอันเศร้าหมอง
ผมคิดอย่างรอบคอบและรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสะดวกที่จะพักอาศัยอยู่กับโล๋อีเจิ้ง เพราะเขาเช่าคอนโดที่เป็นห้องเดียว และชอบพาผู้หญิงกลับมาในห้อง เขาเคยพาผู้หญิงต่างๆ อย่างพนักงานต้อนรับ สาวดังในโลกโซเชียล ลูกค้ากลับมาพักที่ห้อง ทำให้ผมอึดอัดและไม่รู้จะทำตัวยังไง
ดังนั้นผมก็เลยย้ายมาอยู่กับสวีเจ๋อ ครอบครัวของเขาจ่ายเงินดาวน์เพื่อซื้อคอนโดให้เขา และเขาก็บอกว่าจะไม่เก็บค่าเช่ากับผม แต่ผมก็บอกเขาว่าต้องคิดค่าเช่าด้วย ให้เขาจดเอาไว้ ถ้าผมมีเงินเมื่อไหร่ก็จะคืนให้เขา รวมทั้งเงินที่เขาโอนให้ผมตอนที่ผมอยู่ในคุกด้วย ผมจะคืนเงินให้เขาทั้งหมด
และมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมอึดอัดและไม่สบายใจคือ สวีเจ๋อพักอาศัยอยู่กับแฟนสาวของเขาด้วย
ถึงแม้ผมกับแฟนสาวของเธอจะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งนาน และคอนโดของเขาก็ค่อนข้างใหญ่ เพราะมีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองทำลายโลกส่วนตัวของพวกเขาสองคน ทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ
ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว ต้องรีบย้ายออกไป
ผมสูบบุหรี่หนึ่งม้วนที่ริมทางเสร็จ ผมก็ไม่ได้รีบกลับไปที่คอนโด แต่เดินไปตลาดสดที่อยู่ไม่ไกล ตอนนี้เวลาประมาณหกโมงเย็น ผมจะซื้อผักสดและกลับไปทำอาหารเย็นให้พวกเขา
ในขณะเดียวกัน ผมก็หยิบโทรศัพท์และโทรหาสวีเจ๋อ อยากจะบอกเขาว่าผมกลับมาแล้ว บอกให้เขาไม่ต้องซื้อผักสดด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ผมดื่มยาของเหลยหยุนเป่าโดยไม่ได้ตั้งใจ และถูกไป๋เวยแจ้งตำรวจจับผมเข้าไปในคุก เรื่องนี้ผมยังไม่ได้บอกสวีเจ๋อเลย ทำให้เขาเป็นห่วงผมมากๆ หลังจากออกมาจากสถานีตำรวจ ผมก็บินไปประเทศไทยเลย ตอนนี้กลับมาแล้วก็ต้องแจ้งเขาให้ทราบล่วงหน้า
แต่สวีเจ๋อไม่ได้ยอมรับสาย ผมโทรไปหลายรอบแต่เขาก็ไม่รับ เขาน่าจะกำลังยุ่งอยู่
ผมไม่ได้สนใจ เมื่อผมซื้อผักสดเสร็จและกลับถึงบ้าน เวลาก็ประมาณหกโมงครึ่งแล้ว ตอนนี้พวกเขาน่าจะกลับมาแล้ว
ผมหยิบกุญแจสำรองที่เขาให้ผม และเปิดประตูเบาๆ จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังออกมาจากในห้อง
“สวีเจ๋อ คุณพูดให้ชัดเจนหน่อย คุณจะเอายังไง? ฟางหยางพักอยู่ที่คอนโดของเรามาตั้งนานแล้ว ฉันไม่เคยพูดอะไรเลย แต่ตอนนี้แม่ของฉันจะมาเที่ยวและพักที่นี่แค่ไม่กี่วัน คุณไม่พอใจใช่ไหม?”
ผมอึ้งไปชั่วครู่ นี่คือเสียงของหลินจิ้ง เธอคือแฟนสาวของสวีเจ๋อ ทำไมเธอต้องพูดถึงผมด้วย?
ผมได้ยินสวีเจ๋อพูดอย่างจำใจ “หลินจิ้งคุณรู้เหตุรู้ผลหน่อยได้ไหม? ฉันไม่ได้ไม่พอใจ? ฉันแค่บอกว่าให้แม่ของคุณนอนที่ห้องนอนเล็ก คุณก็รู้อยู่แล้วว่าห้องนอนแขกใหญ่มันเป็นห้องของฟางหยาง ทำไมคุณต้องย้ายสัมภาระต่างๆของฟางหยางมาที่ห้องนอนเล็กด้วย คุณให้แม่ของคุณนอนที่ห้องนอนเล็กไม่ได้เหรอ? ถ้าฟางหยางกลับมาแล้วเขาจะคิดยังไง? แล้วเขาจะมองผมเป็นคนยังไง?”
“ฮ่าๆ สวีเจ๋อคุณพยายามรักษาหน้าตัวเองต่อหน้าเพื่อน ฟางหยางพักอยู่ที่คอนโดของพวกเรามาตั้งนาน? พวกเราไม่เคยเก็บเงินเขาเลยสักบาท? แม้แต่เงินค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่ากินต่างๆก็ไม่เคยเก็บเขาเลยสักบาท พวกเราดีต่อเขามากขนาดนี้แล้ว ตอนนี้แค่ให้เขาเปลี่ยนไปนอนห้องนอนเล็กก็ทำให้เขารู้สึกน้อยใจแล้วเหรอ? และคุณก็ดูสิว่าเขาไม่ได้กลับมานานแค่ไหนแล้ว? ใครจะไปรู้ เขาอาจจะใช้ชีวิตไปวันๆอย่างไร้ค่าเหมือนคนเมาหรือคนที่อยู่ในโลกแห่งความฝันอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้”
“หลินจิ้ง คุณพอได้แล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม คุณห้ามพูดเขาแบบนี้”
“ฉันจะพูด!และจะพูดให้ชัดเจน เมื่อก่อนคุณเคยพูดอะไรกับฉัน? คุณบอกว่าฟางหยางจะมาพักกับพวกเราไม่เกินหนึ่งเดือน และย้ายออกเมื่อเขาหางานได้ ตอนนี้มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว? เขาหางานได้แล้วเหรอ? เขาหางานได้ที่หนึ่ง แล้วเป็นไงละ? สุดท้ายเขาก็โดนจับเข้าคุก และเข้าคุกเพราะคดีข่มขืนด้วย ถึงแม้เขาจะออกจากคุกในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่เขาก็เสียงานนั้นไป ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เมื่อไหร่เขาจะหางานได้และย้ายออกไป? มีอีกเรื่องคือ เขาเป็นคนร้ายคดีข่มขืน สวีเจ๋อคุณไม่กลัว……”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ คุณพูดอะไรออกมา? เขาเป็นเพื่อนรักของฉัน เพื่อนรัก คุณเข้าใจไหม?”
“ฉันไม่สนใจว่าเขาจะเป็นอะไรกับคุณ วันนี้คุณต้องพูดให้ชัดเจน ฉันจะเอาห้องนอนใหญ่ให้แม่ได้ไหม? เขาจะย้ายออกจากบ้านพวกเราเมื่อไหร่?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว และถอนหายใจออกมา จากนั้นผมก็จงใจผลักประตูให้เกิดเสียง เขย่ากุญแจให้เกิดเสียงดัง
คอมเม้นต์