ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 75 ผู้หญิงที่รักความสะอาด
ไป๋เวยไม่พูดอะไร แต่จ้องมองผมด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
ผมเห็นความได้ใจในสายตาของเธอบางๆ จึงอดหัวเราะไม่ได้”ประธานไป๋ คุณคงไม่ได้คิดจะอาศัยจังหวะนี้ทำสัญญากับผมหรอกนะ ตัวอย่างเช่นห้ามสารภาพรัก ห้ามจูบ ห้ามหยอกล้ออะไรทำนองนี้?”
สีหน้าของของเธอได้ใจเล็กน้อย”หึ จากนี้ไปถ้าคุณยังกล้าทำอะไรแบบนี้อีก ฉันจะรีบไปหาจางอี้หลินให้เขาเซ็นชื่อแล้วไล่คุณออก”
ผมส่ายหัว”คุณไม่ทำหรอก เพราะคุณเป็นคนที่จิตใจดีมาก เป็นคนมีสมบัติผู้ดี การจุติความงามและสติปัญญาของอาร์เธน่า นั่นก็คือคุณ แต่ในใจของผม คุณมีความบริสุทธิ์ และสวยงามกว่าอาร์เธน่า ซึ่งกล่าวได้เลยว่า……”
“เวลาทำงานห้ามกะล่อนปลิ้นปล้อนพูดเลียแข้งเลียขาเจ้านายนะ”เธอกลั้นยิ้ม แล้วจงใจพูดแทรกผมขึ้นมา
“เอาล่ะ เราพูดเรื่องประเด็นสำคัญต่อเถอะ ประธานไป๋จะปกป้องผมไหม?”
“ถ้าจางอี้หลินไปถึงจุดนั้นจริงๆ ฉันจะไปหาผู้จัดการใหญ่เพื่ออธิบายให้เขาฟัง เห็นแก่ที่คุณทำประโยชน์มีผลงานคว้าโปรเจ็กต์ของBTTกรุ๊ปได้ จะเก็บคุณไว้อีกสักพักแล้วกัน”
“ขอบคุณประธานไป๋ครับ ประธานไป๋สมกับที่มีความงามกับสติปัญญาของอาร์เธน่า……”
“ออกไป!”
“ครับ ขอบคุณประธานไป๋อีกครั้งครับ”
ผมโค้งคำนับอย่างจริงจัง หลังจากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงาน
มีท่าทีของไป๋เวยแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรอีก ตั้งใจทำงานดีๆก็พอแล้ว
ในช่วงบ่ายจางอี้หลินกับคนของฝ่ายบุคคลไม่ได้มาหาผมอีก จดหมายเลิกจ้างก็ไม่เห็น เขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าไป๋เวยจะปกป้องผม ดังนั้นเลยไม่กล้าทำเด็ดขาดเกินไป
อันที่จริงแล้ว ตำแหน่งของไป๋เวยกับเขาพอๆกัน แผนกที่ใหญ่ที่สุดในบริษัทคือแผนกวิจัยและพัฒนา แต่แผนกที่สำคัญที่สุดคือฝ่ายการตลาด เพราะการขายจัดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ หัวหน้าฝ่ายขายจึงแทบจะมีตำแหน่งเทียบเท่ากับรองผู้จัดการ
อาจจะเป็นเพราะได้พันธุกรรมเด่นในด้านธุรกิจ
อีกทั้งไป๋เวยก็ขยันเช่นกัน และมักจะทำงานล่วงเวลาในบริษัท วันนี้ก็เช่นกัน ผมรออยู่ที่ข้างนอกประตูนานแล้ว จนเวลาเลิกงานผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ เธอก็เดินออกมาจากห้องทำงาน
ผมเข้าไปทักทาย แล้วยิ้มพลางพูดว่า”ประธานไป๋ ผมส่งคุณกลับนะครับ”
“ไม่ต้อง”เธอตอบกลับอย่างเมินเฉย
“ผมเป็นผู้ช่วยคุณนะ มีหน้าที่เป็นสารถีส่งคุณกลับบ้านครับ”
เธอถลึงตาใส่ผม”ใครบอกว่าผู้ช่วยต้องเป็นสารถี?อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณวางแผนอะไรอยู่”
ผมหัวเราะ”ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานแล้ว พลอดรักได้แล้ว”
เธอทำหน้าเคร่งขรึม”ใครจะพลอดรักกับคุณกัน”
“อิๆ ตอนนี้ไง ไปกันเถอะ เดี๋ยวฟ้าก็มืดแล้ว”
พูดจบ ผมก็ไปยืนขนาบข้างกับเธอ มีความตระหนักรู้ตัวว่าให้หัวหน้าเดินนำไปก่อน
ไป๋เวยทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงแล้วเดินไปตามทางเดินอย่างเป็นจังหวะ
ผมเดินอยู่ในตำแหน่งขนาบข้างกับเธอซึ่งอยู่ด้านหลังเล็กน้อย เข้าไปในลิฟต์ ตามเธอจนไปถึงลานจอดรถใต้ดิน แล้วก็ไปถึงข้างรถจากัวร์ของเธอ
“ประธานไป๋ กุญแจให้ผมเถอะครับ”ผมยืนอยู่ข้างประตูด้านคนขับแล้วยื่นมือไปทางเธอ
“ถอยไป”เธอพูดด้วยใบหน้าเย็นชา
“หยุดโวยวายเถอะ เอากุญแจมาให้ผม”
“คุณจะถอยไปไหม”
“ไม่ถอย จากนั้นคุณก็จะแจ้งความเรียกรปภ.อะไรทำนองนี้สินะ แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ ผมต้องทำตามหน้าที่ผู้ช่วยเพื่อเป็นสารถีและแฟนหนุ่ม”
“ใครเป็นแฟนหนุ่มของคุณไม่ทราบ?”
ผมเหงื่อออกเต็มหน้า”ขออภัยด้วยครับ ประธานไป๋ ผมไม่มีแฟนหนุ่ม”
“นี่คุณ……”
ไป๋เวยรู้สึกโกรธมาก เธอขมวดคิ้วถลึงตาใส่ผมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โยนกุญแจรถมาให้ผมอย่างแรงด้วยความโกรธ
ผมรีบรับกุญแจอย่างกุลีกุจอสุดท้ายก็รับได้ แล้วผมจึงโล่งอก ช่างเป็นผู้หญิงไม่รู้จักคุณค่าของเงินจริงๆ กุญแจอิเล็กทรอนิกส์ราคาหลายพันยังจะปาแบบนี้อีก ไม่กลับกระแทกพังรึไงกัน
ผมวิ่งไปเปิดประตูรถ แล้วทำมือเชิญ ไป๋เวยถลึงตาจ้องมองผมหลายครั้งอย่างโกรธเคือง แล้วจึงนั่งไปที่ด้านข้างคนขับ
ผมวิ่งกลับไปขึ้นรถ หลังจากที่เตือนให้เธอรัดเข็มขัดนิรภัยแล้ว จึงสตาร์ทรถแล้วออกจากลานจอดรถไป
“ประธานไป๋ คุณพักอยู่คนเดียว อาหารเย็นจัดการยังไงครับ?”ระหว่างทาง ผมเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ
“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
“คุณทำอาหารไม่เป็น ทานข้างนอกตลอด ถูกไหม?”
ไป๋เวยทำเสียงหึ ไม่ได้ตอบกลับ
ดูท่าแล้วคงจะเป็นแบบนั้น
ผมจึงพูดต่อไปว่า”อีกเดี๋ยวระหว่างทางซื้อผักสักหน่อย เดี๋ยวผมทำให้คุณทานเอง”
“ไม่จำเป็น”
“กินแต่อาหารข้างนอกไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ อีกอย่าง อันที่จริงผมก็ไม่รู้จะไปกินข้าวที่ไหนดี เราอยู่เป็นเพื่อนกันเถอะ”
“ใครจะอยู่เป็นเพื่อนกับคุณ”
“ในฐานะที่เป็นแฟนหนุ่มคนหนึ่ง ผมมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะให้แฟนสาวได้ทานอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ”
“ใครเป็นแฟนหนุ่ม……ใครเป็นแฟนสาวของคุณไม่ทราบห้ะ?”
“ถึงตอนนี้คุณจะไม่ยอมรับก็เถอะ แต่ความจริงแล้วมันเป็นแบบนั้น ผมสารภาพรักกับคุณไปแล้ว และเคยจูบคุณแล้วด้วย ไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง ดังนั้นตอนนี้เรามีความสัมพันธ์เป็นแฟนกันแล้ว”
“หึ!นั่นเป็นเพราะคุณเล่นลูกไม้ตลบตะแลงเอง ฉันไม่เคยยอมรับ และไม่มีทางยอมรับด้วย ยิ่งไม่มีทางให้คุณเป็นแฟนหนุ่มหรอกนะ!”
“ยอมรับโชคชะตาเถอะ จุ๊บปากแล้วทำให้ท้องได้นะ”
“นี่คุณ……”เธอโกรธจนแทบทนไม่ไหวแล้ว เธอใช้กระเป๋าที่อยู่ในฟาดลงมาอีกครั้ง
“หยุดโวยวายได้แล้ว ผมกำลังขับรถนะ”
ผมไม่กล้าหลบ ได้เพียงแต่ใช้มือข้างหนึ่งบังไว้ อีกมือหนึ่งยังคงต้องจับพวงมาลัยให้แน่น
“หึ!”เธอโกรธจนหันหน้าไปที่กระจกอีกด้าน
ผมไม่กล้าหยอกล้อเธออีก ตั้งใจขับรถไป หลังจากนั้นไม่นานผมก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเช่าเมื่อคืนนี้ เพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
เป็นไปตามคาดสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของไป๋เวย เธอก่นด่าผู้ชายเหี้ยคนนั้นอย่างโมโห ยังด่าเศรษฐินีที่รับเลี้ยงแมงดาคนนั้นด้วย
ผมได้พูดคุยกับเธอในหัวข้อด้านนี้ และสุดท้ายก็พูดถึงเรื่องการนอกใจในวงการบันเทิงของช่วงนี้
เธอค่อยๆเลิกต่อต้านผมเรื่อยๆ ในตอนที่ผ่านตลาดผมก็แวะเข้าไปจอด หลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว เธอก็ก่นด่าผมว่าตลบตะแลงหลายคำอย่างโมโห จากนั้นก็ลงจากรถแล้วเดินตามผมเข้าตลาดไป
ก็เหมือนกับสองวันที่แล้วที่เที่ยวเล่นอยู่ในเชียงใหม่ ปากบอกไม่เอาๆ แต่ความเป็นจริงก็เดินตามผมเที่ยวเล่นอย่างว่าง่าย
ผมพบว่าไป๋เวยเป็นมือใหม่จริงในด้านการใช้ชีวิต พืชผักส่วนมากเธอก็ไม่รู้จัก ปลาแม่น้ำกับปลาทะเลเธอก็แยกไม่ออก
ยังถือว่าพอให้อภัยได้บ้าง เนื่องจากเธอเป็นลูกคุณหนูมีเงิน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ต้องทำอาหารเอง
พอซื้อผักเสร็จ หลังจากที่ผมมั่นใจว่าที่บ้านของเธอมีถ้วยถังกะละมังหม้อกับน้ำมันเกลือซอสปรุงรสต่างๆแล้ว จึงเดินทางออกจากตลาด
เธอบอกว่าที่ในครัวของเธอมีของครบทุกอย่าง เป็นเพราะไม่นานมานี้เธอเคยลองทำอาหารทานเอง แต่ทำได้ไม่กี่วัน หลังจากที่เธอทานอาหารที่ตัวเองทำไม่ลงเธอก็ไม่แตะต้องของที่อยู่ในครัวอีกเลย
พอกลับมาถึงบ้านของไป๋เวย ความรู้สึกแรกหลังจากที่เข้ามาคือสะอาดและเรียบง่ายมาก บ้างโอ่โถงกว้างใหญ่ การออกแบบตกแต่งนั้นสวยงามและได้อารมณ์มาก แต่ไม่ได้หรูหราเหมือนที่ผมคิดไว้ ไม่มีผลงานศิลปะที่ยุ่งเหยิง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้จริงและของตกแต่งไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เรียบง่ายแต่ไม่ว่างเปล่า
อีกทั้งภายในบ้านแทบจะไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รักสะอาดมากคนหนึ่ง
คอมเม้นต์