ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 95 โอกาส
ในที่สุดผมก็ทำให้หัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งของตัวเองสงบลงและถาม “คุณแจ้งความหรือยัง?”
“ยังเลย ฉันไม่กล้าแจ้งความด้วย ฉันกลัวพวกเขาจะฆ่าลูกชายของผม……คุณหยาง คุณก็ห้ามแจ้งความนะ ฉันขอร้อง”
“คุณวางใจ ผมไม่แจ้งความอยู่แล้ว ตอนนี้คุณใจเย็นๆก่อน ผมอยากจะถามรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน ลูกชายของคุณอายุเท่าไหร่?”
“พึ่งครบห้าขวบเมื่อเดือนที่แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมก็ตกใจอีกครั้ง ลูกชายของถงอันจือหายตัวไป ตอนนี้ลูกชายของบัญชาก็หายไปด้วย เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ เด็กคนหนึ่งเจ็ดขวบ ส่วนอีกคนห้าขวบ
ลูกชายของบัญชาต้องเป็นฝีมือของกงเจิ้งเหวิน แล้วลูกชายของถงอันจือละ?
มันเป็นเรื่องบังเอิญ? หรือว่าทั้งสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกัน?
ลูกชายของถงอันจือหายตัวไปจากแม่น้ำปิง คนของกงเจิ้งเหวินบอกว่าจะเอาลูกชายของบัญชาทิ้งลงไปในแม่น้ำ แม่น้ำ……แม่น้ำปิง?
เชียงใหม่มีแค่แม่น้ำสายเดียว ถ้าหากคนของกงเจิ้งเหวินไม่ใช่แค่ข่มขู่บัญชาเฉยๆ แต่ต้องการให้บัญชาหวาดกลัวและทำตามที่พวกเขาต้องการ ผมคิดว่าลูกชายของบัญชาต้องอยู่ใกล้ๆแม่น้ำปิงอย่างแน่นอน
แม่น้ำทั้งสายมันยาวมากๆ พวกเขาจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนนะ?
เมื่อคิดได้แบบนี้ ผมก็ถามทางโทรศัพท์ทันที “บัญชา บ้านของคุณอยู่ใกล้ๆแม่น้ำปิงใช่ไหม?”
“คุณรู้ได้ยังไง?”เห็นได้ชัดว่าบัญชารู้สึกประหลาดใจ
“ผมเดาเอา บ้านของคุณอยู่ฝั่งเหนือหรือฝั่งใต้?”
“ฝั่งเหนือ”
“โอเค คุณติดต่อพวกเขาและรับปากเรื่องที่พวกเขาต้องการ บอกว่าคุณจะไม่ช่วยเหลือผมอีก ตอนนี้คุณกำลังพาลูกน้องมาหาผม คุณเตรียมที่จะหักขาของผมตามที่พวกเขาต้องการ บอกให้พวกเขารีบปล่อยลูกชายของคุณ”
“หลังจากนั้น คุณก็เรียกลูกน้องทุกคนที่คุณสามารถติดต่อได้ ไปตามหาตัวลูกชายคุณตามฝั่งเหนือของแม่น้ำปิง ในเมื่อพวกเขาข่มขู่ว่าจะโยนลูกชายของคุณลงไปในแม่น้ำ พวกเขาจะต้องหลบซ่อนอยู่ใกล้ๆแม่น้ำปิงอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะพาลูกชายของคุณผ่านตัวเมืองที่มีผู้คนจำนวนมากเพื่อไปฝั่งใต้ของแม่น้ำ เพราะพาลูกชายของคุณไปด้วยมันก็เลยไม่ค่อยปลอดภัย ทำให้พวกเขาต้องไปฝั่งเหนือเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาอาจจะออกจากตัวเมืองไปแล้ว”
“เรื่องของวิดีโอเก็บไว้ก่อน ผมไม่อยากบังคับให้คุณช่วย แต่ผมก็ไม่อยากจะเสียขาข้างหนึ่งไปฟรีๆ ดังนั้นผมจะช่วยลูกชายของคุณออกมา ถ้ามีความจำเป็นจริงๆผมจะขอความช่วยเหลือจากคุณสุชาติ”
บัญชารู้สึกซาบซึ้ง “คุณหยาง ขอบคุณมาก ขอบคุณมากๆ”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว รีบไปตามหาลูกชายของคุณเร็วๆ มีอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอดเวลา”
เมื่อพูดจบ ผมก็วางสายทันที และค้นหาเบอร์โทรของตู้หมิงเฉียง ผมลังเลอยู่ชั่วครู่
สุดท้ายผมก็ไม่ได้โทรหาตู้หมิงเฉียง แต่ขับมอเตอร์ไซค์และเลี้ยวรถที่ถนนด้านหน้า และเร่งความเร็วไปทางเหนือ
เมื่อมองเห็นคนที่สะกดรอยยังคงตามผมอยู่ผ่านกระจกมองหลัง ผมก็หนักใจขึ้นเรื่อยๆ
ผมไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวจะมาถึงจุดนี้ได้ และไม่คาดคิดเลยว่ากงเจิ้งเหวินจะโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ เพื่อทำให้ผมกลายเป็นคนพิการ เขาบ้าคลั่งและใช่วิธีลักพาตัว และคิดจะยืมมีดฆ่าคนด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ
เพราะเมื่อก่อนบัญชาเคยซ้อมเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซ้อมจนเขาสะบักสะบอม ทำให้เขาเกลียดบัญชามากๆ ตอนนี้เขาอยากจะจัดการผมกับบัญชาพร้อมกัน
แต่เขาบ้าคลั่งและใช้วิธีการลักพาตัวแบบนี้ เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม? เขานึกว่ามีเงินแล้วจะสามารถทำได้ทุกอย่างเหรอ?
ตอนนี้สังคมอยู่ภายใต้หลักกฎหมาย ถ้าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นจริงๆ เขาจ่ายเงินแล้วจะสามารถจัดการทุกอย่างได้เหรอ?
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนบ้าจริงๆหรือเปล่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือไม่ควรเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น และต้องช่วยลูกชายของบัญชากลับมาให้ได้โดยเร็ว
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะมีความแค้นกับบัญชา ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบเขามากนัก แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเด็ก
ก่อนอื่น ผมต้องหาวิธีจัดการคนที่สะกดรอยตามผมก่อน
ถ้าผมเดาไม่ผิด คนที่สะกดรอยตามผมอยู่ด้านหลัง เขามาเพื่อสะกดรอยตามดูว่าบัญชาจะลงมือกับผมหรือเปล่า และดูผลลัพธ์ของการลงมือ
ถ้ามีเพียงเขาคนเดียว ผมจะหนีจากเขาก็คงเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าเขาจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพหรือเป็นบอดี้การ์ด ถ้าสู้กันตัวต่อตัวผมไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ถ้าต้องแลกชีวิตกัน ก็ดูสิว่าใครจะขี้ขลาดกว่ากัน
ถ้าหนีจากเขาได้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก ถ้าสามารถใช้ประโยชน์จากเขา……
นี่เป็นโอกาสที่จะเอาชนะพวกเขา ผมก็อยากจะลองดูเหมือนกัน
หลังจากตัดสินใจได้ ผมก็เร่งความเร็วอีกครั้งและขับออกนอกเมืองไปทางฝั่งเหนือ
เมืองเชียงใหม่ไม่ได้ใหญ่มากนัก ผ่านไปไม่นานผมก็ออกมาถึงนอกเมือง ผมขับไปในทิศทางที่มีผู้คนน้อยๆ ผู้ชายที่สะกดรอยยังคงตามผมอยู่
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมก็เลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นหนึ่งที่เป็นป่า
ถนนเส้นนี้มีผู้คนสัญจรน้อยมากๆ เหมาะมากสำหรับการทำร้ายคน
ในเวลานี้ ผมก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบัญชา เขาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่าเขาพึ่งติดต่อกับอีกฝ่าย และรับปากเงื่อนไขของอีกฝ่ายทั้งหมด
แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยลูกชายของเขาทันที แต่ต้องเห็นผมขาหักถึงจะยอมปล่อยลูกชายเขา
ผมเกลี้ยกล่อมให้บัญชาใจเย็นๆก่อน บอกให้เขาส่งลูกน้องบางส่วนเดินเตร่ไปทั่วเมืองเชียงใหม่ ใช้วิธีนี้สร้างความสับสนให้กับอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันก็ส่งลูกน้องไปตามหาลูกชายของเขาทางทิศเหนือของแม่น้ำปิง
เมื่อวางสายจากบัญชา ผมก็ครุ่นคิดอย่างละเอียด เพราะความสัมพันธ์ของผมกับสุชาติ ทำให้บัญชาไม่กล้าลงมือกับผมแน่นอน ถ้าเขากล้าทำร้ายผม มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่การตายของลูกชายเพียงคนเดียว จะสามารถทำให้เรื่องนี้จบลงได้ง่ายๆ
เช่นเดียวกัน ผมจะยอมเสียขาข้างหนึ่งโดยเปล่าประโยชน์
ต้องจัดการผู้ชายที่สะกดรอยตามก่อน
เมื่อผมขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในที่เปลี่ยวๆ บนถนนไม่มีรถสัญจรไปมาอีก จู่ๆผมก็เบรกรถและหันรถกลับมาทันที และบีบคันเร่งแล้วพุ่งไปหาผู้ชายที่สะกดรอยตามผม
ผู้ชายคนนั้นอึ้งไปชั่วครู่ ทำให้รถมอเตอร์ไซค์ส่ายไปส่ายมาเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้กลับรถ และเขายังคงขับมาข้างหน้าด้วยความเร็วปกติ
ผมหันหน้ารถมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงเข้าไปหาเขา และบีบคันเร่งและเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อผมเข้าใกล้เขาในระยะยี่สิบกว่าเมตร เขาก็นึกอะไรออกทันที แต่เขาไม่ได้หลบหลีก แต่หันหน้ารถมอเตอร์ไซค์ตรงเข้ามาหาผมและเร่งความเร็วเหมือนกัน ดูเหมือนเขาจะแลกชีวิตกับผม
ผมตกใจมากๆ และกัดฟัน และยังคงหันรถมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงเข้าไปหาเขาและเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
ระยะทางยี่สิบกว่าเมตรแค่ชั่วพริบตาก็มาถึง ในขณะที่รถมอเตอร์ไซค์สองคันกำลังจะชนประสานงา เขาหักหลบผมทันทีและพุ่งผ่านตัวผมออกไป
ผมรีบปล่อยคันเร่งและเหยียบเบรกอย่างช้าๆ
ข้างหลังผมมีเสียงเบรกอย่างกะทันหันและเสียงของยางเสียดสีกับพื้นถนน หลังจากนั้นก็มีเสียง”ตูม”ดังขึ้น และมีเสียงร่างกายของมนุษย์กระทบกับพื้น
ผมลดความเร็วลงและหันหน้ารถมอเตอร์ไซค์กลับมา ผมมองเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของเขาชนเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ข้างถนน แต่ผมมองไม่เห็นคนขับ
ผมขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาอย่างช้าๆ แล้วเห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นที่ห่างจากต้นไม้ประมาณสิบกว่าเมตร
ครั้งนี้ผมชนะการเดิมพัน
หลังจากมองดูถนนทั้งสองฝั่ง ผมแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์นี้ และแน่ใจแล้วว่าถนนเส้นนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด ผมก็หยุดรถทันที และเดินไปข้างๆผู้ชายที่สะกดรอยตามผม
เพราะเขาสวมใส่หมวกกันน็อก ทำให้เขายังไม่ตาย เขากำลังดิ้นอยู่บนพื้นและร้องด้วยความเจ็บปวด
ผมย่อตัวลง และดึงกระจกที่แตกของหมวกกันน็อกขึ้นมาแล้วมองหน้าเขา มันเป็นใบหน้าที่ผมไม่รู้จัก มีเลือดไหลออกมาจากจมูก แต่เขายังลืมตาอยู่ แต่ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว
ผมมองดูร่างกายของเขา พบว่าแขนขวาและขาขวาของเขาขยับไม่ได้ น่าจะกระดูกหัก
ดังนั้นผมก็เลยใช้หัวเข่ากดมือซ้ายของเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาดิ้น จากนั้นก็กดต้นขาของเขาไว้และลูบสัมผัสลงไป
เมื่อสัมผัสโดนน่องของเขา จู่ๆเขาก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
กระดูกน่าจะหักบริเวณนี้
มือข้างหนึ่งของผมปิดปากของเขาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กดน่องของเขาไว้ มองเขาด้วยสีหน้าปกติและพูด “พวกคุณมีคนเท่าไหร่ เป็นใครบ้าง? ลูกชายของบัญชาอยู่ที่ไหน? อธิบายให้ชัดเจนทีละข้อ ถ้าคุณไม่พูดคุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอย่างแน่นอน”
คอมเม้นต์