ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 98 กูไม่ใช่ตำรวจ
สีหน้าของเขาซีดเผือด จากนั้นเขาก็โยนมีดไปข้างๆอย่างว่าง่าย แล้วนอนลงกับพื้นไม่กล้าลุกขึ้นมา
ผมเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว”ปลดกางเกงกับเข็มขัดออกซะ แล้วพลิกตัวนอนกับพื้น นายน่าจะรู้นะว่าปืนกระบอกนี้เป็นของใคร ถ้าไม่อยากตายก็อย่าตุกติก”
เขารีบพยักหน้าหงึกหงัก แล้วปลดกางเกงกับเข็มขัดออกอย่างว่าง่าย พลิกตัวลงแล้วนอนลงกับพื้น
ผมค่อยๆเดินเข้าไป วางปืนจ่อบริเวณหลังตำแหน่งที่ตรงกับหัวใจ หลังจากนั้นก็ดึงเข็มขัดของเขาออกมา แล้วดึงกางเกงของเขาลง
“ลูกพี่ อย่าเลยครับ ขอร้องล่ะ……”เขาร้องไห้ขอร้องอ้อนวอน
“มึงคิดอะไรอยู่ห้ะ?”
ผมเตะไปที่เขาด้วยความโกรธ หลังจากดึงกางเกงของเขาลงมาอยู่ที่บริเวณเข่าแล้ว ก็ใช้เข็มขัดมัดผูกกับกางเกงและเป้ากางเกง พันไว้ประมาณสองสามรอบ เพื่อไม่ให้เขาดึงกางเกงขึ้น และไม่ให้เขาถอดออกมา
ตราบใดที่กางเกงยังผูกไว้กับเข่า เขาจะไม่สามารถใช้สองขาก้าวออกไปหรือวิ่งได้อย่างแน่นอน
เวลานี้เอง ผมจึงมีเวลาว่างมองสำรวจไปที่บ้านหลายครั้ง
ตรงกลางห้องมีโต๊ะอยู่โต๊ะหนึ่ง บนโต๊ะมีขนมปัง น้ำและบุหรี่ ยังมีสายเคเบิ้ลไทร์หนึ่งห่อ
ตรงมุมห้องมีคนนั่งอยู่สามคน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุสามสิบกว่า และเด็กผู้ชายตัวเล็กอีกสองคน ทุกคนถูกมัดมือไว้ด้านหลังแล้วใช้ผ้าอุดปาก ทุกคนมองผมด้วยใบหน้าหวาดกลัว
ดูท่า หนึ่งในเด็กชายสองคนนั้นมีลูกของบัญชาคนหนึ่ง อีกคนคือลูกชายของถงอันจือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของถงอันจือ
ผมไม่ได้รีบช่วยพวกเขาแก้มัด แต่ค่อยๆเดินถอยหลังกลับไปที่ข้างๆโต๊ะ หยิบผ้าพันแผลออกมา แล้วเดินเข้าไปหาไอ้เหี้ยนั่นที่อยู่บนพื้นใช้มัดมือทั้งสองข้างของเขาไว้ด้านหลัง ตรงเท้าใช้สายเคเบิ้ลไทร์สองเส้นมัดไว้อย่างแน่นหนา
หลังจากที่มั่นใจว่าเขาจะไม่สามารถดิ้นได้อีก ผมก็ถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก
หลังจากที่มั่นใจว่าคนร้ายลักพาตัวไม่สามารถดิ้นได้อีก ผมจึงถอดหมวกกันน็อคออก ลูบไปที่แผลบนไหล่ของตัวเองที่บาดเจ็บ หลังจากเห็นสถานการณ์ไม่หนักมาก จึงหยิบมีดอีโต้ของคนร้ายลักพาตัวขึ้นมา แล้วเดินไปทางลูกและภรรยากับลูกชายของบัญชาที่คุดคู้อยู่ตรงมุมห้อง
เด็กสองคนนั้นกลัวจนร้องไห้ฮือ แต่เพราะปากถูกผิดไว้ จึงไม่สามารถส่งเสียงดังมากได้
ภรรยาของถงอันจือใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองมาที่ผมด้วยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่า พวกเธอไม่รู้ตัวตนของผม ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะเห็นผมถือมีดอีโต้เดินเข้ามา
ผมนั่งอยู่ตรงหน้าของผู้หญิงคนนั้น แล้วถามว่า”คุณคือภรรยาของถงเหล่าอันจือใช่ไหมครับ?”
เธอตกตะลึง แล้วรีบพยักหน้าอย่างแรง ปากของเธอยังคงส่งเสียงร้องไห้ฮือ
“งั้นก็ดี ผมมาช่วยพวกคุณ อย่าตื่นเต้นนะครับ หลังจากที่ผมฉีกเอาเทปปิดปากของคุณออกแล้ว คุณห้ามส่งเสียงร้องนะ เพราะผมไม่แน่ใจว่าบริเวณรอบๆนี้มีคนร้ายอยู่อีกไหม”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก
ผมฉีกเทปที่พันรอบหัวของเธอออกทีละรอบ แล้วใช้มีดอีโต้ตัดสายเคเบิ้ลไทร์ที่มือกับเท้าของเธอออก
เธอได้อิสระกลับมาจึงรีบเข้าไปช่วยลูกชายของตัวเองเอาเทปออก หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็กอดกันร้องไห้เสียงดัง
“เบาเสียงหน่อย”
ผมเตือนเธอหนึ่งคำ แล้วตัดสายเคเบิ้ลไทร์ที่มือและเท้าของลูกชายเธอกับลูกชายบัญชาออก
ลูกชายของบัญชาเหยียดขาแล้วคุดคู้อยู่ตรงมุมห้อง น้ำตาไหลไปด้วย แล้วกัดปากมองผมอย่างดื้อรั้นไปด้วย
ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ ลูกชายของบัญชาเหมือนจะมีความกล้ากว่าเขา
“หนูน้อย พ่อของหนูชื่อบัญชาใช่ไหม?”ผมใช้ภาษาไทยถามด้วยความอ่อนโยน
เขาไม่พูด แต่ยังคงมองผมอย่างดื้อรั้น
ผมไม่รู้จะทำอย่างไร”ไม่ต้องกลัวนะ ฉันเป็นเพื่อนของพ่อหนู เป็นคนมาช่วยหนูนะ พ่อของหนูกำลังเดินทางมา หนูดูสิ ผู้ร้ายคนนั้นถูกฉันจับไว้แล้วนะ”
เขาจึงค่อยๆคลายริมฝีปากที่กัดจนแน่นออก หลังจากนั้นก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ปากร้องเรียกหาพ่อไม่หยุด”พ่อ พ่อ……”
ผมรีบเข้าไปกอดเขา แล้วตบหลังปลอบโยนเขาเบาๆ แล้วใช้มือถือโทรหาบัญชาไปด้วย
สายถูกรับอย่างรวดเร็ว ปลายสายได้ยินเสียงกระวนกระวายของบัญชา”หยาง เราหาอะไรไม่เจอเลย ทำยังไงดี?ฝั่งนายได้ข่าวอะไรไหม?”
ผมพูดอย่างเรียบเฉย”วางใจเถอะ ฉันหาลูกชายนายเจอแล้ว เขาไม่เป็นอะไร พูดกับเขาหน่อยนะ”
พูดจบ ผมก็ยื่นโทรศัพท์มือถือไปไว้ข้างๆหูของลูกชายเขา พอลูกชายของเขาได้ยินเสียงของเขาแล้ว ก็ร้องเรียกหาพ่อในมือถือไม่หยุด
ผมไม่ได้รบกวนพวกเขา ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะที่อยู่กลางห้อง หยิบกระเป๋าถือของผู้หญิงหนึ่งใบที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วพูดกับภรรยาของถงอันจือว่า”คุณนายถงครับ กระเป๋าใบนี้ของคุณใช่ไหม?”
“อืม ใช่ค่ะ”เธอรีบพยักหน้า
ผมวางกระเป๋าไว้ตรงหน้าของเธอ แล้วพูดว่า”คุณดูสิว่าโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างในไหม ถ้าอยู่ก็โทรศัพท์หาคุณถงบอกว่าพวกคุณปลอดภัยเถอะครับ แต่ห้ามแจ้งตำรวจ เพราะผมมีเรื่องอยากรู้ ห้ามหนีไปไหนนะครับ รออยู่ที่นี่เงียบๆก่อน แล้วช่วยผมดูแลเด็กผู้ชายคนไทยคนนี้หน่อยนะครับ จากนั้นเดี๋ยวตำรวจก็จะมา”
“คุณจะไปไหนคะ?อย่าทิ้งพวกเราไปนะคะ”เธอรีบดึงขากางเกงของผมแล้วพูดขอร้องอ้อนวอน
ผมยิ้ม”วางใจเถอะครับ ผมไม่ไปหรอกครับ แค่มีเรื่องจะถามคนร้ายลักพาตัวนิดหน่อย ถ้าเขาปากแข็ง อาจจะต้องลากออกไปข้างนอกแล้วใช้วิธีที่ป่าเถื่อนสักหน่อย ผมไม่อยากให้เด็กเห็น”
เธอจึงปล่อยขากางเกงของผมออก
ผมปลอบลูกชายของบัญชาอีกหนึ่งคำ หลังจากนั้นก็เดินไปหาคนร้ายลักพาตัว
คนร้ายลักพาตัวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยความหวาดกลัว”นายนะทำอะไรน่ะ?อย่าทำอะไรมั่วๆนะ ถึงเป็นตำรวจก็ห้ามทำร้ายคนอื่นมั่วๆ……”
ผมแตะไปที่เขาหนึ่งครั้ง”กูไม่ใช่ตำรวจโว้ย”
พูดจบ ผมก็พลิกตัวเขากลับมา แล้วถามอีกว่า”พวกแกมาด้วยกันทั้งหมดสี่คนใช่ไหม นอกจากเหล่าทูกับอาฉวนแล้ว ยังมีคนที่ใกล้ชิดกับกงเจิ้งเหวินหนึ่งคน เขาอยู่ไหน?”
“ฉันไม่รู้”เธอส่ายหัวไปมาสุดชีวิต
ผมไม่ได้ถามต่อไป แต่จับไปที่เท้าของเขาแล้วลากออกไปที่ประตู หลังจากนั้นก็ใช้มีดอีโต้ตัดเสื้อของเขาออก แล้วแงะปากของเขาออก จากนั้นก็ปั้นผ้าเป็นกลมๆแล้วยัดไปในปากของเขา
ตลอดกระบวนการทั้งหมด เขาได้แต่มองผมด้วยความหวาดกลัว มีดเล่มนั้นอยู่ตรงมุมปากของเขา เขาไม่กล้าดิ้นขัดขืน ได้แต่พูดว่าไม่รู้สุดชีวิต
หลังจากที่อุดปากเขาเรียบร้อยแล้ว ผมก็เหยียบไปที่อัณฑะของเขา มองไปที่เขาอย่างเมินเฉย แล้วพูดขึ้นมาว่า”นายมีแค่โอกาสเดียวเท่านั้น ไม่อยากให้ไข่ของนายแตกล่ะก็ บอกมาให้หมด”
เขาส่ายหัวไปมาอย่างหวาดกลัว แต่แล้วก็รีบพยักหน้าอย่างสุดชีวิต
ผมปล่อยขาของเขา แล้วดึงเสื้อที่อยู่ในปากเขาออกมา ตบไปที่หน้าของเขา”พูดมาซะ”
ความจริงแล้ว ผมถามเหล่าถูกมาแล้ว รู้ว่าคนที่ใกล้ชิดกับกงเจิ้งเหวินเขาแซ่ซ่ง แต่เหล่าทูไม่รู้ชื่อเต็มของเขา และไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน หลังจากที่มาถึงเชียงใหม่แล้วพวกเขาก็ได้ไปซื้อซิมเจ็ดวันในท้องที่มาใช้กันคนละซิม หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันแล้ว คนแซ่ซ่งคนนั้นคอยสั่งการพวกเขาผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
อีกทั้ง พวกของเหล่าทูก็ไม่เคยเจอกับกงเจิ้งเหวิน รู้แค่ว่ามีบุคคลนี้อยู่ รู้ว่าคนแซ่ซ่งเป็นตัวแทนของเขาเท่านั้น
เป้าหมายของเขาไม่ใช่พวกคนร้ายลักพาตัวอย่างเหล่าทู และไม่ใช่คนแซ่ซ่ง แต่คือกงเจิ้งเหวิน คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง ถ้าจะจัดการเขาก็ต้องจับคนแซ่ซ่งให้ได้ซะก่อน แล้วให้คนแซ่ซ่งชี้ตัวกงเจิ้งเหวิน แบบนี้ถึงจะสัมฤทธิผล
ไม่อย่างนั้น ตำรวจจะไม่สามารถจับกุมกงเจิ้งเหวินได้หากไม่มีหลักฐานพยาน ยิ่งไปกว่านั้นเขาอยู่ในประเทศ ถ้าไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงอะไร ตำรวจไทยไม่มีทางเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แล้วขอให้ตำรวจต่างประเทศช่วยจับกุม เรื่องแบบนี้มันซับซ้อนเกินไป
คอมเม้นต์