World domination system – Chapter 49 โจนาห์ แคสเซิล
WDS Chapter 49 โจนาห์ แคสเซิล
แดนีลดึงผ่าห่มมาปิดจมูกแล้วเดินไปที่มุมห้องเพื่อหนีจากกลิ่นนั้น
ชายที่เข้ามาในห้องดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอับอายใดๆ เขาสะอึกอีกครั้งและกล่าวว่า “พวกเจ้าทิ้งโน้ตไว้ในห้องของข้าใช่หรือไม่? พวกเจ้ารอซักหน่อยไม่ได้เลยหรือ? ข้าแค่ออกไปเติมเครื่องดื่มของข้าเท่านั้นเอง…”
หยิบไวน์อีกขวดออกมา เขาไม่สนใจสิ่งที่เขาเพิ่งจะอาเจียนออกมา และผลอยหลับไปบนที่นอนของแดนีลในทันที
มันดูเหมือนว่า ชายคนนี้จะไม่สนใจสุขอนามัยและมารยาทใดๆ ในขณะนั้น เขาเริ่มกรนออกมา ราวกับเขานอนอยู่บนเตียงของตัวเอง
เนื่องจากเขานอนหลับนานเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว แดนีลจึงรู้สึกยากจะเข้าห้องนานเป็นอย่างมาก และเมื่อสังเกตว่าตัวเขาเริ่มมีกลิ่นเหม็น เขาก็อาบน้ำหลังจากที่ขอให้แฟกซัลไปหยิบอาหารที่แจกฟรีจากโรงอาหารมาให้เขา
ในที่สุด หลังจากที่ท้องอิ่มแล้ว เขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แดนีลรีบไปปลุกชายคนนั้นด้วยการเขย่าร่างของเขา เพราะมันเหลือเวลาไม่มากแล้ว
แต่เขายังคงนอนกรนอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง การเขย่าไม่มีผลใดๆสำหรับเขา แต่ในขณะที่ร่างของเขาถูกเขย่าอยู่นั้นเอง แดนีลก็สังเกตเห็นกระดาษ 2 แผ่น ยื่นออกมาจากกระเป๋าของชายคนนั้น
เมื่อหยิบพวกมันออกมาดูแล้ว เขาก็กลายเป็นมีความสุข เพราะพวกมันก็คือ จดหมายตอบรับพวกเขาทั้งสอง พวกเขาตัดสินใจที่จะส่งจดหมาย ก่อนที่จะทำอะไรต่อไป
ใกล้ๆกับห้องสมุด เป็นที่ตั้งอาคารฝ่ายบริหารของสถานศึกษา และเสมียนที่เคยช่วยพวกเขาหาที่พักของอาจารย์ก่อนหน้านี้ก็เฝ้าอยู่ที่นั่น
พวกเขาส่งจดหมายตอบรับพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาเกือบจะมาไม่ทันเวลาอย่างแท้จริง
“เขามาหาพวกเจ้า มีเพียงแค่นั้นหรือ? เฮ้อ…สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้นมันน่าสงสารเป็นอย่างมาก” เสมียน เฟลิเซีย ที่เคยเห็นการแสดงของแดนีลในการประเมินปีกหนึ่งกล่าว
เป็นดั่งที่ระบบได้กล่าวไว้ ประชาชนต่างก็สรรเสริญเขาและชื่อของเขาก็เป็นที่รู้จัก อย่างน้อยที่สุดก็ในสถานศึกษา คนทั่วไปและแม้แต่พนักงานส่วนใหญ่มีมุมมองที่อ่อนโยนต่อเขา และพวกเขาก็พยายามที่จะช่วยเขาเมื่อไม่มีคนชั้นสูงสหายของคนเหล่านั้นคอยเฝ้ามอง นี่เป็นเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใด แฟกซัลถึงได้รู้ว่า แดนีลทรุดตัวลงในห้องสมุด
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพวกเขาจะช้า แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นั่น ซึ่งมันทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก ตอนนี้ เขาต้องหาวิธีใช้การเปลี่ยนแปลงทัศนคตินี้ เพื่อประโยชน์ของตัวเขา
“รอพบข้าที่ด้านนอกในอีก 10 นาที เวลางานของข้าจะหมดแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะกระพริบตาให้ทั้งสอง
เฟลิเซียเป็นหญิงสาวน่ารักที่อายุราว 23-25 ปี เธอเป็นคนที่อวบเล็กน้อย มีแก้มที่น่ารักและจมูกงุ้ม
ในความเป็นจริง เธอทำให้แดนีลคิดถึงแม่ของเขาในสมัยที่ยังสาว ดังนั้น เขาจึงรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับเธอ และเขาได้รู้จักเธอตั้งแรกเมื่อตอนที่เขามาที่อาคารนี้เพื่อถามว่า เหตุใดเขาจึงไม่ได้รับอนุญาติให้เขาไปในห้องสมุดระดับต่อไป
ขณะที่รออยู่ด้านนอก เขาถามแฟกซัลว่า “ไม่มีประกาศเปลี่ยนแปลงรางวัล 3 อันดับแรกในการประเมินใช่หรือไม่?”
เห็นแฟกซัลส่ายหัว แดนีลก็ถอนหายใจอย่างปิติยินดีที่สิ่งที่เขากังวลไม่เกิดขึ้น แม้เขาจะได้รับรางวัล สิทธิ์ในการเข้าถึงห้องสมุดอย่างเต็มที่ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่สิทธิ์ดังกล่าวจะถูกยกเลิก ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ได้ติดต่อกับจอมเวทย์ราชสำนัก และไม่รู้เลยว่า คำกล่าวของเขามีผลกับสถานศึกษามากเพียงใด หากคนชั้นสูงบางคนสังเกตเห็นว่า มันมีค่ามากกว่ารางวัลอื่นๆซึ่งแตกต่างจากที่คนอื่นคิดกัน แล้วไปบ่นกับราชาหรือเสนาบดีที่มีอำนาจ จนก่อให้เกิดการตัดสิทธิ์ของเขา ห้องสมุดมีความสำคัญกับเขามากเกินไป และเขาไม่สามารถจะรับความเสี่ยงได้ ดังนั้น เขาจึงละทิ้งทุกอย่างและไม่สนใจความเหนื่อยล้าใดๆ พยายามกลืนความรู้ทั้งหมดในห้องสมุดให้เร็วที่สุด
การระมัดระวังมันจะดีกว่าการที่ต้องมาเสียใจในภายหลัง แน่นอนว่า คลื่นการแจ้งเตือนการเตรียมพร้อมสำหรับพัฒนาคาถาต่างๆ มันทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก
ไม่นานหลังจากนั้น เสมียนก็ปรากฎตัวพร้อมตระกร้าคุกกี้ เธอยื่นมันให้พวกเขาและกล่าวว่า “พวกเจ้ารู้เลยไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนผู้นั้น?”
เห็นทั้งสองส่ายหัว เธอก็กล่าวว่า
“โจนาห์ แคสเซิล ทดสอบระดับความเข้าใจได้ขั้นสีโลหิตเมื่ออายุ 12 ปี แม้จะเห็นเขาในสภาพนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น ด้วยศักยภาพระดับตำนาน เขาเป็นที่อิจฉาของทุกคน และได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดเพราะอยู่ในกลุ่มระดับตำนาน เขาจบจากสถานศึกษาในเวลาเพียง 4 ปี และเข้ากองทัพ หลังจากที่เขาเลื่อนระดับในนั้น ก็มีเพียง 4 เท่านั้นที่มีระดับสูงกว่าเขาจากทั้งกองทัพ”
“เขาประสบความสำเร็จทั้งหมดได้ในเวลาเพียง 8 ปี เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นจอมเวทย์ราชสำนักที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของแลนธานอร์ แม้แต่จอมเวทย์ราชสำนักคนปัจจุบันและราชาก็ยังยกย่องเขาหลายครั้งในที่สาธารณะ”
“แต่จากนั้น มันก็ได้เกิดหายนะขึ้น น้องสาวของเขาถูกฆ่าโดยองค์ชายคนหนึ่งที่เมาและไม่สนใจใดๆขณะก้าวล้ำเธอ แม้ว่าเธอจะกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพี่ชายของเธอคือโจนาห์ แต่พวกองครักษ์ก็ไม่ได้สนใจและร้ายเธอจนตาย”
“ด้วยความโกรธ โจนาห์ได้ทำการสังหาร และตัดหัวองครักษ์เหล่านั้นทั้งหมด แต่เมื่อเขาไปที่พระราชวังเพื่อที่จะแก้แค้นองค์ชาย ราชาก็ได้หยุดเขาและบอกว่า มันเป็นความผิดพลาดและการฆ่าพวกองครักษ์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
การแสดงออกที่เศร้าสร้อยปรากฎบนใบหน้าของเฟลิเซียขณะที่เธอเล่าเรื่องนี้พร้อมน้ำตา และมันดูเหมือนว่า เธอจะพยายากลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“ด้วยความโกรธแค้น เขาได้ท้าทายราชา แต่เขาก็ถูกจอมเวทย์ราชสำนักที่เป็นอาจารย์ของเขาเองหยุดและจับกุมเอาไว้ ในขณะที่เขาถูกคุมขัง ครอบครัวของเขาก็ถูกฆ่าอย่างลึกลับโดยถูกอ้างว่าเป็นพวกโจร เรื่องทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว บางคนบอกว่า เขากำลังวางแผนที่จะท้าทายราชา ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์กับน้องสาวของเขาแล้ว”
“เนื่องจากความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ต่างๆ ระดับความเข้าใจของเขาได้ตกลงสู่ขั้นสีแดง สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ เขายังคงเลือกที่จะอยู่ในสถานศึกษาในฐานะอาจารย์ หลังจากสาบานว่าเขาจะไม่ต่อต้านราชาอีก เขาก็ได้รับอนุญาติให้ทำทุกอย่างที่ต้องการ”
“แม้เขาจะดูหยาบกระด้างไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนที่มีจิตใจดี แค่ให้เวลาเขาซักหน่อยก็พอ” เธอกล่าวออกมาขณะที่ยิ้มอย่างโศกเศร้า ก่อนจะเดินออกไป
แดนีลตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ชายผู้นี้เคยท้าทายราชา และครอบครัวของเขาก็ถูกฆ่าอย่างไร้ปราณี แม้แต่จอมเวทย์ราชสำนักก็ยังต้องเผชิญหน้ากับศิษย์ของเขาเอง แดนีลสงสัยว่า มันอาจจะเป็นเพราะคำสาบาน
ดั่งมี่ราชากล่าว เขายังคงเป็นมดในตอนนี้ และเขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามใดๆเลย แล้วเขาต้องมีพลังมากเพียงใดถึงจะสามารถท้าทายราชาอย่างเปิดเผยได้?
เรื่องเช่นเดียวกันนี้อาจจะเกิดขึ้นกับเขาได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาในตอนนี้ก็คือ การหาหนทางลอบพาพ่อแม่ของเขาออกจากราชอาณาจักร หรือพาพวกเขาไปยังที่ที่ปลอดภัย
เขาต้องทำสิ่งนี้ในขณะเดียวกับที่สร้างฝ่ายอย่างลับๆ สำหรับต่อต้านราชาในอนาคต แล้วสถานที่ที่เหมาะสำหรับการทำสิ่งนั้น มันไม่ใช่สถานศึกษาแห่งนี้ ที่รวบรวมผู้มีความสามารถที่ดีที่สุดในราชอาณาจักรไว้หรอกหรือ?
คอมเม้นต์