World domination system – Chapter 82 รวมตัว
WDS Chapter 82 รวมตัว
ทหารที่ได้รับมอบหมายให้ปกป้องห้องโถงกลางของราชา เป็นพวกที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วหลายครั้ง
พวกเขามีสัญชาตญาณของทหารผ่านศึกและสามารถจะสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆที่ผิดแปลกไป ตอนนี้ แม้สัญชาตญาณจะบอกพวกเขาว่า สิ่งต่างๆผิดแปลกไป แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากยืนประจำตำแหน่งและทำตามคำสั่ง
สำหรับกองทัพจอมเวทย์ พวกเขาเคยแค่นั่งอยู่ด้านหลังและร่ายถาคาขณะที่เหล่าทหารพุ่งไปข้างหน้า ตอนนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่เมืองชั้นในถูกโจมตีอย่างรุนแรง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ไว้วางใจสิ่งต่างๆ
เห็นบางคนเดินเข้ามาหาพวกเขา ทหารทั้งหมดก็ตื่นตัวในทันที
ในหน่วยหนึ่ง มีทหาร 50 นาย และแบ่งออกเป็นแถว แถวละ 10 นาย แต่ละแถวมีการเปิดใช้งานเครื่องประดับเวทมนต์ประเภทเฉพาะ แถวแรกทุกคนถือโล่ เพื่อป้องกันคนที่อยู่ด้านหลังของพวกเขา แถวที่สองถือทุกคนหอกไว้ในมือ พร้อมจะแทงมันไปข้างหน้าผ่านช่องว่างของโล่ได้ทุกเมื่อ แถวที่สามและสี่ มีอาวุธต่อสู้อย่างดาบ, มีด และคฑา ขึ้นอยู่กับความสามารถของทหารแต่ละนาย แถวสุดท้ายถือธนู พร้อมที่จะยิงออกไปทุกเมื่อ
กองทัพจอมเวทย์หายตัวไปในอากาศ แต่ก็มีบอลเพลิงก่อตัวขึ้นเหนือหัวของเหล่าทหารในฉับพลัน
“นั่นคนชั้นสูง” หัวหน้าหน่วยที่ทำหน้าที่ระบุภัยคุกคามตะโกนออกมา
“ประจำที่ ให้เขาเข้าไปหลังจากที่ยืนยันอัตลักษณ์ของเขาแล้ว”
แดนีลที่ปลอมตัวเป็นวาราเนล แสดงออกถึงถึงความตื่นตระหนกในฉับพลันเมื่อได้เห็นเหล่าทหารจัดขบวนและชี้อาวุธมาที่เขา แผนของเขาคือรอและสั่งให้ระบบทำการแทรกแซงวิธียืนยันอัตลักษณ์ เขาแสดงความตื่นตระหนกออกมาเพราะมันเป็นสิ่งที่วาราเนลมักจะทำในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไร แดนีลก็เคยเห็นแล้วว่า วาราเนลแสดงความตื่นตระหนกออกมาเช่นใดเมื่อได้เห็นตัวเขาที่ปลอมเป็นอาจารย์ในสถานที่ที่พวกเขาเคยนัดพบกัน
แต่ก่อนที่เหล่าทหารจะผ่อนคลายขบวนทัพของพวกเขา ประตูก็ถูกเปิดออก และเป็นเคลเลอร์ที่ออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามขณะเห็นเหล่าทหารชี้อาวุธไปที่วาราเนล
“ท่านผู้น่ายกย่อง คนชั้นสูงผู้นี้เดินมาตามทางเดิน พวกเรากำลังจะพาเขาไปยืนยันอัตลักษณ์ของเขา”
ได้ยินเช่นนั้น เคลเลอร์ก็เดินไปข้างหน้า และเขาก็ได้เห็นเด็กหนุ่มที่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก
“วาราเนล เหตุใดเจ้าถึงได้มาที่นี่?” เขาถาม ขณะที่เหล่าทหารลดอาวุธของพวกเขาลงและกลับไปเฝ้าประตู แม้แต่บอลเพลิงที่ก่อตัวขึ้นกลางอากาศก็หายไป แล้วเหล่าจอมเวทย์ก็กลับมายืนอยู่ใกล้กับเหล่าทหารและมองไปรอบๆ
“มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะเข้าไปและดูว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ก่อนที่เคลเลอร์จะทันได้ตอบ เขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะเขาราวกับได้เห็นภาพลวงตาที่เคยเห็นมาก่อน เสี้ยววินาทีหนึ่ง เขาสาบานได้ว่า เขาเห็นใบหน้าของวาราเนลแปลงสภาพเป็นใบหน้าของแดนีล ก่อนจะแปลงสภาพกลับเช่นเดิม
คิดย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจว่า จะช่วยแดนีลอย่างดีที่สุดเท่าที่เขาสามารถจะทำได้ เคลเลอร์ก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าฉีกชุดของเจ้าหรือไม่?” เขาถามเพื่อยืนยันความสงสัยของเขา มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้บนสนทนาในห้องของแดนีล เมื่อครั้งที่เคลเลอร์ตรวจสอบเสื้อผ้าฉีกขาด เนื่องจากการเปิดใช้งานเครื่องมือปลอมตัวครั้งแรกของแดนีล
“ใช่”
ได้ยินคำตอบ เคลเลอร์ก็ยกมือขึ้นและสะบัดมันเบื้องหน้าของแดนีล
แสงสีม่วงประกายทั่วร่างของเขา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ยืนยันเสร็จสิ้น เขาต้องการจะเห็นราชากำราบกองกำลังต่างๆที่คิดว่าพวกเขามีโอกาสต่อต้านตระกูลแลนธานอเร่อันสูงส่ง แลนธานอร์ยิ่งยืนนาน!”
“แลนธานอร์ยิ่งยืนนาน!”
จอมเวทย์ราชสำนัก เป็นที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจจากราชา และเขาก็เป็นคนจัดการเรื่องการยืนยันอัตลักษณ์ด้วยความระมัดระวัง ดังนั้น เมื่อเห็นเขาตรวจสอบด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าทหารหรือจอมเวทย์ ไม่มีใครสงสัยอะไรและเปิดทางให้พวกเขาเข้าไป
ติดตามจอมเวทย์ราชสำนักเข้าไปท่ามกลางเสียงเชียร์จากเหล่าทหาร แดนีลรู้สึกโชคดีที่เขามีพันธมิตรอยู่ในพระราชวัง แม้สิ่งที่เขาทำได้จะมีจำกัดเพราะคำสาบานตนที่ผูกมัดเขาและการเฝ้าติดตามของจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่ แต่เขาก็ยังคงทำทุกสิ่งที่เขาสามารถจะทำได้
เดินเข้าไปในห้อง ลูกศรสีเขียวหายไปทันทีเมื่อแดนีลได้เห็นหัวใจตรงหน้าเขา
เห็นภาพตรงหน้า เขาแดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
มันเป็นห้องสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ วัดความกว้างและยาวได้อย่างน้อย 100 ฟุต
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจขนาดยักษ์ลอยอยู่กลางห้อง เหนือร่องวงกลมที่ประกายแสงสีขาวออกมา แม้จะไม่มีเลือด แต่หัวใจก็ยังคงเต้นราวกับมันยังคงมีชีวิตอยู่
มีสิ่งกีดขวางอยู่รอบๆหัวใจ ซึ่งมีคน 4 คน อยู่ภายใน กำลังดูแผงที่แสดงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แดนีลเห็นแผงเช่นนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน เขาเห็นแผงที่พังแล้วแขวนอยู่ที่หนึ่งในเสาบ้านของริปลีย์ หลังจากที่ถาม เขาก็ได้รู้ว่า มันเป็นเครื่องประดับเวทมนต์ที่ก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งถูกผลิตโดยองค์กรโบราณของโลกแห่งนี้ แม้แต่แผงที่พังแล้วที่รีปลีย์ซื้อมา มันก็มีราคาแพงเป็นอย่างมาก นั่นก็เป็นเพราะมันมีรายละเอียดการเอนชานท์ที่ซันซ้อน ซึ่งต้องเป็นอย่างน้อยเอนชานเตอร์ขั้น 4 ถึงจะสามารถเอนชานท์มันได้
เอนชานเตอร์ขั้น 4 พิจารณาถึงเอนชานเตอร์ที่เก่งที่สุดในแลนธานอร์อยู่เพียงขั้น 2 แดนีลค่อนข้างจะตกใจ ความต้องการต่ำสุดของการเป็นเอนชานเตอร์ขั้น 1 ก็คือ การเป็นจอมเวทย์ผู้โดดเด่นระดับมนุษย์ และจะต้องมีความเชี่ยวชาญศิลประการเอนชานท์ ซึ่งต้องใช้เวลาฝึกฝนนานหลายปี กระนั้น พวกเขาก็สามารถจะเอนชานท์เครื่องประดับเวทมนต์สำหรับให้จอมเวทย์หรือนักสู้ขั้น 1, 2 และ3 ใช้ได้เท่านั้น
ผ่านตามมาตรวัดนี้ เอนชานเตอร์ขั้น 4 จะต้องก้าวหน้าสู่ขั้นจอมเวทย์ระดับนักรบ และยังต้องใช้เวลาอย่างมากในการเรียนรู้การเอนชานท์ ความสำเร็จดังกล่าว ไม่มีสิ่งที่ใครในราชอาณาจักรจะสามารถทำได้
ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เครื่องประดับเวทมนต์ดังกล่าวจะมีราคาแพงอย่างมาก
“วาราเนล? ยืนอยู่ข้างๆและอย่าได้ส่งเสียง”
แดนีลฟื้นคืนสติเมื่อได้ยินเสียงของราชา เขาพยักหน้าและโค้งคำนับด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินไปอยู่รวมกับสมาชิกคนนั้นสูงคนอื่นๆที่อยู่ที่นั่น
ในความคิด เขาสาบแช่งสิ่งกีดขวางที่หยุดไม่ให้เขาสัมผัสกับหัวใจ หลังจากถามระบบแล้ว เขาก็พบว่า มันถูกสร้างขึ้นโดยรูปแบบ และมันอยู่ในขั้นจอมเวทย์ระดับนักรบขั้นสูงสุด ไม่ว่าเขาจะทำอะไร มันก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถทะลวงมันเข้าไปได้
สิ่งที่เขาทำก็คือรอโอกาส มีคนชั้นสูงมากกว่า 40 คน ยืนอยู่รอบห้อง ดวงตาของพวกเขาจดจ้องไปที่ภาพบนแผง ดังนั้น จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พยักหน้าเมื่อเห็นการมาถึงของวาราเนล และกลับไปดูภาพบนแผงต่อ
เนื่องจากเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ แดนีลจึงหันไปมองที่แผง เพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกบ้าง
คอมเม้นต์