World domination system – Chapter 106 ความหวาดกลัว
WDS Chapter 106 ความหวาดกลัว
เห็นเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในห้องบัลลังก์ จากคำกล่าวของเอลฟ์ แดนีลจำเป็นจะต้องตั้งสมาธิกับมัน และเขาก็กัดฟัน ไม่เปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกของเขาต่อหน้าเหล่าฑูตที่จับจ้องมาที่เขา
ข้างใน เขารู้สึกขุ่นเคือง พวกเอลฟ์เหล่านี้เป็นคนทำให้เกิดปัญหายุงมาตั้งแต่แรก และพวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมากมายาวนานหลายสิบปี เพราะพวกเขาเป็นผู้จัดหาสิ่งกีดขวาง มันดูเหมือนว่า พวกเขาจะคุ้ยเคยกับความร่ำรวยที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้พวกเขาใช้ข้ออ้างเรื่องการผูกขาด เพื่อบังคับให้ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวลง
ไม่ว่าอย่างไร เอลดินอร์ก็เป็นผู้จัดหาเครื่องประดับเวทมนต์รายใหญ่ ซึ่งหลายราชอาณาจักรต้องใช้มันเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของพวกเขา
แดนีลพิจารณาทางเลือกของเขา แน่นอน ด้วยอารมณ์ของเขา ตัวเลือกที่เด่นชัดที่สุดก็คือ การตัดขาดการจัดหาของพวกเขา และหาตัวเลือกอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าสิ่งนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันจะทำให้ชีวิตของประชาชนหลายแสนคนในเมืองหลวงต้องหยุดนิ่งลง
ไม่ว่าอย่างไร มันก็มีเครื่องประดับเวทมนต์ที่จำเป็นอย่าง ค้อนเสริมความแข็งแรง, อุปกรณ์ตัดเย็บ, คันไถ, อุปกรณ์หว่านเมล็ด, อุปกรณ์ขนส่งน้ำ และอื่นๆอีกมาก
เห็นเช่นนั้น แดนีลก็คิดย้อนกลับไปถึง เครื่องจักร จากโลกก่อนของเขา ที่นี่ โดยใช้เครื่องประดับเวทมนต์ เกษตรกรสามารถจะปลูกพืชในพื้นที่อันกว้างใหญ่ด้วยการใช้ต้นทุนต่ำได้ ด้วยการสูญเสียการสนับสนุนจากเครื่องประดับเวทมนต์จำนวนมากในฉับพลัน ผลผลิตของเกษตรจะได้รับผลกระทบอย่างมา และมันอาจจะทำให้เกิดการขาดแคลนเสบียงอาหารได้ มันคล้ายกับกรณีที่เกษตรกรจากโลกเดิมปลูกพืชโดยใช้เครื่องจักรต่างๆในพื้นที่ขนาดใหญ่ หากพวกเขาจำเป็นจะต้องทำด้วยตัวเองในฉับพลัน ชีวิตของพวกเขาอาจจะถูกทำลาย
ตัวเลือกที่สองก็คือ การยอมรับการปรับขึ้นราคาและมองหาทางเลือก สิ่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเช่นกัน เพราะคลังสมบัติคงจะว่างเปล่าก่อนที่พวกเขาจะสามารถหาหนทางได้
ดังนั้น แดนีลจึงจำเป็นจะต้องหาวิธีรักษาค่าใช้จ่ายขณะที่หลีกเลี่ยงการนัดพบ เอลดินอร์มีจอมเวทย์ระดับนักรบ ดังนั้น มันจึงเป็นการฆ่าตัวตายหากเขายอมรับการนัดพบด้วยระดับขั้นในปัจจุบันของเขา
ในขณะนั้น แดนีลได้ตัดสินใจที่จะเริ่มหนทางแรก ที่จะเพิ่มระดับความพึงพอใจให้กับประชาชนของเขา
เมื่อวันก่อน สถิติที่แสดงผลออกมาโดยระบบ ทำให้เขาค่อนข้างจะประหลาดใจ
[สถิติการจัดการราชอาณาจักร :]
[ระดับความพึงพอใจ : 14%]
[ระดับความไม่พอใจ : 43%]
ตัวเลขเช่นนี้ ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้ เขาบอกได้ว่า รอยยิ้มที่มีความสุขของประชาชน ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน แล้วเหตุใด ระดับความพึงพอใจจึงต่ำ ขณะที่ระดับความไม่พอใจถึงได้สูงเช่นนี้?
[ระดับความพึงพอใจเป็นการวัดที่ซับซ้อนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความปลอดภัยส่วนบุคคล, อาชีพและเสถียรภาพทางรายได้, โอกาสสำหรับการปรับปรุงให้ดีขึ้น, โอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ และสิ่งอื่นๆอีกมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันเป็นตัวชี้วัดความพึงพอใจในการใช้ชีวิตในราชอาณาจักรของประชาชน]
[ระดับความไม่พอใจ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจและความเกลียดชังที่ประชาชนมีต่อผู้ปกครองของพวกเขา ทุกคำบ่นหรือสาบแช่งเกี่ยวกับการกระทำของเหล่าปกครอง ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มันส่งผลต่อระดับความไม่พอใจ ระบบต้องแจ้งโฮสต์ว่า ระดับความไม่พึงพอใจลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เปิดใช้งานเครื่องมือ อย่างไรก็ตาม การลดลงก็ค่อยๆชะลอตัวลง นี่เป็นตัวบงชี้ว่า แนวโน้วลดลงของมัน เนื่องมาจากเหตุการณ์ที่สำคัญบางอย่าง]
แน่นอนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวก็คือ การตายของราชาองค์ก่อน และสัญญาแห่งความยุติธรรมของแดนีล
แดนีลได้ถามเคลเลอร์ในช่วงเช้าว่า อะไรคือค่าใช้จ่ายหลักของเกษตรกร คำตอบที่เขาได้รับก็คือ มันเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องประดับเวทมนต์ที่ถูกนำเข้ามา ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถทำงานได้
ประเทศใดๆจำเป็นจะต้องพึงพาตัวเอง พวกเขาถึงจะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคง
ดังนั้น แดนีลจึงตัดสินใจที่จะหาหนทางลดการพึ่งพาการนำเข้าเครื่องประดับเวทมน์จากเอลดินอร์ ไม่ว่าอย่างไร ด้วยเครื่องมือการพัฒนาเทคนิคของระบบ เขาอาจจะสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เห็นด้วยตาที่เปล่งประกายของแดนีล รอยยิ้มในใจของเอลดร้าก็กลายเป็นแข็งค้าง และเธอเริ่มรู้สึกไม่ดีในหัวใจของเธอ
แดนีลบอกให้เคลเลอร์ทำให้ทั้งห้องเงียบ ขณะที่เขามองไปยังดวงตาขนาดใหญ่ของเอลดร้าและกล่าวว่า
“เอลฟ์แห่งเอลดินอร์ ข้าจะถามคำถามกับท่าน มีผู้เชี่ยวชาญในราชอาณาจักรของท่าน ที่วิเคราะห์น้ำยากับดักเวทมนต์แล้ว ถูกต้องหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น ทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับการสร้างน้ำยาดังกล่าว?”
“แน่นอน ด้วยความถนัดด้านเวทมนต์ของพวกเรา พวกเราเอลฟ์เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์ทั้งหมด บุคคลที่สามารถพัฒนาคาถาดังกล่าวได้ จะต้องมีระดับขั้นอย่างน้อย ผู้น่ายกย่องระดับนักรบ และเขาจะต้องมีทักษะในด้านการจัดการพลังงานและชีววิทยาแมลง”
แม้จะใช้โอกาสนี้เพื่อกล่าวโม้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเธอ แต่เอลดร้าก็กล่าวมันออกมาอย่างมั่นใจ กระนั้น เธอก็รู้สึกราวกับมีบางอย่างมาทุ่มแทงใจของเธอ เธอรู้ว่าเธอพลาดบางอย่าง แต่เธอก็ไม่สามารถจะเข้าใจเกี่ยวกับมันได้
แดนีลรู้สึกมีความสุขภายในใจ ขณะที่เขาเห็นเอลด์ตอบตามสิ่งที่เขาคาดหวัง จากคำตอบของระบบที่เขาเคยถามในก่อนหน้านี้ นี่เป็นทักษะ 2 อย่าง ที่จำเป็นสำหรับที่ใครบางคนจะสามารถพัฒนาคาถาน้ำยากับดักน้ำผึ้งได้ แน่นอน เวลาและจำนวนทักษะที่จำเป็นยังมีอีกมาก
“ดี ตอนนี้ ถามราชินีของท่านว่า หากบุคคลผู้นั้นมุ่งเน้นการวิเคราะห์ยุงและค้นหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกมัน จนสามารถผ่านสิ่งกีดขวางที่พวกท่านผลิตได้ ท่านจะต้องทำอย่างไรเพื่อรักษาการผูกขาด และรักษาการส่งออกเอาไว้?”
ความคิดที่บ้าคลั่งของเขาก็คือ การข่มขู่ แต่ความบ้าคลั่งนี้ก็มาจากความเป็นไปได้ที่จะบบแสดงออกมา การตอบสนองของเอลฟ์ทำให้แผนของเขาดำเนินต่อไปได้ และมันทำให้เขามั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
ในขณะนั้น ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดของเวทมนต์ชั้นสูง ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงพยายามไขปริศนาจากคำถามของราชาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอลดร้ารู้สึกราวกับว่า มีใครบางคนวางภูเขาไว้บนหัวของเธอ ทำให้เกิดพายุที่เต็มไปด้วยความคิดที่น่าหวาดกลัวในใจของเธอ
เหล่าบุคคลสำคัญและเสนาบดีหลายคน ต่างก็จดจ้องไปยังเอลฟ์ผู้หยิ่งผยองด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ แต่การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันทีที่พวกเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงบนในฉับพลันบนใบหน้าของฑูตผู้ผยิ่งผยอง
ดวงตาของเธอจ้องไปในอากาศ ขณะที่เธอคิดถึงผลที่ตามมาจากสิ่งที่แดนีลกล่าว หากยุงมีความแข็งแกร่งพอที่จะผ่านสิ่งกีดขวางได้ เอลดินอร์ก็จำเป็นจะต้องเร่งการผลิตสิ่งกีดขวางป้องกันยุงที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเพื่อการส่งออกหรือกระทั่งใช้ภายในราชอาณาจักร นี่จะเป็นดั่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของพวกเขา เพราะมันมีความจริงที่ว่า เอดินอร์มักจะผลิตสินค้าไว้ล่วงหน้าหลายเดือน ซึ่งมันไม่มีทางที่จะอัพเกรดเครื่องประดับเวทมนต์เหล่านั้นได้ ดังนั้น การลงทุนล่วงหน้าทั้งหมดของพวกเขา อาจจะกลายเป็นสูญเปล่าในทันที
นี่เป็นเพียงระเบิดลูกแรก เอลดร้าเกือบล้มทั้งยืนขณะที่เธอได้ยินสิ่งที่แดนีลกล่าวต่อมา
“ตอนนี้ พิจารณาจากความสามารถของน้ำยากับดักน้ำผึ้งแล้ว หากมีการวิวัฒนาการเช่นนั้นของยุงเกิดขึ้น ผลิตภัณฑ์นี้จำเป็นจะต้องปรับปรุงหรือไม่?”
“มะ..ไม่… น้ำยากับดักน้ำผึ้ง… พ.. เพียงแค่หมดฤทธิ์เร็วขึ้น..ท…”
คำกล่าวของเธอจางหายไปอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอพบว่า ตัวเองเกือบจะตอบคำถามโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นเพราะทั้งหมดที่เธอเห็นในตอนนี้ก็คือ หลุมขนาดยักษ์ ที่ราชอาณาจักรของเธอจะตกลงไป หากสิ่งที่แดนีลกล่าวเป็นเรื่องจริง
“อ้อ การทำให้ชายคนนั้นโกรธเพราะการถูกเรียกตัวของพวกท่านนั่น มันอาจจะทำให้เขาแก้แค้นด้วยทำ… ข้าคิดว่าท่านควรจะถามริชินีของเท่าว่า นางยังอยากจะพบกับเขา และปรับราคาหากเขาไม่ปรากฎตัวหรือไม่?”
ราวกับว่าได้รับอากาศบริสุทธิ์ขณะจมน้ำ เอลดร้ารีบคว้าเชือกเพื่อปีกขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความหวาดกลัวที่เธอตกลงไป เธอปิดหูของตัวเอง ในขณะนั้น ใบหูรูปดาบของเธอเปร่งประกายสลัวๆ ราวกับเธอกำลังสื่อสารกับใครบางคน
สำหรับเหล่าเสนาบดีและบุลคลสำคัญ นี่เป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดที่พวกเขาได้เห็นในชีวิตของพวกเขา พวกเขาทุกคนต่างก็โกรธและไม่พอใจน้ำเสียงอันหยิ่งผยองและเย้ยหยุนของเอลฟ์ ขณะที่เธอกล่าวข้อเรียกร้องของเธอ ตอนนี้ เห็นเธอตกใจและหวาดกลัว พวกเขาก็ยิ้มกว้างออกมา ขณะที่รู้สึกราวกับว่า มีคนป้อนอาหารให้กับพวกเขา หลังจากที่พวกเขาอดอาหารมานานหลายปี
“อ้อ สิ่งสุดท้าย ถามราชินีของท่านด้วย ชายคนนั้นเคยกล่าวว่า จากการตรวจสอบที่มาของปัญหาทั้งหมดในตอนแรก หากมีข้อพิสูจน์ว่า มีใครบางคนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนั้น ทั้งทวีปจะไม่หันหลังให้กับค้นร้ายที่เล่นกับระบบนิเวศ ขณะที่มองหาผลกำไรทางการเงินให้ตัวเอง เห็นด้วยหรือไม่? ข้าไม่ได้อยากจะเป็นศัตรูกับพวกเขา ในความเป็นจริง ข้าสงสารคนที่อาจจะพบว่า ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น”
ส่ายหัวของเขา ราชาแห่งแลนธานอร์ถอนหายใจด้วยน้ำเสียงขบขัน ขณะที่การแสดงออกถึงความเย้ยหยันปรากฎบนใบหน้าของเขา
ดวงตาที่ปิดของเอลฟ์เกิดขึ้นในฉับพลันขณะที่เธอได้ยินสิ่งที่แดนีลกล่าว ครั้งนี้ ความหวาดกลัวปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน และเธอรีบปิดดวงตาของเธออีกครั้ง เพื่อเรีงการสนทนาของเธอ
นี่เป็นการผลักดันสุดท้าย หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนอื่นๆในห้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ส่งเสียงเชียร์และตะโกนด้วยความปิติยินดีออกมาเมื่อได้เห็นการแสดงออกที่ผลิกกลับอย่างสิ้นเชิงของเอลดร้า จากนั้น เธอก็ลืมต้าขึ้นและกล่าวกับแดนีลอย่างรีบเร่งว่า “ราชาแดนีล มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด พวกเราไม่มีความคิดที่จะเผชิญหน้ากับผู้คิดค้นน้ำยาแต่อย่างใด ในความเป็นจริง พวกเราต้องการที่จะร่วมมือกับเขาหากมันเป็นไปได้ และพวกเราก็ต้องการที่จะส่งความนับถืออันอบอุ่นไปให้เขา สำหรับการขึ้นราคา แลนธานอร์เป็นพันธมิตรเก่าของพวกเรา พวกจึงตัดสินใจที่จะลดราคาผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกทั้งหมดให้ 10% เพื่อเป็นเกียรติสำหรับการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ของท่าน พวกเราเชื่อมั่นว่า ชายคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย ข้าต้องขออภัยด้วย แต่ข้าจะต้องขอตัวลากลับไปก่อน มีเรื่องด่วนในราชอาณาจักรที่ข้าจำเป็นจะต้องรีบกลับไปจัดการ”
เอลฟ์กล่าวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และเธอรีบเดินกลับออกไปด้วยทางเดินตรงกลาง ในช่วงเวลาที่คำกล่าวสุดท้ายดังออกจากปากของเธอ ประตูทางออกก็เปิดขึ้นตามคำสั่งต่อระบบของแดนีล
ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ห้องบัลลังก์เงียบโดยสิ้นเชิง ทุกคนยังคงตกตะลึงในสิ่งที่พวกเขาเห็น เอลฟ์แห่งเอลดินอร์ที่เคยกล่าวกดดันแลนธานอร์ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและกลับออกไปด้วยคำกล่าวเพียงไม่กี่คำ?
หลายคนขยี้ตาของพวกเขา สงสัยว่า สิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เก้าอี้ฑูตว่างเปล่า และประตูก็ยังคงเปิดออก
เมื่อพวกเขาแต่ละคนตระหนักได้ว่า มันไม่ใช่ความฝัน ห้องบัลลังก์ก็กลายเป็นวุ่ยวายอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยเสียงตะโกนที่ดังไปรอบๆในก่อนหน้านี้
เพียงแค่ในครั้งนี้ ความวุ่นวายเกิดขึ้นจากความสุข, อิ่มเอมใจ และปิติยินดี ในขณะนั้น รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นบนใบหน้าของแดนีล และเขาก็คลายกำปั้นที่เขากำแน่นโดยไม่รู้ตัว
คอมเม้นต์