World domination system – Chapter 118 ผลพวง
WDS Chapter 118 ผลพวง
แดนีลพยายามรวบรวมความคิดของเขา และเปิดปากกล่าวออกมา
นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และคำที่เขากล่าวออกมาในตอนนี้ จะส่งผลกระทบต่อความประทับใจที่ประชาชนมีต่อเขา
“ประชาชนชาวแลนธานอร์ ศัตรูได้บุกเข้ามาท่ามกลางพวกเรา และนำตัวผู้ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อพวกเราออกไป ในฐานะราชา ข้าสัญญาว่า ความตายจะไล่ตามคนเหล่านั้น ที่พยายามหลบหนีจากการลงโทษที่พวกเขาสมควรจะได้รับ สำหรับตอนนี้ ดำเนินการประหารต่อไป เหล่าทหารชั้นสูง ไปประจำการที่รอบๆเวที จอมเวทย์ราชสำนักใหญ่ โปรดไปดูแลจอมเวทย์ราชสำนัก และดำเนินงานแทนที่เขาหากจำเป็น”
ในช่วงเวลาแห่งความกลัดกลุ้ม เสียงสงบเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อคำกล่าวของแดนีลดังกระจายออกไปแล้ว ความหวาดกลัวในหัวใจของประชาชนก็ค่อยๆทุเลาลง และมันก็เริ่มจะถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจที่ว่า ราชาจะปกป้องพวกเขา
แดนีลถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าคำกล่าวของเขาประสบผล จากนั้น เขาก็พยักหน้าให้เคลเลอร์ เพื่อให้เขาดำเนินการต่อ เป้าหมายของเขาก็คือ แม้คนบางส่วนที่มารวมตัว จะไม่ได้เห็นความยุติธรรมที่พวกเขาปรารถนาในวันนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถจะกลับไปและข่มตานอนหลับได้ เนื่องจากรู้ว่าราชาที่พวกเขาเลือก จะทำให้มั่นใจว่า เหล่าคนที่หลบหนีจะต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับคนที่อยู่บนเวทีในตอนนี้
ในการดำเนินการประหารต่อไป เคลเลอร์เข้าไปทำหน้าที่แทนจอมเวทย์ราชสำนักคนก่อน เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวไปยังสถานพยาบาล ซึ่งหลังจากนั้น แดนีลก็ได้ประกาศว่า อาการของเขาคงที่แล้ว
ในขณะที่ดูกระบวนการที่ถูกดำเนินต่อไป แดนีลก็พยายามเรียงลำดับคำถามที่ลอยอยู่ในหัวของเขา
เหตุใดโจนาห์ไม่มาบอกเขาโดยตรงว่า เขาต้องการตัวนักโทษ? แต่ในความเป็นจริง เขาเอนเอียงไปในทางที่จะปฏิเสธ เนื่องจากคนชั้นสูงผู้นั้น ได้กระทำอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก
ใครกันที่ให้เขายืมเครื่องประดับเวทมนต์ ซึ่งสามารถจะทำลายสิ่งกีดขวางได้? แดนีลรู้ดีว่า ด้วยพลังของอาจารย์เขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทะลวงสิ่งกีดขวางด้วยตัวเอง การทะลวงสิ่งกีดขวาง จะต้องเป็นผลมาจากทวนทองที่เขาถือไว้ในมืออย่างแน่นอน
อะไรที่อยู่เบื้องหลังเหตุผลที่พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้น และเหตุใดเขาถึงหอบหายใจอย่างรุนแรงตลอดที่เหตุการณ์เกิดขึ้น?
สำหรับเหตุผลที่เขาสามารถจะเทเลพอร์ตออกไปได้นั้น มันเป็นความผิดของตัวแดนีลเอง ไม่ว่าอย่างไร ชายคนนั้นก็เป็นอาจารย์ที่สอนและให้คำแนะนำต่างๆกับเขามากมาย ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นการกระทำของโจนาห์และลังเลเล็กน้อยก่อนจะสั่งให้ระบบเปิดใช้งานกรงเล็บมังกร ช่วงเวลาสั้นๆนั้น เพียงพอที่เขาจะออกไปได้แล้ว
ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด มันเป็นการแสดงออกของเขาขณะที่หันมาทางแดนีล ก่อนจะพุ่งไปหาเป้าหมายของเขา
หากเขาดูไม่ผิด เขามองเห็นความไม่ยินดี ราวกับเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชายอีกคนแตกต่างออกไป เนื่องจากการโจมตีของโจนาห์ดำเนินมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว แดนีลจึงได้สติ และพยายามที่จะหยุดชายอีกคนที่พยายามจะไปรับตัวองค์ชายใหญ่
เขาสั่นสะท้านเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา นี่เป็นพลังของเครื่องประดับเวทมนต์ ที่เขายึดมาได้จากกองกำลังอื่นๆในก่อนหน้านี้หรือไม่?
พลังนั้นน่าตกตะลึงเกินไปเล็กน้อย ตอนนี้ แดนีลเข้าใจแล้วว่าเหตุใด พลังระดับผู้ชนะ ถึงสามารถจะทำลายราชอาณาจักรซักแห่งได้ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย การโจมตีของจงอยปากนกกระเรียนก่อนหน้านี้ เป็นการโจมตีในระดับพลังนั้น
ชายคนนี้เป็นใคร และเขามาจากกองกำลังใด ที่ถึงขั้นสามารถใช้เครื่องประดับเวทมนต์ที่มีค่าเช่นนี้ เพียงเพื่อช่วยองค์ชายใหญ่? เหตุใดพวกเขาถึงให้ความสำคัญกับองค์ชายใหญ่มากกว่าเครื่องประดับเวทมนต์นี้?
มีคำถามมากมาย และเขาสงสัยในทุกๆสิ่ง
ในที่สุด การประหารก็ใกล้จะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศแห่งความปิติยินดีที่คาดหวังจางหายไป แม้คนส่วนใหญ่จะมีความสุข แต่ส่วนหนึ่งของประชาชนก็ยังคงมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
ก่อนที่จะกลับ แดนีลมองไปยังใบหน้าของคนเหล่านั้น จดจำพวกเขาทั้งหมดไว้ในความทรงจำของเขา ก่อนจะกล่าวว่า
“ประชาชนของข้า แม้ความยุติธรรมจะล่าช้า แต่มันก็จะยังคงดำเนินอยู่ เชื่อในตัวข้า แล้วพวกเจ้าจะไม่เสียใจ”
ด้วยคำกล่าวนี้ ประชาชนที่อยู่รอบๆพร้อมใจกันคุกเข่าลง ทำให้เกิดภาพที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
สิ่งนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้แดนีลรู้ว่า ความพายายามของเขาประสบความสำเร็จ เขาพยักหน้ากับตัวเองราวกับได้ตัดสินใจบางอย่าง แดนีลดีดนิ้วของเขาเพื่อเสกเปลวเพลิงออกมา
ร่างของเหล่าคนชั้นสูงยืนอยู่กลางเวทีด้วยคาถาขอเคลเลอร์
ขณะที่เปลวเพลิงพุ่งลงมาและแผดเผาร่างเหล่านั้น ประชาชนก็ลุกขึ้นยืนเพื่อดูมันโดยไม่กล่าวสิ่งใด
นี่เป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะกลับไปยังพระราชวัง
ในช่วงเวลานี้ แลนธานอร์กำลังยืน และเฝ้ามองเปลวเพลิงที่เผาไหม้ประวัติศาสตร์ที่น่าสังเวชของราชอาณาจักร
และในช่วงเวลานี้ ประชาชนก็เชื่อมั่นใจในคำสัญญาของราชาที่พวกเขาเลือก
……………………………………………………………………………..
กลับมาที่พระราชวัง แดนีลทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในห้องประชุมใหญ่
‘ระบบ แสดงสถิติของราชอาณาจักร’
[สถิติการจัดการราชอาณาจักร :]
[ระดับความพึงพอใจ : 17%]
[ระดับความไม่พอใจ : 35%]
แน่นอนว่า ระดับความไม่พอใจไม่ได้ลดลงเท่าที่เขาคาดหวัง สิ่งต่างๆจะแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน หากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เกิดขึ้น แดนีลพึมพำขณะทำท่าทางให้เหล่าผู้บัญชาการและผู้ติดตามของเขานั่งลง
“ผู้บัญชาการ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” เขาถาม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเลือกฟังความเห็นของทั้งสองที่เขานับถือหลังจากที่ได้ยินเรื่องต่างๆมากมายเกี่ยวกับพวกเขา
ไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเรื่องต่างๆให้เขาต้องจัดการมากมาย ดังนั้น เขาจึงรู้สึกว่า เขาได้ละเลยบุคคลทั้งสองที่มีประสบการณ์มากมาย ในความเป็นจริง เขาได้ยินมาว่า ผู้บัญชาการอีกคนอาวุโสที่สุด แต่เขาเลือกที่จะอยู่ชายแดนเสมอด้วยเหตุผลส่วนตัว
แคสแซนดร้าและแอรัน แลกเปลี่ยนสายตากันหลังจากได้ยินคำถามของราชา
“ฝ่าบาท พวกเราได้แจ้งไปยังชายแดนแล้วว่า ให้พวกเขาแจ้งพวกเราในทันทีที่มีความพยายามเทเลพอร์ตเข้าออก และการเดินทางเข้าออกของราชอาณาจักรทั้งหมดก็ถูกสั่งให้หยุดลงชั่วคราว”
ปีศาจเพลิง แคสแซนดร้าเป็นคนแรกที่กล่าว หลังจากที่เธอสะบัดผมสีแดงบนไหล่ของเธอ ดวงตาของเธอเองก็เต็มไปด้วยความโกรธอยู่ภายใน และมันดูเหมือนว่า เธอกำลังควบคุมอารมณ์ของเธอ เพื่อที่จะพูดคุยกับราชาได้
“ดังนั้น มันเป็นไปได้ที่บุคคลเหล่านี้จะอยู่ในเมืองหลวงตั้งแต่ก่อนกองกำลังทั้งสามสาบานตน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนจากกองกำลังอื่นนอกเหนือจากกองกำลังทั้งสาม หรือพวกเขาอาจจะใช้วิธีบางอย่างในการหลบเลี่ยงคำสาบานตน มันล้วนแล้วแต่เป็นไปได้”
ขณะที่แดนีลกำลังจะตอบกลับ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาประหลาดใจเล็กน้อย ขณะสั่งให้องครักษ์เปิดประตู และคนที่เข้ามาก็คือ เฟลิกซ์
ขณะที่เดินเข้ามา เขามองไปยังเหล่าทหารในห้อง ก่อนจะมองไปที่แดนีล
แดนีลเข้าใจความหมายนี้ เขาทหารชั้นสูงทั้งหมดออกไป เหลือไว้เพียงแฟกซัล, แคสแซนดร้า, แอรัน, เคลเลอร์ และเฟลิกซ์เท่านั้นที่อยู่ในห้อง
“แดนีล กระดาษแผ่นนี้ถูกทิ้งไว้ในห้องของข้าเมื่อเช้า มันจ่าหน้าซองถึงเจ้า ก่อนที่ข้าจะทันได้มอบมันให้กับเจ้า เจ้าก็ได้ไปที่เวทีประหารแล้ว”
รับกระดาษมา แดนีลรู้ว่า มันเป็นแบบที่ต้องผูกมัดโลหิต
เขาเฉือนปลายนิ้วด้วยเล็บ ก่อนจะหยดเลือดลงไปบนกระดาษ
ขณะที่คนอื่นๆในห้องจ้องมองมาที่เขา ดวงตาของเขาก็กลายเป็นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ขณะได้ยินเสียงอาจารย์ของเขา ซึ่งตอนนี้ ได้กลายเป็นคนทรยศราชอาณาจักรแลนธานอร์ไปแล้ว โจนาห์ กล่าวในใจของเขาว่า
คอมเม้นต์