World domination system – ตอนที่ 135
135 ความจริง ตอนที่ 1
แม้คำกล่าวของอดีตอาจารย์จะทำให้แดนีลขมวดคิ้ว แต่เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า เขาจะฟังทุกสิ่งที่ชายคนนั้นกล่าว อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่า คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขามาเป็นเวลานาน
ตามที่เคลเลอร์กล่าวเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของโจนาห์ มันทำให้แดนีลรู้ว่า เขาเป็นคนรู้คุณคนอย่างแท้จริง เคลเลอร์และสถานศึกษาช่วยให้เขาเติบโตขึ้น และดูเหมือนโจนาห์ก็มักจะกล่าวออกมาอย่างสม่ำเสมอว่า เขาจะรับใช้แลนธานอร์เพื่อตอบแทนในสิ่งที่เขาได้รับมา
อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับเชิร์ชเพื่อรับการแก้แค้น ในความเป็นจริง เคลเลอร์ได้ขอให้เขารอคนอย่างแดนีล เช่นเดียวกันเฟลิกซ์ เขาพยายามทำให้โจนาห์กลายเป็นผู้สังเกตการณ์ ที่มองหาเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง โจนาห์ยังคงเลือกเชิร์ช
ลุกขึ้นจากเก้าอี้บัลลังก์ แดนีลบอกให้โจนาห์นำทาง เนื่องจากภายในพระราชวังมิติถูกปิดกั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินด้วยเท้า
แดนีลออกคำสั่งให้ทุกคนที่อยู่รอบๆออกไป ดังนั้น ขณะที่พวกเขาเดินผ่านโถงทางเดิน มันจึงมีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาเท่านั้น
หลังจากเดินผ่านทางเดินลับไปยังสถานศึกษาได้ครึ่งทาง โจนาห์ก็เริ่มกล่าวอีกครั้ง
“ข้าเดาว่า จากมุมมองของเจ้า มันคงจะให้ความรู้สึกเหมือนว่า ข้าเป็นพันธมิตรกับเชิร์ชเพื่อแก้แค้นเจ้าชั่วริชาร์ด แน่นอน เมื่อครั้งที่เชิร์ชเข้ามาหาข้า หัวใจของข้าครึ่งหนึ่งรับยอมเงื่อนไขของพวกเขาก็ด้วยเหตุผลนั้น แต่อีกครั้งก็ได้หยุดข้าไว้”
ความโหยหาปรากฎบนใบหน้าของโจนาห์ขณะที่เขาคิดถึงอดีต พ่อแม่, ปู่ย่าตายาย และน้องสาวของเขา ถูกพรากไปจากเขาในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากความเจ็บปวดรวดร้าวนั้น มันทำให้ความเข้าใจระดับตำนานของเขา ลดลงเหลือเพียงขั้นสีแดง จากทุกมุมมอง มันดูเหมือนว่า เขาจะไม่มีโอกาสที่จะแก้แค้นราชาอีกแล้ว
“ข้าปฏิเสธพวกเขา ไม่ว่าข้าจะปรารถนาสิ่งที่พวกเขาเสนอมาให้มากเพียงใดก็ตาม ข้าก็ยังคงรู้ดีว่า ข้าเป็นหนีราชอาณาจักรแห่งนี้ ที่ทำให้ข้าเติบโตขึ้นมาเป็นข้า ข้าต้องการจะเข้าร่วมกับเคลเลอร์และค้นหาคนเช่นเจ้า ที่สามารถจะดูแลแลนธานอร์ได้เป็นอย่างดี ด้วยวิธีนี้ ข้าจะสามารถแก้แค้นและเติมเต็มความฝันที่จะรับใช้ชาติของข้าได้”
ขณะที่แดนีลฟังคำกล่าวเหล่านั้น เขารู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่จะทำเพื่อราชอาณาจักรของโจนาห์
ตามที่เคลเลอร์กล่าว โจนาห์เป็นคนที่รักชาติอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขามึนงงมากขึ้นเกี่ยวกับเหตุผลที่โจนาห์เลือกสาบานตนกับเชิร์ชในตอนท้าย
ในเวลานี้ พวกเขามาถึงสถานศึกษาโดยเดินผ่านทางเดินลับแล้ว จากนั้น แดนีลก็จับไหล่ของโจนาห์ และเทเลพอร์ตไปที่กระท่อมของเขาโดยตรง
ได้เห็นสถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้านมาเป็นเวลานาน รอยยิ้มอันโศกเศร้าปรากฎขึ้นบนใบหน้าของโจนาห์
เข้าไปด้านใน เขารอให้แดนีลเดินเข้ามา ก่อนที่จะปิดประตูอย่างระมัดระวัง
กระท่อมว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ เนื่องจากสิ่งของทั้งหมดถูกนำไปยังพระราชวัง เพื่อทำการตรวจสอบเกี่ยวกับเบาะแสต่างๆตามคำสั่งของแดนีล น่าเสียดาย พวกเขาไม่พบเบาะแสใดๆเลย
ภายในกระท่อมว่างเปล่า โจนาห์มองไปรอบๆและสัมผัสสิ่งต่างๆ ราวกับกำลังระลึกถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่
จากนั้น เขาก็เดินไปยังมุมหนึ่งของกระท่อม ก่อนจะแทงนิ้วแล้วใช้เลือดวาดสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนโล่บนผนัง ช่องลับเปิดขึ้น ภายในวางอยู่ด้วยวัตถุทรงกระบอกขนาดเท่ามือซึ่งดูราวกับทำมาจากกระดูก
หยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ โจนาห์เดินไปหาแดนีลแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าต้องการคำตอบ ก็ใช้เลือดของเจ้าเพื่อผูกมัดมัน”
ในตอนนี้ ความโกรธในก่อนหน้านี้ของแดนีลได้ทุเลาลงแล้ว
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจคำกล่าวของโจนาห์ แต่เขาก็ยังคงรับกระบอกมา
ขณะที่สัมผัสมัน เขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือบ และไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใด แดนีลก็ไม่เข้าใจว่ามันทำมาจากวัสดุอะไร สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่นอนก็คือ มันไม่ใช่โลหะที่เขาเคยเห็นตั้งแต่มาถึงโลกแห่งนี้
หลังจากหยดเลือดลงไปที่มันแล้ว กระบอกก็เรืองแสงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มันจะดูดซับเลือดและกลายเป็นสะอาดอีกครั้ง
[ตรวจพบอินเตอร์เฟซความทรงจำ โฮสต์ต้องการดูความทรงจำนี้หรือไม่?]
ได้ยินการแจ้งเตือนเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แดนีลตกใจเล็กน้อย
‘ต้องการ’
[เริ่มต้นการซิงค์ความทรงจำ]
หลังจากนั้นชั่วครู่ แดนีลก็รู้สึกราวกับมีคนเอาค้อนมาทุบที่หัวของเขา
วิสัยทัศน์ของเขาพร่ามัว ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับกระบอกที่อยู่ในมือ
ในขณะนั้น ความมืดค่อยๆปกคลุมวิสัยทัศน์ทั้งหมดของเขา และสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือ โจนาห์เดินไปยังอีกด้านของกระท่อม และใช้เลือดวาดสัญลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งมันได้เปิดช่องลับอีกช่องขึ้น จากนั้น แดนีลก็ไม่เห็นอะไรอีก
……………………………………………………………………………..
ความเจ็บปวด
ขณะที่เขาตื่นขึ้นจากอาการมึนงง แดนีลรู้สึกเจ็บปวดอย่างหนักไปทั่วร่างกายของเขา ซึ่งมันทำให้เขาสงสัยว่า เขาตกหลุมพลางอดีตอาจารย์ของเขาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็ได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยควัน
ขณะที่ประสาทสัมผัสค่อยๆกลับมาทีละอย่างทีละอย่าง แดนีลตระหนักว่า เขาสวมชุดเกราะบางอย่าง มันมีอยู่มากมาย และแต่ละรูก็เป็นที่มาของความเจ็บปวด
นอกเหนือจากนั้นแล้ว ความรู้สึกสยดสยองก็เริ่มปรากฎบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงขาเพียงข้างเดียว
เสียงกรีดร้องอันน่าหวาดกลัวดังขึ้นในหูของเขา ทำให้เขาลุกขึ้นและมองไปรอบๆ
ขณะที่เขาใช้ข้างหนึ่งยืนพื้น เนื่องจากมันลื่น เขาจึงล้มตัวลงอีกครั้ง
มือของเขาสวมอยู่ด้วยถุงมือบางประเภท ขณะที่แดนีลใช้มันลูบใบหน้าของเขา เขาก็ได้ตระหนักว่า ทั่วทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยของเหลวสีแดง
ด้วยตระหนักว่ามันเป็นเลือดอย่างแท้จริง เขารีบใช้มืออีกข้างยันร่างกายส่วนบนขึ้น
มองไปรอบๆ เขาเห็นได้ว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยซากศพ และมีบ่อเลือดหลายแห่งที่รวมตัวกันอยู่บนพื้น แดนีลลื่นบ่อเลือดหนึ่งขณะพยายามลุกขึ้น
มองต่ำลงไป เขาเกือบจะเป็นลมหลังจากที่เห็นว่า ขาของเขาถูกตัดออกไป และบาดแผลก็ได้รับการทำแผลเอาไว้ ราวกับว่า ใครก็ตามที่ทำสิ่งนั้น ไม่ต้องการให้เขาตายจากการสูญเสียเลือด
โดยไม่สนใจว่าเลือดจะไหลออกมาจากรูทั่วร่างของเขามากเพียงใด แดนีลหยิบไม้ที่อยู่ใกล้ๆมาค้ำยัน ขณะที่พยายามพาตัวเองเดินไปข้างหน้า
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงต้องไป อย่างไรก็ตาม สัญชาติญาณของเขาบอกว่า เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตถ้ายังอยู่ตรงนั้น
ศพมากมายกระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขาและเขาได้ยินเสียงกรีดร้องจากระยะไกล แดนีลค่อยเดินผ่านบ่อเลือดไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ลื่นล้มอีก
เขาอยู่บนที่ราบ และขณะที่เขาหันไปรอบๆ เขาคาดเดาภายในใจว่า เพียงแค่ในบริเวณรอบๆนี้ ก็มีศพอย่างน้อย 10,000 ศพอยู่
ด้วยภาพที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ในที่สุดแดนีลก็เริ่มสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สัญชาตญาณของเขาได้กรีดร้องให้เขารีบวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก ในขณะนั้นเอง คำถามทั้งหมดในหัวใจของเขาหยุดลง หลังจากที่เขาเห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งทำให้เขาต้องถึงกับขยี้ตา
มีกองศพ 3 ศพ วางซ้อนทับกันอยู่ตรงนั้น โดย 2 ศพอยู่ด้านบน ซึ่งมันทำให้หัวของศพเอง เขาจึงไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของศพเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ศพที่อยู่ด้านล่างนอนหงายอยู่บนพื้น ขณะที่ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังท้องฟ้า
สะดุดล้มลง แดนีลล้มลงกับพื้น และเขายื่นมือไปข้างหน้าเพื่อเช็ดคราบเขม่าที่ปกคลุมใบหน้า เขาต้องการจะทำให้แน่ใจ
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เขาเห็นในสิ่งที่เขาคิดเอาไว้
มันก็คือแม่ของเขา มาเรีย แดนิวรอน
คอมเม้นต์