Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 1005 : ดูดพลังปราณ!

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1005 : ดูดพลังปราณ! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

และทันทีที่หลิงหยุนเริ่มขยับตัวเงาที่หนึ่งก็มารวมเข้ากับเงาที่สอง และเงาที่สองก็เคลื่อนที่ไปรวมเข้ากับเงาที่สาม..
ตามมาด้วยเงาที่สี่..เงาที่ห้า.. และอีกเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว ทั้งสิบสองเงาก็รวมหายเข้าไปในร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
และเวลานี้..หลิงหยุนก็กำลังเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางขั้นสุด และจุดตันเถียนรูปไท่จี๋ (รูปแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์หยิน-หยางรูปร่างคล้ายปลาอยู่ด้านใน) ของเขาก็กำลังก่อตัวเป็นพลังวนหยิน-หยางที่น่าสะพรึงกลัว!
“เข้ามาได้เลย!”
จุดตันเถียนของหลิงหยุนกำลังหมุนกลับพลังวนหยิน-หยางเริ่มก่อตัวขึ้น หลิงหยุนยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย และกำลังเริ่มใช้วิชาดูดลมปราณ!
เมื่อเห็นเช่นนั้นทั้งท่านจินและราชันย์นักฆ่าต่างก็พากันกระโดดถอยหลังหนีออกไปทันที แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกคล้ายกำลังถูกพลังที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนดูดเข้าไป..
“ข้าขอยืมพลังปราณของพวกเจ้าใช้หน่อย!”
หลิงหยุนร้องตะโกนบอกพร้อมกับยื่นฝ่ามือทั้งสองออกไปยังตำแหน่งจุดตันเถียนของยอดฝีมือทั้งสองคนทันที จากนั้นจึงเริ่มทำการดูดพลังปราณของทั้งคู่ผ่านเข้าทางฝ่ามือของตนเอง!
“แย่แล้ว!”
ท่านจินและราชันย์นักฆ่าต่างก็พยายามดิ้นรนทั้งคู่ใช้กระบี่ในมือจ้วงฟันเข้าใส่ศรีษะของหลิงหยุนทันที
“เปล่าประโยชน์!”
หลิงหยุนยิ้มเย็นชาแต่ยังคงยืนนิ่งไม่หลบกระบี่ และรีบเดินลมปราณภายในร่างกาย เพื่อดูดเอาพลังปราณของคนทั้งคู่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น!
“อ๊าก!”
ท่านจินพยายามดิ้นรนถอยหลังออกไปพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วกระบี่ในมือของเขาก็เริ่มเชื่องช้าลง และค่อยๆ อ่อนแรง และในที่สุดร่างของเขาก็ร่วงกราวลงไปกองอยู่กับพื้น
ส่วนราชันย์นักฆ่าอีกคนก็มีลักษณะท่าทางไม่ต่างกัน..
ยอดฝีมือทั้งสองคนนั้นได้พยายามที่จะบังคับควบคุมจุดตันเถียนของตนเองเพื่อไม่ให้พลังปราณขั้นเซียงเทียน-8 พุ่งเข้าสู่ฝ่ามือของหลิงหยุน!
แต่หลิงหยุนกลับใช้ฝ่ามือดันร่างของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8ทั้งสองคนขึ้นไปกลางอากาศ ส่วนตัวเขานั้นยืนอยู่ท่ามกลางลมหมุนอันน่าหวาดกลัวอย่างสง่างาม ภาพของหลิงหยุนเวลานี้ดูราวกับหลุมดำก็ไม่ปาน!
“สวรรค์!นี่มันวิชาดูดลมปราณ!”
เมื่อโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋ได้เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความหวาดผวา ความกลัวในจิตใจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ร่างของเขาถอยกรูดออกไปไกลด้วยความรวดเร็วถึงสองเท่า!
ทันทีที่เห็นภาพอันน่าหวาดผวาเช่นนั้นเฉี่วยหยิงกงก็ถึงกับตกใจกลัวจนรีบกระโดดหมุนตัวถอยหนีออกไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน..
“นี่มันอะไรกัน!นี่.. นี่มันคือวิชาดูดลมปราณไม่ใช่รึ? ใช่แล้ว.. มันคือวิชาดูดลมปราณที่หายสาบสูญไปจากพรรคมารเป็นเวลานานแล้ว!”
ซือกงวู่จี๋ยังคงอยู่ในอาการตกใจและยังไม่สามารถเรียกสติกลับคืนได้ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าวิชาที่ตนเองใฝ่ฝันอยากได้มานานนั้น กลับต้องมาพบเห็นจากหลิงหยุนเช่นนี้ แล้วมีหรือที่เขาจะไม่ตกใจ!
หลิงหยุนยังคงดูดเอาพลังปราณของราชันย์นักฆ่าทั้งสองคนไปอย่างไร้ยางอาย!
พลังปราณของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8นั้น บริสุทธิ์และแข็งแกร่งมากเพียงใดนั้นทุกคนย่อมรู้กันดี แต่พลังดูดลมปราณของหลิงหยุนกลับรุนแรงยิ่งกว่า..
นี่หลิงหยุนไม่กลัวว่าจุดตันเถียนของตนเองจะระเบิดและตายในทันทีอย่างนั้นหรือ
ทั้งท่านจินและราชันย์นักฆ่านั้นต่างก็ฝึกฝนวิชาที่แตกต่างกันมาแต่หลิงหยุนกลับดูดเอาพลังปราณของพวกเขาทั้งคู่เข้าไปพร้อมกันเช่นนี้ พลังปราณที่แตกต่างกันนี้หากไม่สามารถรวมเข้ากันได้ ก็จะกลับกลายเป็นแรงอัดทำให้ธาตุไฟแตกจนต้องกลายเป็นมารไปจริงๆในที่สุด หรือไม่ก็อาจตายได้ในทันที!
ซือกงวู่จี๋แม้จะตกอกตกใจอย่างมากแต่ในแววตาของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความละโมบอยากได้ และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรไปบ้างก็ตาม ภายในคืนนี้เขาจะต้องจัดการกับหลิงหยุนให้ได้!
เพียงแค่กระบี่โลหิตแดนใต้เล่มเดียวก็ทำให้ซือกงวู่จี๋กระเหี้ยนกระหืออย่างมากแล้ว แต่เมื่อได้เห็นหลิงหยุนใช้วิชาดูดลมปราณเช่นนี้ ความอยากมีอยากได้ในใจก็พุ่งขึ้นจากเดิมอย่างมาก..
กระบี่โลหิตแดนใต้นั้นแม้ว่าจะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์อย่างมากของพรรคมาร และนับเป็นอาวุธที่มีอานุภาพสูงสุดก็จริง แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับวิชาดูดลมปราณเลยแม้แต่น้อย!.ไอลีนโนเวล.
แต่ซือกงวู่จี๋ยังไม่รู้ว่าวิชาดูดลมปราณของหลิงหยุนนั้นไม่ใช่วิชาเดียวกันกับวิชาดูดลมปราณของพรรคมาร!
วิชาดูดลมปราณของหลิงหยุนนั้นเกิดขึ้นจากการฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยาง ประกอบกับจุดตันเถียนรูปไท่จี๋ (รูปแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์หยิน-หยางรูปร่างคล้ายปลาอยู่ด้านใน) จึงทำให้จุดตันเถียนของหลิงหยุนสามารถหมุนกลับด้านได้ และการที่หลิงหยุนสามารถดูดเอาพลังปราณของผู้อื่นเข้ามาในร่างกายได้นั้น ก็เพราะผลลัพธ์จากพลังวนหยินหยางนี่เอง..
และพลังวนหยิน-หยางของหลิงหยุนนั้นก็เหนือกว่าวิชาดูดลมปราณในตำนานของพรรคมารมากมายหลายร้อยเท่านัก!
และต่อให้คืนนี้ซือกงวู่จี๋สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถเรียนวิชาดูดลมปราณดังเช่นหลิงหยุนได้ และต่อให้หลิงหยุนยินยอมสอนให้ ซือกงวู่จี๋ก็ไม่มีทางที่จะฝึกฝนได้..
เพราะใช่ว่ายอดฝีมือทุกคนจะมีร่างกายที่อัศจรรย์อย่างเช่นหลิงหยุนซึ่งสามารถดูดซับเอาพลังชีวิตที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับผืนโลกได้
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว จุดตันเถียนของเขาก็ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณก็ขยายกว้างขึ้น และแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ทำให้ความเร็วในการดูดซับพลังปราณนั้นรวดเร็วอย่างน่ากลัว!
ท่านจินและราชันย์นักฆ่ากำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลังพวกเขาพยายามที่จะต้านทาน และปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากฝ่ามือของหลิงหยุน แต่พลังปราณภายในร่างกายของพวกเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่จึงได้แต่ดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ใบหน้าบิดเบี้ยวของทั้งสองคน กำลังจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาสิ้นหวัง..
ท่านจินและราชันย์นักฆ่านั้นคร่าชีวิตของผู้คนมาแล้วตั้งมากมายด้วยหลากหลายวิธี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าวันนี้ตนเองจะต้องถูกหลิงหยุนดูดลมปราณจนตาย..
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีหลิงหยุนก็สามารถดูดเอาพลังปราณขั้นเซียงเทียน-8 ของยอดฝีมือทั้งสองคนมาได้ หลังจากนั้น เขาก็สะบัดข้อมือ ผลักร่างของทั้งคู่ลอยละลิ่วออกไปนอกกำแพงบ้านเลขที่-1 ทันที!
และเวลานี้..ก็เหลือศัตรูที่อยู่ภายในบ้านเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น!
แต่จะว่าไปแล้ว..ควรต้องเรียกว่าสามคนกับปีศาจสองตนจึงจะถูกต้อง เพราะเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นก็เป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ ส่วนอีกตนก็คือปีศาจภัยแล้ง..
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าพลังปราณในจุดตันเถียนของตนเองนั้นเวลานี้ขยายใหญ่จนแทบระเบิดออก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏร่องรอยของความเจ็บปวดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่วูบเดียวก่อนจะจางหายไปในทันที!
หลิงหยุนปัดมือสองข้างเข้าด้วยกันพร้อมกับจ้องมองไปทางซือกงวู่จี๋ และพูดขึ้นว่า
“ข้าดูดลมปราณคนของเจ้าหมดแล้วช่างน่าแปลกที่เจ้ากลับไม่ฉวยโอกาสนั้นจู่โจมข้า!”
ซือกงวู่จี๋ผู้ที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนั้น เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะจู่โจมเจ้าเวลานี้..อีกทั้งข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเจ้าดูดเอาพลังปราณเข้าไปมากมายเช่นนี้ ร่างของเจ้าจะแตกสลายหรือไม่”
หลิงหยุนยิ้มแล้วจึงหัวเราะออกมา “ฮ่า.. ฮ่า.. แต่น่าเสียดายที่ข้ากลับไม่เป็นอย่างที่เจ้าต้องการอยากจะให้เป็น!”
แต่ซือกงวู่จี๋กลับไม่คิดเช่นนั้นเขาตอบโต้หลิงหยุนกลับไปทันที “แต่ข้าว่าพลังปราณที่แข็งแกร่งของพวกเขาทั้งคู่ คงทำให้ร่างกายของเจ้าปั่นป่วน และอึดอัดน่าดูในเวลานี้!”
ซือกงวู่จี๋รู้ดีว่า..ไม่ว่าใครก็ตามที่ดูดซับเอาพลังปราณของผู้อื่นเข้าไปเช่นนี้ ย่อมต้องมีเวลาให้พลังปราณเหล่านั้นย่อยสลาย และถูกดูดซับเข้าไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย จากนั้นจึงจะสามารถนำไปพัฒนาขั้นของตนเองต่อไปได้..
ส่วนระยะเวลาของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับทักษะ และความช่ำชองของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปริมาณพลังปราณที่ถูกดูดซับเข้าไปในร่างกาย และขึ้นอยู่กับความเหมือนหรือแตกต่างกันของพลังปราณ..
ซือกงวู่จี๋เห็นสภาพของหลิงหยุนเวลานี้เขารู้สึกว่าหลิงหยุนไม่ต่างจากมดที่กลืนกินช้างตัวใหญ่โตเข้าไปถึงสองตัวในคราวเดียว..
และที่สำคัญ..เขาจะไม่ให้หลิงหยุนได้มีเวลาย่อยสลาย และดูดซับลมปราณอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง.. ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพราะดูดพลังปราณเข้าไปมากจนเกินไปจริงๆ จุดตันเถียนของข้าจึงบวมนิดหน่อย!”
ซือกงวู่จี๋ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และได้แต่คิดว่า หลิงหยุนช่างกล้านักทีดูดเอาพลังปราณของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 เข้าไปพร้อมกันถึงสองคนเช่นนั้น!
แต่คำพูดต่อมาของหลิงหยุนกลับทำให้ซือกงวู่จี๋ถึงกับตกตะลึงและรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็งก็ไม่ปาน..
“แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว!หรือเจ้าต้องการจะให้ลมปราณของเจ้ากับข้าเพิ่มอีกงั้นรึ”
‘อะไรกันดีขึ้นมากแล้วรึ?!’
หลิงหยุนดูดเอาพลังปราณเข้าไปในปริมาณมากถึงเพียงนั้นไม่เพียงร่างของหลิงหยุนไม่แตกสลาย แต่พลังปราณทั้งสองกลับไม่ต่อต้านกันเองอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถซึมซับได้ภายในเวลาอันรวดเร็วจนน่าตกใจ..
ซือกงวู่จี๋ได้ฟังถึงกับโกรธและผิดหวังจนแทบคลั่ง เขาแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเ พราะไม่สามารถคิดออกว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้..เพราะหลิงหยุนฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยาง ภายในร่างกายจึงมีพลังหยิน และพลังหยางซึ่งเป็นพลังพื้นฐาน และพลังปราณไม่ว่าจะชนิดใดที่ถูกดูดเข้าไป ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังหยิน และพลังหยางด้วย..
อีกทั้งจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นก็หมุนด้วยความเร็วสูงทำให้เกิดพลังวนหยิน-หยางที่สามารถรองรับพลังปราณได้อีกมากมายหลายเท่ายิ่งกว่าจุดตันเถียนของเขาเสียอีก..
และเวลานี้..พละกำลัง และความแข็งแกร่งของหลิงหยุนก็เพิ่มสูงขึ้นมาก!
บนยอดเขาหลงเหมินนั้นศัตรูของหลิงหยุนบางส่วนล้วนเป็นผู้ที่มีใจเป็นกลาง หลิงหยุนจึงไม่ต้องการใช้วิชาดูดลมปราณทำการดูดเอาพลังปราณของผู้ใด แต่เวลานี้มีศัตรูที่จ้องจะเข่นฆ่าเอาชีวิตของเขา หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องปราณี!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
ซือกงวู่จี๋สำรวจดูหลิงหยุนอย่างละเอียดอีกครั้งแต่กลับพบว่าสีหน้าของหลิงหยุนดูดีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้เขาจะไม่อยากให้กลายเป็นเช่นนี้ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้!
“ท่านนักบวชเลี่ยยื่อ..หลิงหยุนไม่เพียงมีกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือ แต่ยังใช้วิชาดูดลมปราณอีกด้วย! คนเช่นนี้แม้แต่พรรคมารยังไม่สามารถปล่อยไว้ได้ เหตุใดท่านจึงไม่ร่วมมือกับพรรคมารสังหารมันเล่า”
ซือกงวู่จี๋เพิ่งจะต่อสู้กับไป๋เซียนเอ๋อไปแม้ว่าจะไม่ได้ใช้พลังไปมากมายนัก แต่เขาก็รู้ว่าการจะเอาชนะไป๋เซียนเอ๋อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจึงจำเป็นต้องหาแนวร่วม..
ไป๋เซียนเอ๋อจ้องมองหลิงหยุนด้วยจิตใจที่สงบนิ่งและแววตาเต็มไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ และนั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าหลิงหยุนย่อมแข็งแกร่งกว่าไป๋เซียนเอ๋ออย่างแน่นอน!
อีกทั้งหลิงหยุนเพิ่งจะดูดเอาพลังปราณของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8เข้าไปถึงสองคน ซือกงวู่จี๋จึงเชื่อว่าเวลานี้หลิงหยุนจะต้องมีพละกำลังอย่างมากมายมหาศาล!
ซือกงวู่จี๋ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำให้นักบวชเลี่ยยื่อยอมร่วมมือกับตนเองให้ได้ แต่สีหน้าของนักบวชเลี่ยยื่อนั้นกลับมีท่าทีลังเล..
ซือกงวู่จี๋จึงร้องตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน“ท่านยังจะลังเลอะไรอีกเล่า หลิงหยุนเพิ่งจะสังหารพี่น้องทั้งสี่ของท่านไป ท่านไม่ต้องการฆ่าหลิงหยุนแก้แค้นให้กับพวกเขางั้นรึ? หรือท่านคิดว่าเพียงลำพังท่านกับปีศาจภัยแล้งนั่น จะสามารถเอาชนะหลิงหยุนกับปีศาจจิ้งจอกได้อย่างนั้นรึ?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด