Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1340 สู้กับหลงเทียนฟาง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1340 สู้กับหลงเทียนฟาง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  “โอ้..หมัดของเจ้านับว่าแข็งแกร่งไม่เบาทีเดียว!”
  หลังจากที่หลงเทียนฟางปะทะเข้ากับหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนเขาก็ไม่ได้แสดงความโกรธเกรี้ยวหรือว่าพออกพอใจ แต่ในแววตานั้นกับปรากฏความรู้สึกเย้ยหยันออกมาให้เห็น!
  หลิงหยุนได้ฟังก็ได้แต่หัวเราะออกมาแต่มิได้ตอบโต้กลับไปแต่อย่างใด
  หลิงหยุนเข้าใจจุดประสงค์ของตระกูลหลงได้ในทันที!
  การที่ตระกูลหลงส่งหลงเทียนฟางมาประมือกับเขาในวันนี้เห็นได้ชัดว่ามิได้จงใจที่จะมาสังหารตน แต่ต้องการให้หลงเทียนฟางมาทดสอบความแข็งแกร่ง และไพ่ในมือของเขาเสียมากกว่า!
  ไม่เช่นนั้นแล้วหากต้องการสังหารตนจริงๆ หลงฮ่าวเฉียนที่มาด้วยนั้น คงจะไม่เพียงแค่ยืนดูการประลองอยู่ห่างๆเป็นแน่ แต่คงต้องเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเองแล้ว!
  และเช่นเดียวกันการที่หลงฮ่าวเฉียนมากับหลงเทียนฟางเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงหยุนจะสามารถลงมือสังหารหลงเทียนฟางได้ นั่นเพราะหากหลงเทียนฟางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต แน่นอนว่าหลงฮ่าวเฉียนย่อมต้องรุดเข้ามาช่วยทันที!
  จากกระแลกหมัดในครั้งแรกนั้นหลิงหยุนก็สามารถคาดเดาได้ว่า ความแข็งแกร่งของหลงเทียนฟางนั้นน่าจะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) เป็นอย่างต่ำ และหากทั้งเขาและหลงเทียนฟางไม่ได้ต่อสู้เพื่อหมายเอาชีวิตกันและกันแล้วล่ะก็ หลงฮ่าวเฉียนจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเป็นแน่
  เมื่อหลงเทียนฟางเห็นหลิงหยุนไม่ไล่ล่าเพื่อเอาชนะเขาจึงได้กระโดดถอยหนีออกไป ส่วนที่หลิงหยุนไม่ไล่ล่าและปล่อยให้หลงเทียนฟางกระโดดถอยหนีไปได้เช่นนั้น ก็คงไม่ต่างจากการที่เขาปล่อยให้จางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนหนีไป เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถสังหารคนทั้งสองได้!
  ในเมื่อเป็นการประลองที่ไม่ได้หมายเอาชีวิตซึ่งกันและกันจุดมุ่งหมายสูงสุดของการประลองครั้งนี้คือเพียงเพื่อรู้แพ้รู้ชนะเท่านั้น หลิงหยุนจึงมิได้ลงมือเต็มที่นัก!
  ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงตอบโต้หลงเทียนฟางไปโดยมิได้ใช้พลังทั้งหมดของตนจึงดูเหมือนว่าหลงเทียนฟางเป็นฝ่ายเหนือกว่า
  ยากนักที่หลงเทียนฟางจะได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเช่นหลิงหยุนเขาจึงมีอาการตื่นเต้นดีอกดีใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน!
  ในขณะที่ตระกูลหลงใช้หลงเทียนฟางมาประลองเพื่อต้องการเห็นไพ่ในมือของหลิงหยุนหลิงหยุนเองก็ต้องการใช้โอกาสนี้ทดสอบวิชาของตระกูลหลงว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใดเช่นกัน!
  เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนจึงกำหมัดชกเข้ากับหมัดของหลงเทียนฟางที่จู่โจมเข้ามาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว การปะทะของหมัดทั้งสองในครั้งนี้ ไม่ต่างจากวัวกระทิงสองตัวที่พุ่งเขาเข้าใส่กัน หรือช้างทั้งสองเชือกที่พุ่งเข้าชนกัน จึงเกิดแรงปะทะที่รุนแรง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีพลังปราณป้องกันที่มากพอ คงต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน!
  หลังจากที่หลิงหยุนกับหลงเทียนฟางประมือกันนั้นเย่ชิงซินก็เหาะขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง และยืนมองคนทั้งคู่ต่อสู้กันอยู่ห่างๆ
  เย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูก็เหาะตามขึ้นไปเช่นกันและเวลานี้ทั้งสามคนก็เหาะไปเกาะกลุ่มกันอยู่บนท้องฟ้าห่างไปราวหนึ่งกิโลเมตร พร้อมจับตามองการต่อสู้อย่างไม่กระพริบตา
  “ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร..”เย่เทียนสุ่ยพึมพำกับตัวเองในระหว่างที่จ้องมองการต่อสู้ของทั้งสองคนด้านล่าง
  “กลับไปข้าคงต้องหมั่นฝึกฝนให้หนักกว่านี้ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะรับมือสองคนนี้ได้แน่..” เย่เทียนตูก็บ่นพึมพำกับตัวเองเช่นกัน
  แต่แล้วจู่ๆเย่เทียนสุ่ยก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ดูเหมือนสองคนนี้เพียงแค่ต้องการทดสอบฝีมือของกันและกันเท่านั้นเอง ไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิตกันและกัน แบบนี้จะไปสนุกอะไรกัน”
  เย่เทียนตูหันไปยิ้มให้เย่เทียนสุ่ยพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าอย่าได้ร้อนใจไปนัก! นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ข้าว่าคงจะมีอะไรสนุกๆให้ดูต่อจากนี้แน่!”
  “พวกเจ้าสองคนหุบปากได้แล้ว!เย่ชิงเฟิงส่งเจ้ามากับข้าเพื่อใด้ดูการต่อสู้ไม่ใช่รึ แต่พวกเจ้ากลับเอาแต่พูดมาก..”
  เย่ชิงซินเห็นหลานชายของตนสองคนต่างก็พูดไม่หยุดเช่นนั้นจึงได้แต่ดุไปด้วยความรำคาญ..
  เย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตู่ถึงกับต้องรีบหุบปากและไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย!
  ……
  แสงสีทองส่องประกายสุกสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ!   ทั้งหลิงหยุนและหลงเทียนฟางต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดผ่านไปไม่ถึงห้านาที แต่ทั้งคู่กลับแลกหมัดกันไปเป็นร้อยแล้ว ทั้งสองคนต่างก็เคลื่อนไหวไปมาด้วยความรวดเร็ว และต่างฝ่ายต่างก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน!
  มิหนำซ้ำทั้งคู่ยังสามารถรับมืออีกฝ่ายได้ดีและมีต่างก็มีพลังปราณเป็นเกราะป้องกันร่างกายที่แข็งแกร่งด้วย ในช่วงเวลาสั้นๆจึงไม่มีใครทำร้ายใครให้บาดเจ็บได้
  ตูม!ปัง!
  แต่แล้วจู่ๆหมัดสีทองสุกสว่างและทรงพลังของหลงเทียนฟาง ก็ชกเข้ากับไหล่ของหลิงหยุนอย่างแรง ในขณะที่เท้าของหลิงหยุนก็พุ่งฝ่าอากาศเตะเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายของหลงเทียนฟางอย่างรวดเร็วเช่นกัน!
  จากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็กระเด็นถอยหลังไปคนละฝั่ง..
  “โอ้!สนุกมากจริงๆ!”
  หลังจากที่ถูกหลิงหยุนเตะเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายจนกระเด็นถอยหลังออกมาเมื่อทรงตัวยืนได้แล้วหลงเทียนฟางก็ถึงกับร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
  “ฮ่าๆๆ”
  หลิงหยุนเดินวิชาลับหยิน–หยางไปทั่วร่างก็สามารถกำจัดพลังปราณของหลงเทียนฟางออกได้อย่างง่ายดายพร้อมกับหัวเราะออกมา
  หากจะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาการประลองในครั้งนี้ หลิงหยุนนับว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นั่นเพราะหากนับตามขั้นพลังที่แท้จริงแล้ว หลิงหยุนอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าหลงเทียนฟางถึงสองขั้น เพราะอีกฝ่ายนั้นเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่แล้ว!
  อีกทั้งสามชั่วโมงของงานชุมนุมชาวยุทธก่อนหน้านี้หลิงหยุนก็ได้ต่อสู้และสังหารยอดฝีมือไปจำนวนมาก แน่นอนว่าย่อมต้องใช้พลังปราณในร่างกายไปมากด้วย แม้จะมีโอกาสได้พักอยู่ราวสองชั่วโมง ก็คงไม่อาจเทียบได้กับหลงเทียนฟางที่ยังมีพลังปราณอยู่เต็มเปี่ยม
  นั่นคือเหตุผลที่ทำให้หลิงหยุนเป็นฝ่ายเสียเปรียบหลงเทียนฟางมากแต่ถึงกระนั้น จากที่หลิงหยุนกับหลงเทียนฟางประมือกันมานั้น หลิงหยุนกลับสามารถทำได้ดีทั้งจู่โจม ตั้งรับ และป้องกันได้ไม่แพ้หลงเทียนฟางเลย!
  ฟิ้ว..
  หลงเทียนฟางเหาะมายืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนห่างออกไปราวสิบกว่าเมตรพร้อมกับบอกหลิงหยุนว่า
  “หลิงหยุนเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น จากนี้ไปจะเป็นการประลองจริงๆแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้กระบี่เหินของตนเองเล่า”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า“ข้าเองก็เพิ่งอุ่นเครื่องเช่นกัน.. เจ้าเป็นคนบอกกับข้าเองไม่ใช่รึว่า เจ้ามีเพียงแค่มือเปล่า หากข้าใช้กระบี่เหิน จะไม่เป็นการรังแกเจ้าจนเกินไปงั้นรึ”   ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็จงใจหันไปทางหลงฮ่าวเฉียนและหลงเทียนซินที่เหาะอยู่ไกลๆ เป็นการบอกนัยๆว่า ให้หลงเทียนฟางถามความเห็นของลุงและพี่ชายเสียก่อน!
  “ฮึ่ม!!”หลงเทียนฟางเห็นหลิงหยุนทำเหมืนตนเองเป็นเด็กที่ต้องมีผู้ปกครองคอยมาควบคุมเช่นนี้ ก็ได้แต่ร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห
  “ไม่จำเป็น!หากข้าห้ามไม่ให้ท่านลุงกับพี่ใหญ่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว พวกเขาต้องไม่กล้าแน่!”
  จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้มาที่ร่างของตนเองพร้อมกับประกาศกร้าวว่า“ร่างกายของข้านี่ล่ะคืออาวุธ!” ส่วนมือก็ชี้ไปทางหลิงหยุนและพูดจาเย้ยหยัน “ไม่ว่าเจ้าจะใช้ของวิเศษอะไรออกมาสู้กับข้า ข้านี่ล่ะจะเป็นผู้ทำลายให้สิ้นซาก!”
  หลิงหยุนยิ้มหยันก่อนจะถามย้ำว่า“เจ้าแน่ใจรึว่าจะไม่ร้องไห้คร่ำครวญ หรือโวยวายหากข้าทำเช่นนั้นจริงๆ!”   หลงเทียนฟางยิ้มเย้ยหลิงหยุนเช่นกันพร้อมกับตอบไปว่า“หึ! ข้าเกรงว่าจะเป็นเจ้าต่างหากที่ต้องร้องคร่ำครวญ!”
  ยังไม่ทันพูดจบดีด้วยซ้ำร่างของหลงเทียนฟางก็กระโดดหมุนตัวขึ้นไปกลางอากาศอย่างสวยงาม แสงสีทองสุกสว่างที่เคลื่อนไหวไปมานั้นดูราวกับมังกรสองตัวที่มีชีวิตจริงๆ
  และในเวลานั้นเองก็ปรากฏบางสิ่งบางอย่างคล้ายกรงเล็บมังกรโผล่ออกมาจากแสงสีทองสุกสว่างนั้น แล้วพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
  และนี่คือวิชาบัญชามังกรยู่หลงเจี๋วยแห่งตระกูลหลง!
  วิชาบัญชามังกรยู่หลงเจี๋วยแห่งตระกูลหลงนี้เป็นการใช้ปราณมังกรในร่างสร้างเป็นร่างมังกรเสมือนจริง และใช้ร่างมังกรเสมือนจริงนี้ต่อสู้กับศัตรูแทนตน!
  บูม!
  หลิงหยุนเห็นร่างมังกรเสมือนจริงเช่นนั้นแต่ก็หาได้หวาดกลัวไม่เขาแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับสร้างโล่ลมปราณขึ้นเป็นเกราะคุ้มกันร่างกาย จากนั้นจึงเรียกตราหยกจักรพรรดิ และกระบี่กังฉีออกมา แล้วใช้พลังจิตควบคุมของวิเศษทั้งสองสิ่งให้พุ่งเข้าใส่ร่างของมังกรทั้งสองตัวทันที!
  ทั้งตราหยกจักรพรรดิและกระบี่กังฉีของหลิงหยุนสามารถต้านทานมังกรทั้งสองตัวไว้ได้..
  หลงเทียนฟางเห็นเช่นนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่ามังกรเพียงสองตัวไม่อาจทำอะไรหลิงหยุนได้ จึงได้ปลดปล่อยปราณมังกรในตัวสร้างเป็นมังกรสีทองสุกสว่างอีกสองตัวพุ่งตรงเข้าจู่โจมหลิงหยุนทันที
  “ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะต้านทานมังกรของข้าได้นานเพียงใด”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับเดินวิชาพลังลับหยิน–หยางภายในร่างจากนั้นโซ่หยิน–หยางสองเส้นก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุน ก่อนจะพุ่งตรงเข้ารัดร่างของมังกรอีกสองตัวไว้อย่างรวดเร็ว..
  “หึ!ยังมีอีกหรือไม่” หลิงหยุนถามขึ้นอย่างเย้ยหยัน
  ฟิ้ว..ฟิ้ว..
  หลงเทียนฟางเดือดดาลอย่างมากที่เห็นหลิงหยุนสามารถจัดการกับมังกรอีกสองตัวของตนไว้ได้จึงได้ปลดปล่อยมังกรออกไปอีกสองตัว!
  ในระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) นั้น สามารถสร้างมังกรจากพลังปราณในร่างได้ถึงหกตัว นับว่าสูงสุดแล้ว!
  “เยี่ยม!”
  จากนั้นปีกหยิน–หยางก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของหลิงหยุน และกระบี่เหินเงาธนูก็ได้ขยายใหญ่ แล้วเหาะตรงเข้าไปหามังกรตัวที่ห้าอย่างรวดเร็ว
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาถือไว้ในมือ จากนั้นปีกหยิน–หยางของหลิงหยุนก็ขยับพาร่างของเขาเหาะตรงเข้าหามังกรตัวที่หกอย่างรวดเร็ว
  ชัวะชัวะ ชัวะ ชัวะ…
  กระบี่สีดำในมือของหลิงหยุนกวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วและเพียงแค่สิบกว่าดาบมังกรตัวสุดท้ายก็ถูกหลิงหยุนฟันร่างขาดถึงสิบกว่าท่อน แสงสีทองสุกสว่างนั้นดับพรึบลง และไม่สามารถรวมตัวกันเป็นรูปมังกรได้อีกเลย..
  “เป็นอย่างไรบ้างเล่า”หลิงหยุนถามขึ้นอย่างเย้ยหยัน
  หลงเทียนฟางร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห“นี่เจ้า!!”
  หลังจากมังกรของเขาถูกหลิงหยุนทำลายลงแล้วหลงเทียนเจียวก็กระโจนเข้าใส่หลิงหยุนด้วยความโมโห หมัดของเขากำแน่นและตั้งใจชกเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างสุดกำลัง
  ครั้งนี้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนได้เปลี่ยนเป็นกระบี่เพลิงสายฟ้าที่มีกระแสไฟเกาะอยู่เต็มไปหมด!
  ตูม!
  หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องใช้เพลงกระบี่ใดๆทั้งสิ้นเพียงแค่พุ่งปลายกระบี่ใส่หมัดของหลงเทียนเฟิงเท่านั้น
  หลงเทียนเฟิงเองก็ไม่หลบเช่นกันเขาพุ่งหมัดของตนเองเข้าใส่ปลายกระบี่ของหลิงหยุนอย่างไม่นึกหวาดกลัว และทันทีที่หมัดและกระบี่ปะทะกันเข้า ก็เกิดเป็นแสงสีทองสุกสว่าง ปะทะเข้ากับพลังปราณจากกระบี่ของหลิงหยุนอย่างรุนแรง
  ‘ไม่น่าเชื่อ..เจ้าเด็กนี่ไม่เกรงกลัวกระบี่เพลิงสวรรค์ของข้าจริงๆงั้นรึ’
  หลังจากปะทะกันไปได้สิบกว่าดาบหลิงหยุนจึงได้ค้นพบว่ากระบี่ของตนไม่สามารถทำอะไรหลงเทียนฟางได้ เขาจึงไม่ต้องการเสียเวลาอีก แต่ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปที่มังกรทั้งห้าตัวที่เหลือทันที!
  ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ..   หลิงหยุนพุ่งร่างเข้าหามังกรอีกหนึ่งตัวแล้วจัดการใช้กระบี่ในมือกระหน่ำฟันลงไปที่ร่างของมันอีกราวสิบกว่าดาบ และร่างของมังกรก็ได้ขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆทันที!
  หลังจากที่หลิงหยุนทำลายมังกรตัวนี้ไปแล้วกระบี่กังฉีก็ว่างจากคู่ต่อสู้ หลิงหยุนจึงใช้พลังจิตของตนควบคุมให้พุ่งตรงเข้าเล่นงานหลงเทียนฟางทันที!
  หลงเทียนฟางถอยหลบกระบี่กังฉีของหลิงหยุนอย่างว่องไวแล้วจึงปลดปล่อยมังกรออกมาใหม่ให้พุ่งตรงเข้ารัดกระบี่กังฉีไว้ทันที!
  ‘ดูเหมือนว่าหลงเทียนฟางจะสามารถปลดปล่อยมังกรได้ไม่เกินหกตัวเท่านั้นนี่คงจะเป็นวิชาบัญชามังกรยู่วหลงเจี๋วยของตระกูลหลงสินะ’
  หลิงหยุนรู้สึกว่ามังกรของหลงเทียนฟางกับกระบี่เหินของเขานั้น แข็งแกร่งไม่แพ้กัน และหาใช่รับมือได้ง่ายๆ และหากเปลี่ยนจากหลิงหยุนเป็นหวังชงเซียวซึ่งอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับหก ย่อมสามารถรับมือกับมังกรของหลงเทียนเฟิงได้คราละสองตัวเท่านั้น
  นั่นหมายความว่าหากหลงเทียนเฟิงปลดปล่อยมังกรออกมาหกตัวพร้อมกันเช่นนี้ หวังชงเซียวย่อมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
  จะตำหนิตระกูลหลงว่าเหิมเกริมก็ไม่ถูกนักเพราะด้วยความแข็งแกร่งของหวังเทียนฟางเพียงผู้เดียวในเวลานี้ ก็นับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
  “ฮ่าๆๆหลงเทียนฟาง! ฝีมือของเจ้ามีเท่านี้รึ หรือรู้จักใช้แต่มังกรกระจอกๆไม่กี่ตัวมาสู้กับข้า!!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนเย้ยหยันหลงเทียนฟางในระหว่างที่กำลังทำลายมังกรของเขาอยู่!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด