Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1391 พบเหลียงเฟิงอี้

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1391 พบเหลียงเฟิงอี้ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 1391 : พบเหลียงเฟิงอี้
  ท่านหมอเสี่ยวซาบซึ้งในน้ำใจของหลิงหยุนยิ่งนักเพราะสิ่งที่หลิงหยุนทำให้กับเขาและเหมี่ยวเฟิงหวงนั้นยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ลดอายุลงไปได้อีกหลายสิบปี นั่นไม่เท่ากับว่าได้กลับไปใช้ชีวิตในช่วงวัยกลางคนอีกครั้งหรอกหรือ
  แต่แล้วจู่ๆท่านหมอเสี่ยวก็ลุกขึ้นยืนและทำการรินชาใส่แก้ว ก่อนถือถ้วยชาหันไปทางหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “หลิงหยุนเสี่ยวเจิ้งจี๋ขอใช้ชาถ้วยนี้แสดงความขอบคุณต่อเจ้า..”
  หลิงหยุนถึงกับต้องผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วพร้อมกับปฏิเสธเสียงดัง “ท่านปู่เสี่ยว ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้ ข้าจะกล้าดื่มชาถ้วยนี้ได้อย่างไรกัน พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน..”
  ท่านหมอเสี่ยวรีบตอบกลับไปทันที“เพราะเราต่างก็เป็นคนในครอบครัวน่ะสิข้าจึงใช้เพียงชาถ้วยนี้แสดงความขอบคุณต่อเจ้า หาไม่แล้วข้าคงจะต้องคุกเข่าคาราวะเจ้าแทน..”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดแทนเสี่ยวเจิ้งจี๋ทันที“หลิงหยุน ท่านปู่ไม่รู้จะหาวิธีใดแสดงความซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้า เจ้าก็รับไปดื่มเถิด..”
  “จริงด้วยพี่หลิงหยุนท่านปู่ถือถ้วยชาไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าพี่ไม่ดื่ม ท่านปู่ต้องเสียหน้าแย่เลย..” เสี่ยวเม่ยหนิงช่วยคะยั้นคะยอ
  “หลิงหยุนในเมื่อท่านหมอเสี่ยวมีใจเช่นนี้ เจ้าก็ควรต้องดื่ม..”
  จินเหยียวเห็นว่าท่านหมอเสี่ยวดูเหมือนจะไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจแน่ จึงหันไปกดดันหลิงหยุนแทน
  “ได้ๆข้าดื่มแล้ว!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็รีบเอื้อมมือออกไปรับถ้วยชาจากท่านหมอเสี่ยว และรีบยกกระดกเข้าปากทันที  ระหว่างที่นั่งสนทนากันอยู่นั้นหลิงหยุนได้หันไปมองรอบๆสวนของท่านหมอเสี่ยว พร้อมกับบ่นพึมพำว่า ดินภายในบ้านของเขานั้นมีคุณภาพที่ไม่ดีนัก จากนั้นหลิงหยุนจึงได้ใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางทำการเผาหน้าดินให้
  เนื่องด้วยเปลวไฟห้าธาตุนั้นอุดมไปด้วยพลังชีวิตธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุดิน ธาตุไฟ และธาตุน้ำ มันจึงไม่เพียงให้แร่ธาตุกับดิน แต่ยังทำให้ดินบริเวณนั้นกลายเป็นดินที่อุดมไปด้วยพลังชีวิตด้วย หากนำไม้พรรณทั่วไปมาปลูกในดินที่อุดมด้วยพลังชีวิตนนี้ ไม้พรรณธรรมดาๆ ก็จะกลายเป็นต้นไม้พลังชีวิตด้วย..
  หลิงหยุนสังเกตเห็นท่านหมอเสี่ยวที่กำลังหยิบดินขึ้นมาดูเวลานี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากมาย จากนั้นจึงถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “หลิงหยุนเมื่อครู่มันคือไฟอะไรกันรึ”
  “เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง..มีอะไรรึท่านปู่เสี่ยว”   หลังจากที่หลิงหยุนตอบกลับไปเขาก็สังเกตเห็นว่าท่านหมอเสี่ยวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
  “หลิงหยุนเจ้าเคยได้ยินเรื่องเจ้าแม่หนี่วาหรือไม่ ตามตำนานเล่าขานกันว่า เจ้าแม่หนี่วาเป็นผู้นำศิลาห้าสีไปอุดรอยแยกของท้องฟ้า เพื่อให้ประชาชนพ้นจากความเหน็บหนาว เป็นไปได้หรือไม่ว่า…”
  หลิงหยุนถึงกับใจสั่นในขณะที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า“ท่านปู่เสี่ยว นี่ท่านกำลังจะบอกว่า ศิลาห้าสีที่เจ้าแม่หนี่วาใช้อุดรอยรั่วของท้องฟ้า ทำมาจากเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางงั้นรึ!”
  ท่านหมอเสี่ยวพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น“แม้เรื่องเล่าขานของเกี่ยวกับเจ้าแม่หนี่วาจะเป็นเพียงแค่ตำนาน แต่ศิลาห้าสีนั่นก็ดูเหมือนจะสามารถเชื่อมโยงได้กับเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางของเจ้า…”
  ท่านหมอเสี่ยวพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไปเขาได้แต่คาดเดาว่า หากเป็นดังที่ตนเองสันนิษฐาน ย่อมหมายความว่าหลิงหยุนก็อาจสามารถสร้างศิลาห้าสีขึ้นมาได้เช่นกัน ในเมื่อเวลานี้หลิงหยุนก็สามารถสร้างดินพลังชีวิตได้แล้ว หากวันหน้าขั้นพลังของเขาแข็งแกร่งกว่านี้ การจะสร้างศิลาห้าสีก็ย่อมเป็นไปได้เช่นกัน..
  และเวลานี้หลิงหยุนก็กำลังอ้าปากกว้าง..
  “ยังมีอีกหนึ่งตำนานที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้…”แววตาของท่านหมอเสี่ยวเป็นประกายขึ้นมาทันที
  “หลิงหยุนเจ้าเคยได้ยินเรื่องดินวิเศษที่พระเจ้าอวี่ใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมบ้างหรือไม่”
  “ตามตำนานเล่าว่าดินก้อนเมื่อน้ำท่วมขึ้นสูงหนึ่งฟุต ดินวิเศษก้อนนี้ก็จะสูงขึ้นอีกหนึ่งฟุต และพระเจ้าอวี่ก็ใช้ดินก้อนนี้แก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับชาวบ้าน ดินวิเศษที่ว่านี้ก็คือดินห้าธาตุเช่นกัน..”
  คราวนี้..หลิงหยุนอ้าปากกว้างยิ่งกว่าเดิม เพราะจากความหมายในคำพูดของท่านหมอเสี่ยว ด้วยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางนี้ ในวันข้างหน้าเขาก็จะสามารถสร้างดินห้าธาตุได้เช่นกัน..
  ส่วนหญิงสาวทั้งสามที่นั่งฟังกันนิ่งเงียบนั้นก็ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ในวันข้างหน้าพวกนางก็อาจมีโอกาสได้เห็นตำนานลี้ลับที่เล่าขานกันมาแต่โบร่ำโบราณ เกิดขึ้นตรงหน้าพวกนางก็เป็นได้..
  “เอาล่ะๆอย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้กันดีกว่า..”
  จากนั้นท่านหมอเสี่ยวก็หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ดูเหมือนตำนานลี้ลับที่เล่าขานกันมานับพันๆปีนั้น จะเป็นเรื่องจริง..”
  ท่านหมอเสี่ยวกำลังนึกถึงตำนานเรื่องเล่าของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดิน และเวลานี้เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า ผู้ที่ครอบครองของวิเศษทั้งสองชิ้นนี้จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากหลิงหยุน!
  “เอาล่ะๆอาหารที่ข้าสั่งให้คนจัดเตรียมน่าจะเสร็จแล้ว พวกเราเข้าไปกินข้าวเย็นด้วยกันดีกว่า..”   และหลังจากรับประทานอาหารเย็นกันจนอิ่มหนำสำราญแล้วหลิงหยุนจึงได้ขอตัวกลับ..
  ……
  หลิงหยุนจินเหยียว เหมี่ยวเสี่ยวเหมา และเสี่ยวเม่ยหนิง ออกจากบ้านของท่านหมอเสี่ยวในเวลาสองทุ่มตรง และในระหว่างทางที่เดินกลับไปยังบ้านเลขที่-1 นั้น ก็ได้มีสมาชิกใหม่ตามกลับมาด้วย
  “เสี่ยวเหมา..เจ้าดูแลทองอ้วนให้ดีด้วย! มันบินวนรบกวนข้าอยู่ตลอดเวลา หากเจ้าไม่ดูแลข้าจะตบมันให้ตายคามือเลยทีเดียว..”
  เจ้าทองอ้วนได้ยินเช่นนั้นดวงตากลมโตของมันก็ถึงกับปิดเปิดด้วยความตระหนกตกใจ และรีบบินหนีขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
  “เจ้ากล้าเหรอ!ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายทองอ้วน ข้าจะไปถล่มตึกหลิงหยุนของเจ้า!”
  “…”
  และระหว่างทางที่เดินกลับนั้นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ได้ขอให้หลิงหยุนช่วยใช้เปลวไฟห้าธาตุบ่มเพาะร่างของเจ้าทองอ้วน เพื่อให้มันแข็งแกร่งมากขึ้น แลกเปลี่ยนกับการที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ทำให้กิจการของคลินิกสามัญชนมีรายได้พุ่งสูงขึ้นถึงสิบล้านต่อวัน..
  ส่วนโรงพยาบาลที่เขาซื้อไว้และมีเหลียงเฟิงอี้เป็นผู้อำนวยการนั้น ก็สามารถทำรายได้สูงอย่างมากเช่นกัน
  จนกระทั่งเวลาสองทุ่มครึ่งทั้งสี่คนจึงกลับถึงบ้าน..
  “พี่หลิงหยุนกลับมาแล้วเหรอคะ”ฉีเสี่ยวหงส่งเสียงทักทาย และดูเหมือนเธอจะมีความสุขอย่างมาก
  เวลานี้ฉีเสี่ยวหงกับแม่ของเธอได้อาศัยอยู่ที่บ้านของเกาเฉินเฉินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหลิงหยุนัก ฉีเสี่ยวหงจึงมักมาเล่นที่บ้านของเขาอยู่บ่อยๆ และด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นเหมือนกับเสี่ยวเม่ยหนิง ทั้งคู่จึงเข้าคู่กันได้ดีประหนึ่งพี่สาวกับน้องสาวเลยทีเดียว
  หลิงหยุนเรียกขวดหยกสีเขียวที่บรรจุโอสถโฉมสะคราญและโอสถเยาว์วัยออกมาส่งให้ฉีเสี่ยวหง พร้อมกับสั่งว่า
  “หงเอ๋อ..เจ้ากลับไปบ้านเอาขวดโอสถนี้ไปให้กับแม่ของเจ้านะ บอกนางว่าให้กินโอสถสีม่วงก่อน จากนั้นค่อยกินโอสถสีขาว เจ้าเข้าใจหรือไม่”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้หันไปสั่งโม่วู๋เตาให้ตามหงเอ๋อไปที่บ้าน และรอจนกว่าแม่ของนางจะกินโอสถทั้งสองเม็ดก่อนแล้วจึงค่อยกลับมา
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เดินไปหาตี้เสี่ยวอู๋ที่กำลังฝึกวิชาอยูในสวน หลังจากถามไถ่ทุกข์สุขของแม่เขาแล้ว หลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า
  “พรุ่งนี้ดึกหรือไม่ก็วันมะรืน พวกเราคงต้องออกจากจิงฉูแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือนี้เจ้าหยุดฝึกฝนวิชาก่อน แล้วกลับไปอยู่กับแม่ของเจ้า..”
  หลิงหยุนยื่นขวดโอสถให้กับตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับกำชับว่า“เจ้านำโอสถสองเม็ดนี้ไปให้ท่านป้ากินในคืนนี้..”   “แต่..พี่หยุน.. โอสถนี่แพงเกินไป ข้า..” ตี้เสี่ยวอู๋ร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ
  “เจ้าพูดถึงมูลค่าทำไมกันพวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึ?” หลิงหยุนพูดขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่ตี้เสี่ยวอู๋
  “รีบไปได้แล้ว!”
  หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋กลับไปแล้วเขาก็เดินไปที่สวนสมุนไพรพลังชีวิตของตนเอง จากนั้นจึงเริ่มใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางของตน บ่มเพาะดินบริเวณนั้นให้กลายเป็นผืนดินแห่งพลังชีวิต..
  “อืมม..เวลานี้บ้านเลขที่-1 ของข้าไม่ต่างจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว!”
  …..
  ในคืนเดียวกันนั้นหลังจากจัดการเรื่องที่ควรทำแล้ว หลิงหยุนก็เหาะไปที่คลินิกสามัญชน..
  “หลิงหยุนคลินิกงั้นรึ!”   หลิงหยุนพึมพำออกมาเมื่อสังเกตเห็นป้ายชื่อใหม่ที่แขวนอยู่ข้างกำแพง“หรือเหยาลู่จะทำการเปลี่ยนชื่อคลินิกใหม่”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เหาะกลับไปที่โรงพยาบาลที่ตนเองซื้อกิจการไว้ และพบว่าโรงพยาบาลก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘โรงพยาบาลหลิงหยุน’ ด้วยเช่นกัน!
  ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนเหาะไปดูกิจการต่างๆในจิงฉูที่ตนเองซื้อไว้ ทุกแห่งล้วนเปลี่ยนเป็นชื่อของเขาจนหมด ไม่ว่าจะเป็นหลิงหยุนซุปเปอร์มาร์เก็ต หลิงหยุนฟาร์มาซี โรงภาพยนต์หลิงหยุน…
  หลิงหยุนได้แต่พึมพำออกมา“นี่ทุกคนนำชื่อของข้าไปเป็นชื่อร้านกันหมดเลยรึ! เฮ้อ.. ต่อไปจะไม่นำชื่อของข้าไปเป็นชื่อสินค้าด้วยหรอกรึ?!”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้กลับไปแวะทักทายเหลียงเฟิงอี้ที่โรงพยาบาลแลภายใต้จินหยั่งรู้ของเขา เหลียงเฟิงอี้กำลังนั่งก้มหน้าก้มหน้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์  ก๊อก..ก๊อก..
  “เข้ามาได้!”
  เหลียงเฟิงอี้ที่สวมเสื้อกราวน์สีขาวและกำลังก้มหน้าก้มตาหาข้อมูลอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ร้องตะโกนบอกไป
  “มีอะไร”เหลียงเฟิงอี้เอ่ยถามโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เมื่อรออยู่นานยังไม่มีคำตอบ เธอจึงได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วก็ถึงกับตกตะลึง..
  “นี่..นี่เธอมาทำอะไรที่นี่”
  นับตั้งแต่ที่เหลียงเฟิงอี้เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้เธอก็ทุ่มเททำงานอย่างหนัก รับผิดชอบตั้งแต่เรื่องการจัดซื้อยาและอุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงคัดเลือกหมอและพยาบาลที่จะมาทำงานโรงพยาบาลแห่งนี้
  เรียกได้ว่าเหลียงเฟิงอี้นั้นมีงานยุ่มากจนแทบจะกินและนอนอยู่ในโรงพยาบาลเลยทีเดียว เหลียงเฟิงอี้เอาแต่ทำงานจนไม่รู้ว่าหลิงหยุนกลับมาจิงฉูแล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อจู่ๆ หลิงหยุนมาปรากฏตัวตรงหน้าเธอจึงได้ตกใจอย่างมาก
  “เจ้าของโรงพยาบาลมาตรวจงาน..เหตุผลนี้พอใช้ได้หรือไม่” หลิงหยุนตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง..
  “อ่อ..ได้ๆ ยินดีต้อนรับเจ้านาย!” เหลียงเฟิงอี้ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมถามหลิงหยุนกลับไปว่า
  “ไม่ทราบว่าเจ้านายพอใจผลงานของฉันมั๊ยคะ!”
  “เอิ่ม..พอใจ พอใจมาก! คุณหมอคนสวยทุ่มเททำงานหนักทีเดียว!” หลิงหยุนตอบกลับพร้อมกับนึกชื่นชมความทุ่มเทในการทำงานของเหลียงเฟิงอี้
  “เจ้านาย..ฉันได้ยินจากฉางหลิงว่า คุณไม่เคยเข้าเรียนเลยตั้งแต่ไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยหยานจิง!”
  “ด้วยความสามารถทางการแพทย์ของข้าเจ้าคิดว่าข้ายังต้องไปนั่งเรียนอีกงั้นรึ” หลิงหยุนถามกลับ..
  “…”เหลียงเฟิงอี้ได้แต่อึ้งไป
  “ข้ากลับมาจิงฉูครั้งนี้มีเวลาไม่มากนักข้ามาพบเจ้าวันนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับเจ้าสองเรื่อง” หลิงหยุนพูดตรงเข้าประเด็นทันที
  “เรื่องแรก..ข้ามาเพื่อมอบรางวัลจากการทุ่มเททำงานให้กับเจ้า กำไรครึ่งปีของทางโรงพยาบาลทั้งหมดเป็นของเจ้า”
  “อ่อ..เจ้าห้ามต่อรองเรื่องนี้กับข้า เพราะหากเจ้าไม่รับ ข้าก็จะสั่งปิดโรงพยาบาลแห่งนี้ทันที”
  หลิงหยุนมั่นใจว่าเหลียงเฟิงอี้จะไม่ยอมรับรางวัลที่เขาให้อย่างแน่นอนเพราะกำไรครึ่งปีหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็เป็นจำนวนเงินหลายพันล้านเลยทีเดียว เขาจึงได้คิดหาวิธีจัดการกับเหลียงเฟิงอี้มาก่อนแล้ว
  เหลียงเฟิงอี้ได้แต่กัดฟันและทำเสียงไม่พอใจ “นี่เธอ…”  หลิงหยุนไม่สนใจเขาหยิบโอสถโฉมสะคราญ และโอสถเยาว์วัยออกมายื่นให้กับเหลียงเฟิงอี้..
  “นี่มันยาอะไรกัน!”
  เหลียงเฟิงอี้มองยาทั้งสองเม็ดในมือของหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นด้วยความงุนงง
  “ยาพิษ..เจ้าจะกินหรือไม่กิน”
  “ฉันไม่ได้โง่นะ!”
  ระหว่างที่เหลียงเฟิงอี้อ้าปากพูดนั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตของตนเอง ควบคุมโอสถเยาว์วัยสีม่วงให้ลอยเข้าไปในปากของนาง
  เพียงแค่ครึ่งนาที..เหลียงเฟิงอี้กลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทันที
  “กระจกอยู่ด้านหลังของเจ้า!”
  และเวลานี้เหลียงเฟิงอี้ก็ได้กลายเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดเท่านั้น เธอถึงกับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก และเพิ่งรู้เหตุผลที่ท่านหมอเสี่ยวดูหนุ่มขึ้นเช่นนั้น
  หลิงหยุนยื่นโอสถโฉมสะคราญเม็ดสีขาวให้กับเหลียงเฟิงอี้พร้อมกับบอกไปว่า“นี่คือโอสถโฉมสะคราญ เจ้าลองดู!”
  และเหลียงเฟิงอี้ก็ไม่ลังเลหลังจากกลืนโอสถโฉมสะคราญเข้าไปไม่ถึงครึ่งนาที เธอก็พบความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และหันมามองหลิงหยุนด้วยความงุนงง
  “เฟิงอี้..เวลานี้ข้ามีเงินทองมากมาย เจ้าไม่ควรทำงานหนักเช่นนี้อีก หาวันหยุดให้กับตัวเอง และพักผ่อนบ้าง..”
  “ข้าไปก่อนล่ะ..”
  จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็หายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด