Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1425 จัดการกับเจ้าเป็นคนแรก

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1425 จัดการกับเจ้าเป็นคนแรก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 1425 : จัดการกับเจ้าเป็นคนแรก
  เฮ่ออี้ตี๋เฮ่ออี้?
  ในที่สุดหลิงหยุนก็ได้รู้ว่าผู้คุ้มภัยแห่งสำนักกระบี่เทียนซานผู้นี้นามว่าตี๋เฮ่ออี้!
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนเค้นถามข้อมูลเกี่ยวกับสำนักกระบี่เทียนซานจากตี๋ยั่วถังนั้นเขากลับมิได้ใส่ใจคนผู้นี้นัก เพราะคิดว่าคงจะอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐานดังเช่นคนอื่นๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแท้จริงคนผู้นี้กลับเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักกระบี่เทียนซาน และพลังบ่มเพาะยังเหนือกว่าตี๋เฮ่อหมิงมาก..
  “ตี๋เฮ่ออี้ผู้นั้นพลังบ่มเพาะอยู่ในขั้นใดพวกเจ้าจงตอบข้ามา!”
  “นี่มัน..”
  ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานทั้งแปดคนที่อยู่บนยอดเขามนุษย์ต่างก็หันไปมองกระบี่สวรรค์ที่ลอยอยู่ด้วยสีหน้างุนงง ก่อนจะหันกลับไปมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง  กระบี่ไม่อาจพูดได้แต่พวกเขารู้ว่าพลังจิตของหลิงหยุนควบคุมกระบี่เล่มนี้อยู่ และเสียงของเขาก็ดังขึ้นจากกระบี่เล่มนี้..
  แต่คำถามคือ..หลิงหยุนทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
  ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานล้วนแล้วแต่เป็นมือกระบี่ทั้งสิ้นย่อมรู้ว่ากระบี่ธรรมดาทั่วไม่สามารถทำเช่นนี้ได้แน่ มีเพียงกระบี่วิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้
  แต่ผู้ที่จะสามารถควบคุมกระบี่วิญญาณได้จักต้องเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานในด่านสุดท้ายแล้วศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานต่างก็รู้ดีว่า หลิงหยุนยังอยู่ในขั้นพลังชี่เท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนี้ได้..
  เว้นแต่ว่า..หลิงหยุนจะสามารถควบคุมดวงตาค่ายกลกระบี่สวรรค์ได้
  ฉับ!
  กระบี่สวรรค์พุ่งตรงเข้าตัดศรีษะของศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานคนหนึ่งและคนอื่นๆขาดในทันที เว้นไว้เฉพาะผู้ที่กล่าวเรื่องตำนานกระบี่เปิดภูผา เพราะย่อมหมายความว่าคนผู้นี้รู้เรื่องราวของสำนักกระบี่เทียนซานเป็นอย่างดี
  “เอาล่ะ..เจ้าจะตอบข้าได้หรือยัง!”
  เสียงของหลิงหยุนดังออกมาจากกระบี่สวรรค์ที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ..
  “ด่าน..ด่านกลางขั้นก่อสร้างรากฐาน ท่านผู้เฒ่าเฮ่ออี้เก็บตนฝึกฝนวิชาอยู่นานถึงสามปี ก่อนเข้าไปเก็บตัวนั้น อาวุโสเข้าสู่ด่านกลางขั้นก่อสร้างรากฐานแล้ว!”
  “หากให้ข้าคาดเดา..เวลานี้น่าจะเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นก่อสร้างรากฐานแล้ว!”
  ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานที่เหลืออยู่หนึ่งคนรีบร้องตะโกนบอกหลิงหยุนทันที เมื่อเห็นว่าศิษย์คนอื่นๆต่างก็ถูกระบี่ตัดคอขาดอย่างน่าสยดสยอง
  “ดีมาก!ข้ามิได้ต้องการสังหารเจ้าในเวลานี้ แต่หากเจ้าคิดที่จะหนีไปล่ะก็ ข้าจะกลับมาสังหารเจ้าทันที!
  สิ้นคำพูดประโยคสุดท้ายของหลิงหยุนกระบี่สวรรค์เล่มนั้นก็หายวับไปในทันที..
  “หลอมรวมกระบี่สวรรค์ทั้งหมด!”
  เบื้องบนยอดเขาปฐพีเวลานี้หลังจากที่หลิงหยุนได้ข้อมูลเกี่ยวกับตี๋เฮ่ออี้มาแล้ว เขาก็ไม่รอช้า มือทั้งสองข้างกำด้ามกระบี่สีเขียวเข้มไว้แน่น พร้อมกับร้องตะโกนออกไปทันที
  ครืน..ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  กระบี่สวรรค์ทั้งหนึ่งร้อยแปดเล่มที่รายล้อมยอดเขาเทียนเฟิงยอดเขาปฐพี และยอดเขามนุษย์อยู่นั้น ได้ทะยานพุ่งตรงกลับมายังยอดเขาปฐพีในทันที และเวลานี้ หลิงหยุนก็อยู่ท่ามกลางกระบี่สวรรค์กว่าร้อยเล่ม
  เหนือศรีษะของหลิงหยุนเวลานี้ราวกับมีป่ากระบี่ผุดขึ้น..
  แต่ทุกอย่างมิได้จบอยู่เพียงเท่านั้นภายใต้การควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ของหลิงหยุน เวลานี้กระบี่สวรรค์ทั้งหมดได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นกระบี่เล่มใหญ่สามเล่ม
  แต่ละเล่มล้วนมีความยาวสองร้อยเมตรกว้างหนึ่งฟุต รัศมีพลังของกระบี่นั้นรุนแรงยิ่ง และปลายกระบี่ทั้งสามก็ได้ชี้ไปทางยอดเจงิชโชกูซูอย่างพร้อมเพรียง
  ถึงแม้ว่ากระบี่สวรรค์ทั้งสามเล่มจะเป็นการหลอมรวมจากกระบี่ลมปราณมากมายแต่ก็มิอาจเทียบได้กับกระบี่ฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวเล่มนั้น
  แม้ว่ากระบี่สวรรค์จะมีขนาดใหญ่มากแล้วแต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับกระบี่ฟ้าที่ย่อขนาดลงแล้ว แต่ยังมีความยาวถึงสี่ร้อยเมตร ซึ่งใหญ่กว่ากระบี่สวรรค์ของหลิงหยุนเท่าตัว
  แม้หลิงหยุนจะสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ได้แต่ค่ายกลจะแข็งแกร่งและทรงพลังมากเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับขั้นพลังบ่มเพาะและพลังจิตที่แข็งแกร่งของคนผู้นั้นด้วย และทั้งหมดนี้ก็สุดความสามารถของหลิงหยุนแล้ว เขาไม่สามารถหลอมรวมกระบี่ให้ใหญ่ไปกว่านี้ได้..   กระบี่เหินที่เกิดจากการหลอมรวมของพลังปราณเช่นนี้ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี แต่เล็กก็หาใช่ไม่มีประโยชน์ กระบี่ลมปราณที่มีขนาดเพียงแค่เข็มเล่มหนึ่ง แต่ก็สามารถแทงทะลุจุดซือไห่กลางหว่างคิ้ว หรือพุ่งทำลายจุดตันเถียนของอีกฝ่ายได้เช่นกัน
  เวลานี้หม้อเสินหนงลอยอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนในขณะที่กระบี่เล่มใหญทั้งสามลอยอยู่เบื้องหน้า เวลานี้หลิงหยุนพร้อมทั้งการตั้งรับและจู่โจม มือของเขากำด้ามกระบี่สีเขียวเข้มไว้แน่น สายตาจ้องมองออกไปบนท้องนภา
  กระบี่สวรรค์ของหลิงหยุนเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าและพลังที่ปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งยิ่งนัก ทำให้ยอดเขาปฐพีเป็นที่สะดุดตายิ่งนัก
  หิมะยังคงถล่มลงมาอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ก้อนหินผสมปนเปกับก้อนน้ำแข็งที่ถล่มลงมา และยังคงไหลลงมาสู่ผืนดินไม่หยุด เสียงดังครืนๆ คล้ายกับเสียงฟ้าร้องยังคงดังอยู่ตลอดเวลา ก้อนกรวดร่วงกราวลงราวห่าฝน
  น้ำแข็งที่เกิดจากหิมะถล่มในครั้งนี้บางก้อนมีขนาดใหญ่เท่ากับบ้าน และกลิ้งลงจากเขาสูงเรื่อยไปตามหุบเขา เสียงก้อนน้ำแข็งและก้อนหินร่วงกระแทกผืนดินและหน้าผา ดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่าตกใจ
  ในที่สุดร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนยอดเขาเจงิชโชกูซู ร่างนั้นเหาะขึ้นบนท้องนภาพร้อมกับตวัดกระบี่ในมือ ก่อนที่จะร่อนลงไปยืนอยู่บนกระบี่ฟ้าเล่มยักษ์ สายตาจับจ้องไปทางสำนักกระบี่เทียนซาน
  คนผู้นี้มีรูปร่างสูงผอมสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้าคราม ผมเผ้ายาวรุงรัง เขาเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยมิได้แยแสต่อรูปลักษณ์ของตนเอง ดวงตาคมกริบนั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนบนยอดเขาปฐพี
  เขาคือ..ตี๋เฮ่ออี้!
  ‘ดูเหมือนคนผู้นี้จะอยู่ในระดับสูงสุดด่านสุดท้ายขั้นก่อสร้างรากฐานจริงๆ!’   หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายที่พุ่งทะลวงห้วงอากาศมาและได้แต่แอบคาเดาขั้นพลังบ่มเพาะของตี๋เฮ่ออี้อยู่ในใจ
  “เจ้าโจรถ่อยหลิงหยุนเจ้าบังอาจสังหารตี๋เฮ่อหมิง มิหนำซ้ำยังทำร้ายหลานสาวของข้า สำนักกระบี่เทียนซานที่ก่อตั้งมาร่วมสามร้อยปี กลับถูกเข้าทำลายป่นปี้เช่นนี้ คืนนี้ข้าจะต้องสังหารเจ้าเป็นการล้างแค้น!”
  จิตหยั่งรู้ของตี๋เฮ่ออี้นับว่าทรงพลังยิ่งนักเขาสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในสำนักกระบี่เทียนซานได้ทั้งหมด เวลานี้จึงได้โกรธแค้นหลิงหยุนยิ่งนัก รังสีสังหารพลุ่งพล่านรุนแรง!
  “นั่นเป็นเพราะความชั่วช้าของพวกเขาต่างหากเล่าเป็นบาปกรรมที่พวกเขาต้องชดใช้!”
  แม้คู่ต่อสู้ของหลิงหยุนจะน่ากลัวและน่ายำเกรงยิ่งนักแต่หลิงหยุนกลับไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว หรือหวาดหวั่นออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังพูดจาเย้ยหยันตอบโต้กลับไปด้วย
  ฟิ้ว..
  ในเวลานั้นร่างอีกร่างก็พุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้า แล้วรีบเหาะเข้าไปหาตี๋เฮ่ออี้ในทันที ปากก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุน
  “หลิงหยุน..เจ้าสุนัขถ่อย! ข้าให้โอกาสเจ้ามอบตัวท่านแม่คืนมาให้กับพวกเรา ไม่เช่นข้าจะให้ท่านลุงหกทำให้เจ้าอยู่อย่างตายทั้งเป็นเลยทีเดียว!”
  คนผู้นี้ก็คือตี๋ชิงโหวที่เขากล้าร้องตะโกนอย่างยะโสโอหังเช่นนี้ ก็เพราะมีตี๋เฮ่ออี้อยู่ด้วยนั่นเอง
  “สุนัขริอาจกล่าววาจาอย่างเสือน่าขันสิ้นดี!”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าตี๋โฮ่วชิงผู้นี้มีนิสัยใจคอชั่วร้ายไม่ต่างจากตี๋เสี่ยวเจินผู้เป็นแม่เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนจะร้ายกาจกว่าด้วย
  “ข้าจะจัดการกับเจ้าเป็นคนแรก!”
  บูม!
  หลิงหยุนจัดการเผาเสินหยวนเต็มกำลังและเริ่มทำการควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ทันที!
  กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งผ่านท้องนภาไปอย่างรวดเร็วและกำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของตี๋ชิงโหว!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด