Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1414 หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (7)

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1414 หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (7) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 1414 : หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (7)
  หลิงหยุนทำการเผาเสินหยวนใช้พลังจิตที่แก่กล้านี้บังคับอาวุธทั้งสามชิ้นของตน ให้พุ่งทะยานเข้าจู่โจมศิษย์คุนหลุนทั้งสามอย่างรวดเร็ว
  ตราหยกจักรพรรดิขยายใหญ่กว่าเก้าเมตรน้ำหนักกว่าห้าหมื่นกิโลกรัม พุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของจ้าวหมิงถังในทันที เวลานี้จ้าวหมิงถังจึงไม่ต่างจากการถูกบีบทับด้วยเขาลูกใหญ่
  หลังจากที่หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) เวลานี้กระบี่กังฉีของเขาจึงมีความยาวกว่าหนึ่งฟุต กว้างกว่าสามนิ้วมือ และเป็นสีเทาสว่างไสว อีกทั้งยังมีความคมอย่างเหนือคนานับ มันกำลังพุ่งตรงเข้าใส่หน้าผากของศิษย์ที่อยู่ในระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐานของคุนหลุนทันทีเช่นกัน
  แม้อาวุธวิเศษทั้งสองชิ้นนั้นชิ้นหนึ่งจะมีน้ำหนักมหาศาล ส่วนอีกชิ้นก็ทั้งคมกริบและแข็งแกร่ง แต่หลิงหยุนก็รู้ว่านั่นยังไม่เพียงพอที่จะสังหารยอดฝีมือทั้งสองของคุนหลุนได้ แต่ทั้งสองก็หาใช่เป้าหมายที่แท้จริงของหลิงหยุนไม่..
  เวลานี้..หอกมังกรทองของเขา กำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างศิษย์คุนหลุนที่อยู่ในระดับเริ่มต้นขั้นก่อสร้างรากฐาน และนี่ต่างหากคือเป้าหมายจู่โจมที่แท้จริงของหลิงหยุน!
  หลิงหยุนใช้อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของตนจู่โจมศัตรูที่อ่อนแอที่สุด!
  และแน่นอนว่าจ้าวหมิงถังที่เห็นตราหยกจักรพรรดิขนาดใหญ่บดลงมาหมายขยี้ร่างของตนเช่นนั้น ก็ได้แต่ทำสีหน้าเย้ยหยันพร้อมกับซัดฝ่ามือออกไปทันที ฝ่ามือของจ้าวหมิงถังเปลี่ยนเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่มหึมา พุ่งเข้าปะทะกับตราหยกจักรพรรดิจนเกิดเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินเลยทีเดียว จากนั้นตราหยกจักรพรรดิก็ลอยละลิ่วกระเด็นออกไปไกล!
  ในขณะที่ศิษย์คุนหลุนที่อยู่ในระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐานนั้นก็หาได้รีบร้อนไม่เขาทำการเรียกระบี่เหินของตนออกมา จากนั้นกระบี่เหินและกระบี่กังฉีก็พุ่งเข้าต่อสู้กันเสียงดังอยู่กลางอากาศ แต่ก็ยังมิอาจหาผู้แพ้ผู้ชนะได้
  มีเพียงศิษย์คุนหลุนผู้มีพลังอ่อนด้อยเท่านั้นที่กำลังตกอยู่ในชะตากรรมที่น่าอนาถที่สุด..
  ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้เห็นอานุภาพของหอกมังกรทองมาแล้วเมื่อจู่ๆ หอกมังกรทองพุ่งเข้าใส่ร่างของตนเองเช่นนี้ เขาจึงรีบส่งกระบี่เหินออกไปสะกัดไว้ในทันที แต่ช่างน่าเสียดาย แม้พลังจิตของเขาจะแข็งแกร่งยิ่ง แต่กระบี่เหินของเขาก็ไม่สามารถต้านทานหอกมังกรทองหลิงหยุนได้
  หลิงหยุนแสยะยิ้มและใช้พลังจิตของตนควบคุมหอกมังกรทองที่เปล่งประกายสีทองสุกสว่างนั้น พุ่งเข้าใส่ร่างของศิษย์คุนหลุนอย่างรวดเร็ว!
  และเพียงแค่ชั่วพริบตาหอกมังกรทองของหลิงหยุนก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของเหวียนถง!
  “ไม่นะ!เหวียนถง เจ้ารีบถอยหนีเร็วเข้า!”
  จ้าวหมิงถังเห็นศิษย์น้องเหวียนถงซึ่งอยู่ในระดับเริ่มต้นขั้นก่อสร้างรากฐานไม่สามารถต้านทานหอกมังกรทองของหลิงหยุนได้ เขาก็ถึงกับตกอกตกใจอย่างมาก แต่เพราะเขาเองก็ต้องรับมือกับตราหยกจักรพรรดิ จึงทำได้เพียงแค่ร้องเตือนศิษย์น้องให้ถอยหนีออกไปเท่านั้น
  ต่อให้จ้าวหมิงถังไม่ร้องเตือนเหวียนถงก็รู้ดีว่า ตนเองนั้นมิอาจสะกัดกั้นหอกมังกรทองของหลิงหยุนได้ เขาจึงได้แต่กัดฟันสร้างโล่ลมปราณทรงกลมขึ้นปกป้องร่างกายของตนเองไว้แทน ในขณะเดียวกันก็เหาะถอยร่นหนีออกไปด้วย..
  ในเมื่อเป้าหมายของหลิงหยุนคือเหวียนถงมีหรือที่เขาจะยอมรามือง่ายๆ เขาใช้พลังจิตของตนบังคับหอกมังกรทองให้พุ่งกระแทกเข้าใส่โล่ป้องกันของอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว และรุนแรง เขาทำอยู่เช่นนั้นหลายครั้ง จนกระทั่งในที่สุดหอกมังกรทองก็สามารถแทงทะลุโล่ลมปราณของเหวียนถงได้ และแทงทะลุเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายและขวาของเหวียนถงจนกลายเป็นรู และมีโลหิตไหลนอง
  “โอ๊ย..”
  เหวียนถงร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดและร่างของเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
  “หึ..ศิษย์คุนหลุนขั้นก่อสร้างรากฐาน มีดีเท่านี้เองรึ!”
  หลิงหยุนพูดจาเย้ยหยันออกมาแต่ก็ชะลอการจู่โจมเหวียนถงไว้เพียงเท่านั้น จากนั้นทั้งหอกมังกรทอง และกระบี่กังฉีของหลิงหยุน ก็เปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าใส่ร่างของศิษย์คุนหลุนระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐานแทน
  “หลิงหยุนเจ้าบังอาจนัก!”
  จ้าวหมิงถังเห็นหลิงหยุนกล้าทำร้ายเหวียนถงจนบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าตนเองเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เขาจึงปลดปล่อยกระบี่เหินของตนพุ่งออกไปสะกัดกั้นหอกมังกรทองของหลิงหยุนไว้ทันที
  บูม!
  ต้องบอกว่าหอกมังกรทองของหลิงหยุนกับกระบี่เหินของจ้าวหมิงถังนั้นนับว่ารวดเร็วไม่แพ้กัน เพียงแค่พริบตาเดียวก็พุ่งปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
  “เหวียนถงเจ้ารีบมาอยู่ข้างข้า!”
  เมื่อครู่หลิงหยุนแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความสามารถที่จะสังหารเหวียนถงได้ จ้าวหมิงถังจึงต้องเรียกให้เขามาอยู่ข้างๆตนโดยเร็ว เพื่อที่จะสามารถปกป้องคุ้มครองเขาได้
  เหวียนถงรีบเหาะไปหาจ้าวหมิงถังทันทีใบหน้าของเขาซีดขาวด้วยความสะพรึงกลัว พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า
  “ศิษย์พี่หอกมังกรทองของมันช่างมีอานุภาพแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ!”
  “อืมม..”
  จ้าวหมิงถังพยักหน้ารับรู้แต่แท้จริงภายในใจนั้นกลับมีความรู้สึกหนักใจปรากฏขึ้น
  จากคำบอกเล่าของจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนนั้นทั้งคู่ต่างก็พูดถึงกระบี่หยางบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งของหลิงหยุน แต่จนถึงตอนนี้ หลิงหยุนยังมิได้ใช้กระบี่หยางที่ว่านี้เลย แต่กลับสามารถทำให้หลายคนได้รับบาดเจ็บไปมาก เช่นนี้แล้วในตระกูลหลิงจะมีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งอยู่มากมายเพียงใดกัน
  จ้าวหมิงถังยากที่จะยอมรับความจริงข้อนี้ได้..
  นั่นเพราะก่อนหน้านี้เพียงแค่หกวันหลิงหยุนสามารถใช้กระบี่หยางบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งทำร้ายจางคุนหลุนกับหลี่คุนหลุน แต่ผ่านมาเพียงแค่หกวัน หลิงหยุนกลับสามารถใช้เพียงแค่หอกมังกรทอทำร้ายศิษย์คุนหลุนขั้นก่อสร้างรากฐานได้..   ‘ดูเหมือนคนตระกูลหลิงจะแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคาดคิดไปมาก!’
  จ้าวหมิงถังแอบครุ่นคิดอยู่ภายในใจเงียบๆพร้อมกับจ้องมองไปยังค่ายกลวราหก..
  แม้จะดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ยาวนานแต่ความจริงแล้ว ตั้งแต่ที่หลิงหยุนเริ่มลงมือจู่โจมศิษย์ทั้งสามของคุนหลุนมาจนถึงตอนนี้ ก็กินเวลาไปเพียงแค่เจ็ดหรือแปดวินาทีเท่านั้น
  หลังจากที่บรรลุเป้าหมายหลิงหยุนก็หยุดจู่โจม และเรียกอาวุธวิเศษทั้งสามของตนกลับมาทันที
  หลิงหยุนมิได้มีจุดประสงค์ที่จะต้องสังหารผู้ใดในเวลานี้เขาเพียงแค่ต้องการเปิดทางให้เย่ซิงเฉินเข้ามาที่นี่เท่านั้น
  หลิงหยุนรู้ว่าเย่ซิงเฉินกำลังมาหาตนเองและเวลานี้นางก็ได้สร้างความปั่นป่วนโกลาหลให้เกิดขึ้นไปทั่วทั้งเขาปฐพี จุดประสงค์ของนางคือต้องการกำจัดศัตรู และลดความกดดันให้กับเขา จากนั้นจึงจะค่อยหาโอกาสมาสมทบกับเขาที่นี่
  แต่เนื่องจากที่นี่ก็มีศิษย์คุนหลุนทั้งสามคอยปกป้องอยู่และทั้งสามคนก็มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสะกัดกั้นเย่ซิงเฉินได้ ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจำต้องจู่โจมพวกมันทั้งสามคน เพื่อเปิดช่องให้เย่ซิงเฉินบุกเข้ามาที่นี่ได้ง่ายดายขึ้น เวลานี้ในเมื่อเป้าหมายของเขาบรรลุแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจู่โจมฝ่ายตรงข้ามอีก
  ภายในค่ายกลวราหกเวลานี้หลิงหยุนยืนถือกระบี่โลหิตเทวะตระหง่าน และคอยคุ้มครองปกป้องฉินจิวยื่อ ในขณะเดียวกันก็สายตาก็จัอบจ้องไปทางเขาปฐพี และเอาใจช่วยเย่ซิงเฉินอยู่เงียบๆ
  หลิงหยุนรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่ซิงเฉินดีหากนางใช้พลังทั้งหมดที่มี ย่อมต้องสามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้เลยทีเดียว แต่คงมิอาจสังหารพวกมันได้ ..
  แต่เวลานี้ศิษย์คุนหลุนที่ไปช่วยยังเขาปฐพีนั้นอยู่ในระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐาน รวมทั้งเจ้าสำนักกระบี่เทียนซานตี๋เฮ่อหมิงซึ่งอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐานเช่นกัน มีสองยอดฝีมือสะกัดกั้นไว้เช่นนี้ หลิงหยุนเองก็กังวลว่าระยะทางสิบกว่ากิโลเมตรนี้ เย่ซิงเฉินจะสามารถฝ่าด่านเข้ามาที่ยอดเขาเทียนเฟิงพบเขาได้หรือไม่
  ……
  ณยอดเขาปฐพี!
  หลังจากที่เย่ซิงเฉินสังหารผู้อารักขาทั้งสองของสำนักกระบี่เทียนซานไปแล้วนางก็เหาะตรงไปยังเรือนทำการของสำนักกระบี่เทียนซานที่อยู่ไกลออกไปเพียงหนึ่งกิโลเมตร ระหว่างทางก็ได้ใช้ดาบมารคู่สะบั้นเทวะสังหารศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานไปอีกราวเจ็ดถึงแปดคน จากนั้นจึงบุกเข้าไปยังแท่นสักการะของสำนัก
  จากนั้นเย่ซิงเฉินก็ไม่รอช้าและเริ่มลงมือทุบทำลายเรือนทำการของสำนักกระบี่เทียนซานทันที!   บรรดาศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานต่างก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่ซิงเฉินแล้วจึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปขัดขวางนางอีก และได้แต่พากันวิ่งหนีเอาตัวรอด
  เย่ซิงเฉินเองก็มิได้ไล่ล่าตามออกไปแต่กลับบังคับดาบคู่มารสะบั้นเทวะ และดวงดาวขนาดครึ่งเมตรทั้งเจ็ดดวง ฟันและทุบทำลายเสาค้ำยันเรือนทำการ และบริเวณโดยรอบ จนกระทั่งล้มระเนระนาด ฝุ่นกระจายคละคลุ้งไปหมด
  เย่ซิงเฉินตั้งใจว่าหลังจากถล่มที่นี่จนราบเป็นหน้ากองแล้ว นางก็จะเหาะไปหาหลิงหยุนที่ยอดเขาเทียนเฟิง..
  “นางมารน้อยผู้นี้ช่างรนหาที่ตายนัก!”
  ในระหว่างที่เย่ซิงเฉินกำลังจะเหาะออกจากห้องโถงของสำนักกระบี่เทียนซานนั้นศิษย์คุนหลุนนามหลัวหย่งฉีก็มาถึงพอดี หลัวหย่งฉีร้องตะโกนออกมาตั้งแต่ระยะทางสองพันเมตร และบังคับกระบี่เหินให้พุ่งเข้าใส่ร่างของเย่ซิงเฉิน  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงโลหะสองชนิดกระทบกันกระบี่เหินปะทะกับดาบคู่มารสะบั้นเทวะของเย่ซิงเฉิน..
  ดาบคู่ของเย่ซิงเฉินถูกกระบี่เหินของอีกฝ่ายจู่โจมและดูเหมือนจะไม่อาจต้านทานต่อไปได้ นางจึงทำการกระตุ้นดวงดาวทั้งเจ็ดให้พุ่งเข้าสะกัดกั้นกระบี่เหินของหลัวหย่งฉีแทน
  หลัวหย่งฉีอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐานแน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งกว่าเย่ซิงเฉิน จึงสามารถจัดการกับนางได้ไม่ยาก
  กระบี่เหินของหลัวหย่งฉีพุ่งเข้าฟันใส่ดวงดาวทั้งเจ็ดของเย่ซิงเฉินทันทีและดวงดาวทั้งเจ็ดก็ถูกกระบี่เหินฟันจนแตกสลายทีละดวง การแตกสลายของดวงดาวนั้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อจุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินโดยตรง
  เย่ซิงเฉินรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวหย่งฉีจึงกระโดดพุ่งไปข้างหน้าเพื่อที่จะหนีไป..
  ชัวะ..   แต่แล้วกระบี่เหินยาวกว่าครึ่งเมตรและกว้างราวสองฟุต ก็ได้พุ่งเข้ามาขวางหน้าเย่ซิงเฉินไว้ และยังแทงเข้าใส่ร่างของนางด้วย
  “นางมารน้อยเจ้าบังอาจทำลายสำนักดาบสวรรค์ของข้า ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าเอง!”
  หลังจากที่ตี๋เฮ่อหมิงเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจและพบว่าเย่ซิงเฉินได้ทุบทำลายเรือนทำการของสำนักกระบี่เทียนซานเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก
  “พวกเจ้าล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าข้าทั้งสิ้นแต่กลับรุมข่มเหงข้าเช่นนี้ ข้าจะให้สามีจัดการกับพวกเจ้าในคราวหลัง!”
  ระหว่างนั้นเย่ซิงเฉินก็ได้ปลดปล่อยพายุดวงดาวออกมาหอบพาร่างของตนพุ่งทะยานขึ้นสู่ดวงจันทรา หลบหนีออกไป และมุ่งหน้าสู่ยอดเขาเทียนเฟิงในทันที
  พายุดวงดาวหอบเอาร่างของเย่ซิงเฉินไปด้วยความเร็วที่มากกว่าความเร็วเสียงถึงห้าเท่า และเพียงแค่พริบตาเดียว ยอดเขาเทียนเฟิงก็อยู่ห่างจากนางไปเพียงแค่สิบกิโลเมตรเท่านั้น..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด