Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1268 เปลี่ยนเป็นหญิงสาวอ่อนเยาว

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1268 เปลี่ยนเป็นหญิงสาวอ่อนเยาว อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  “ห๊ะ”
  ทันทีที่จินเหยียวกลืนโอสถเยาว์วัยลงไปแต่ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที นางเริ่มรู้สึกว่าตนเองนั้นอ่อนเยาว์ลงเรื่อยๆ มันเป็นความรู้สึกประหลาดใจที่เซลต่างๆภายในร่างกายเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
  จากนั้นนางก็สังเกตเห็นสีหน้าตกอกตกใจของโม่วู๋เตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลิงหยุน ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าโดนหลิงหยุนหลอกให้เป็นหนูทดลองยาไปแล้ว..
  ท่ามกลางความตกใจสิ่งแรกที่จินเหยียวทำคือเรียกกระจกออกมาจากแหวนพื้นที่ของตนทันที และเมื่อได้เห็นภาพของตนในกระจก นางก็ถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น!
  “เด็กเจ้าเล่ห์!ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
  ในเวลานั้นเองจินเหยียวจึงพุ่งตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเงื้อมือขึ้นจะตีเขา  “ท่านน้าจินเหยียวข้าผิดไปแล้ว!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนเสียงหลงพร้อมกับวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วในขณะที่จินเหยียวก็วิ่งไล่ตามทั้งคู่วิ่งวนอยู่รอบสวนปล่อยให้โม่วู๋เตายืนดูด้วยความงุนงง
  “ผิวพรรณที่เหี่ยวย่นสามารถฟื้นฟูกลับมาเต่งตึงได้จริงๆรึนี่เป็นไปได้ยังไงกัน?!”
  โม่วู๋เตาปากสั่นด้วยความตื่นเต้นตกใจในขณะเดียวกันก็กำลังนึกถึงมูลค่าของโอสถทั้งสองขนานนั้น..
  “ท่านพี่หยุนขอให้ข้าอย่างละสองขวด.. ไม่สิ อย่างละยี่สิบขวด!”
  โม่วู๋เตายืนนิ่งพร้อมกับร้องตะโกนออกไปเสียงดัง..
  “เกิดอะไรขึ้นนี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”
  เหล่าสมาชิกในบ้านตระกูลหลิงต่างก็ตกอกตกใจกับเสียงกรีดร้องของจินเหยียวจนต้องพากันวิ่งกรูออกมาดู
  “ดูเหมือนน้าจินเหยียวจะกำลังเล่นไล่จับกับหลิงหยุนอยู่..”
  “ไล่จับอะไรกันเล่าพวกเขาสองคนกำลังต่อสู้กันต่างหาก เป็นไปได้ยังไง?!”
  “จริงด้วย!พวกเรารีบไปดูกันดีกว่า”
  หลิงหยุนถูกจินเหยียวไล่ล่าไปทั่วทั้งบ้านอย่างรวดเร็วเขาคิดไม่ถึงว่าจินเหยียวผู้อ่อนโยนเวลาโกรธจะดูน่ากลัวถึงเพียงนี้!
  ในเวลานั้นหลิงหยุนเริ่มจะคิดได้และจากนี้ไปคงไม่กล้าที่จะยั่วโมโหคนรอบๆตัวเช่นนี้อีก!
  “เด็กเจ้าเล่ห์!เจ้าหยุดวิ่งหนีข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าบอกให้หยุด!”
  เวลานี้จินเหยียวไม่ต่างจากสิงห์โตตัวเมียที่กำลังโกรธเกรี้ยวจนขนพองไปทั่วทั้งร่างและกำลังใช้วิชาเงาลวงตาไล่ล่าตามหลิงหยุนไปอย่างไม่ยอมแพ้
  แต่ถึงแม้วิชาตัวเบาของจินเหยียวจะเร็วมากก็ตามแต่หลิงหยุนย่อมต้องเร็วกว่าเป็นแน่
  “ท่านน้าจินเหยียวท่านต้องรับปากจะไม่ตีข้าก่อน ข้าจึงจะหยุดวิ่ง!”
  หลิงหยุนวิ่งไปร้องตะโกนไปแต่ก็ยังไม่กล้าหยุดเพราะรู้ว่าหากปล่อยให้จินเหยียวจับตัวได้ เขาไม่มีทางรอดแน่ๆ
  แต่เวลานี้ไม่ใช่จินเหยียวเท่านั้นที่วิ่งไล่หลิงหยุนแต่ด้านหลังจินเเหยียวยังมีโม่วู๋เตาที่วิ่งไล่ตามไปอีกหนึ่งคน พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
  “ท่านพี่หยุนขอโอสถให้ข้าด้วย.. ขอโอสถให้ข้าด้วย..”
  หลิงลี่กับหลิงเสี่ยวได้แต่ยืนมองทั้งสามคนวิ่งไล่กันรอบบ้านอยู่เช่นนั้นในที่สุดหลิงเสี่ยวก็กระโดดเข้าไปขวางจินเหยียวไว้พร้อมกับร้องถามออกไป
  “น้องจินเหยียวนี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ หลิงหยุนไปทำอะไรให้เจ้าโกรธมากมายถึงเพียงนี้รึ? บอกข้ามา ข้าจะจัดการกับเขาให้เอง ห๊ะ?!”
  “จินเหยียวนี่เจ้า..”   ทันทีที่เห็นใบหน้าจินเหยียวชัดเจนหลิงเสี่ยวก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เขาแทบทรุดลงกับพื้นทันที!
  “พี่หลิงเสี่ยวท่านต้องจัดการกับลูกชายตัวดีของท่านให้ข้าด้วย!”
  จินเหยียวยกมือขึ้นชี้ไปทางหลิงหยุนที่ซ่อนตัวอยู่ไกลพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
  “เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นั่นบังอาจหลอกข้า!”
  “โอ้ว..เหตุใดน้าจินเหยียวจึงกลายเป็นเด็กสาวเช่นนี้ไปได้”
  “จริงด้วย!”
  เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็พากันร้องอุทานออกมาเสียงดังและแทบไม่อยากเชื่อสายตัวเอง
  เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนเช่นนี้จินเหยียวก็ยิ่งโกรธมากขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นใด
  แต่ความจริงแล้วการได้กลับมามีผิวพรรณและใบหน้าที่อ่อนเยาว์เช่นนี้ มีหรือที่หญิงใดจะไม่มีความสุข ความโกรธของจินเหยียวจึงเป็นเพียงแค่อาการที่แสดงออกเพื่อปกปิดความดีใจไว้ต่างหาก..
  หลังจากที่หลิงเสี่ยวหายตกใจจึงรีบบอกกับจินเหยียวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“น้องจินเหยียว เจ้าเปลี่ยนเป็นเด็กสาวอ่อนเยาว์เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว เจ้าควรต้องดีใจจึงจะถูก..”
  หลิงเสี่ยวเข้าใจจินเหยียวดีจึงรู้ว่าแท้จริงนางเองก็มีความสุขไม่น้อย เพียงแต่ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันต่างหาก..
  หลิงลี่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่แอบคิดในใจว่า‘เจ้าเด็กนี่นำเรื่องมหัศจรรย์มาให้ตระกูลหลิงไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ!’
  “ท่านผู้เฒ่าหลิงหลิงหยุนหลอกให้ข้ากลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไป ท่านต้องจัดการเรื่องนี้ให้ข้าด้วย!”
  “หึ..เจ้าเด็กคนนี้นับวันยิ่งไร้มารยาท ข้าจะลงโทษเขาไม่ให้กินข้าวเป็นเวลาสิบวัน!” หลิงเสี่ยวแสร้งทำเป็นโกรธ และร้องตะโกนออกไปด้วยเสียงดุดัน
  “ไม่ได้!”
  ยังไม่ทันที่หลิงเสี่ยวจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำเสียงของจินเหยียวก็ดังสวนขึ้นมา
  “เขาไม่ได้กินข้าวสิบวันมิต้องตายไปก่อนรึ!”
  “ถ้าเช่นนั้นก็แปดวัน!ห้าวัน.. สามวัน..”
  แต่จินเหยียวกลับตอบมาว่า“ทำโทษเขาไม่ให้กินข้าวเย็นวันนี้วันเดียวก็พอ!”
  จากนั้นจินเหยียวก็กระโดดหายกลับเข้าไปในบ้านของตนเองและซุกตัวอยู่ในนั้นไม่ออกมาอีกเลย
  แต่เมื่อกลับเข้าไปในบ้านนางก็รีบเรียกกระจกออกมาส่องดูใบหน้าของตนพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอยู่ข้างหู
  –ท่านน้าจินเหยียวนี่เป็นการตอบแทนบุณคุณที่ท่านต้องลำบากเพื่อข้ามานานถึงสิบแปดปี..-
  น้ำตาของจินเหยียวไหลอาบแก้ม..
  ……
  “เอาล่ะทุกคนแยกย้ายไปทำงานของตัวเองได้แล้ว!”
  หลังจากที่จินเหยียวกลับเข้าไปหลิงลี่จึงไล่ทุกคนกลับไปเช่นกันพร้อมกับกำชับว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ห้ามนำออกไปแพร่งพรายก่อนได้รับอนุญาตจากข้า ใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษตามกฏตระกูลหลิง!”
  “ลูกสาม..จัดการดูแลลูกชายของเจ้าด้วย!”
  แต่เมื่อทุกคนกลับออกไปแล้วหลิงลี่ก็ไม่ลืมที่จะไปกระซิบกับหลิงหยุนว่า “หลานรัก เจ้าอย่าลืมของปู่ด้วยล่ะ!”
  หลิงหยุนยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับไปว่า“ท่านปู่อย่าได้กังวลใจไป ข้าเตรียมไว้ให้ท่านแล้ว!”   “หลิงหยุนเสร็จแล้วตามข้าเข้าไปที่บ้าน!”
  หลิงเสี่ยวร้องบอกหลิงหยุนจากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงหยุนเองก็เดินตามหลิงเสี่ยวไปที่บ้านทันที แต่เมื่อเข้าไปภายในบ้าน เขาก็รีบร้องถามขึ้นด้วยความสนอกสนใจ
  “หลิงหยุนมันคือโอสถอะไรกัน”
  “มันคือโอสถโฉมสะคราญกับโอสถเยาว์วัยเป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูง ผลของมันนั้นก็อย่างที่ท่านเห็น ฮ่า.. ฮ่า..”
  เมื่อสังเกตเห็นว่าต่งยั่งหลานไม่อยู่บ้านหลิงหยุนจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านป้าต่งไม่อยู่บ้านหรอกรึ”
  ที่หลิงหยุนถามถึงต่งยั่วหลานนั้นเพราะเขาตั้งใจปรุงโอสถทั้งสองชนิดนี้ขึ้นมาเพื่อนางโดยเฉพาะ..
  “วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบหกสิบปีของต่งซานชวนหลิงซวี่กับแม่ก็เลยไปร่วมอวยพรวันเกิด..”   หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับร้องบอกหลิงเสี่ยวว่า“ท่านพ่อ ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ข้าขอตัวก่อนล่ะ!”
  พูดจบก็รีบผลุนผลันออกไปทันที..
  “เฮ้อ..เจ้าเด็กคนนี้นี่!”
  จากนั้นหลิงเสี่ยวก็ออกจากบ้านไปหาหลิงลี่ที่บ้านเช่นกัน..
  เพียงแค่พริบตาเดียวหลิงหยุนก็ใช้เงาลวงตาไปปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของหลิงซิ่ว หลิงซิ่วเองก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา และยังไม่หายตกใจเรื่องที่จินเหยียวเปลี่ยนเป็นเด็กสาว เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนมาจึงร้องตะโกนออกไปเสียงดัง
  “ทำตัวลับๆล่อๆเป็นวิญญาณล่องลอยอยู่ได้ยังไม่รีบเข้ามาข้างในอีก!”
  ทันทีที่หลิงหยุนก้าวเข้ามาในบ้านหลิงซิ่วจึงเอ่ยถามออกไปทันที “เจ้ามีอะไรก็รีบๆพูดมา!”   จากนั้นนางก็เหลือบตามองหลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า“แต่หากเจ้ามีเรื่องที่จะขอให้ข้าช่วยแล้วล่ะก็ มอบโอสถนั่นมาให้ข้าก่อน..” หลิงซิ่วแบมือออกไปรอ..
  “พี่หลิงซิ่วที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะต้องการเอาโอสถนี้มาให้เจ้า!”
  ครั้งนี้ดูเหมือนหลิงหยุนจะใจกว้างมากกว่าทุกครั้งเขาหยิบโอสถโฉมสะคราญและโอสถเยาว์วัยออกมาให้หลิงซิ่วหกเม็ด พร้อมกับมอบขวดหยกเล็กๆให้อีกสองขวด
  “นี่เป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูงเจ้าต้องเก็บมันไว้ในขวดหยกนี้ พลังชีวิตจะได้ไม่ระเหยออกไปจนหมด”
  แต่หลิงซิ่วกลับหยิบมาเพียงแค่อย่างละหนึ่งเม็ดเท่านั้นแล้วเก็บเข้าไปในขวดหยกทันที นางนั่งมองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม..
  “พี่หลิงซิ่วเจ้าหยิบที่เหลือไปด้วย ฝากไปมอบให้ท่านลุงกับท่านป้า”
  แต่หลิงซิ่วกลับถามขึ้นว่า“นี่.. โอสถของเจ้าจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่”
  หลิงหยุนย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ไม่มีผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกายแน่ เจ้ามั่นใจได้!”
  หลิงซิ่วมีสีหน้าลังเลและได้แต่คิดว่าแม้แต่จินเหยียวยังเด็กลงราวกับเด็กสาวอายุยี่สิบปีเช่นนี้ หากตนกลืนโอสถนี้เข้าไป ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ในเวลานี้นางไม่ต้องกลับกลายเป็นเด็กไปเลยหรอกรึ
  หลิงหยุนดูเหมือนจะเข้าใจความกังวลของหลิงซิ่วจึงรีบอธิบาย“โอสถเยาว์วัยนี้มีจะทำให้คนผู้นั้นอ่อนเยาว์ลงได้ไม่เกินสิบแปดปีเท่านั้น หากผู้ที่กินโอสถนี้ยังไม่เข้าสู่วัยชรา ก็จะมีผลให้คนผู้นั้นมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เช่นนั้นไปอีกนับสิบปีเลยทีเดียว..”
  “ใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลยรึ!”
  หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจนี่เป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูง จะหญิงหรือชายล้วนเป็นมนุษย์ ย่อมได้รับผลเช่นเดียวกัน!   เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันเพียงแค่ความสวยความงามและความอ่อนเยาว์เท่านั้น แต่มันยังหมายถึงชีวิตที่ยืนยาวขึ้นอีกด้วย!
  “หากเจ้ากลืนโอสถเยาว์วัยนี้ไม่เพียงเจ้าจะจะไม่แก่ แต่นั่นเท่ากับหยุดอายุของเจ้าไว้เท่านี้ด้วย!”
  หลิงซิ่วถึงกับกระเด้งขึ้นจากโซฟาด้วยความตกใจ..
  “แต่โอสถนี้เยาว์วัยนี้หากใช้เกินกว่าหนึ่งครั้งประสิทธิภาพก็จะลดลงเรื่อยๆ และหากใช้เกินสามครั้งก็จะไม่ได้ผลอีกเลย..”
  “หากต้องการมีชีวิตเป็นอมตะจะต้องใช้โอสถเซียนตันเท่านั้น!”
  หากผู้ใดคิดที่ขโมยโอสถเยาว์วัยเพื่อยืดชีวิตตนเองแล้วล่ะก็นับว่าเข้าใจผิดถนัด..
  “น้องหลิงหยุนเจ้าบอกกับข้ามาตามตรง เจ้าสามารถกลั่นโอสถเซียนตันได้หรือไม่”
  หลิงซิ่วรอคอยคำตอบพร้อมจ้องมองหลิงหยุนตาไม่กระพริบ..   “พี่สาว..ผู้ที่จะกลั่นโอสถเซียนตันได้นั้นจะต้องเป็นเซียนแล้วเท่นั้น!”
  เหตุผลก็ง่ายมากในเมื่อมนุษย์เองก็ไม่สามารถมีชีวิตที่เป็นอมตะได้ จะสามารถกลั่นโอสถที่ทำให้ผู้อื่นมีชีวิตอมตะได้อย่างไรกันเล่า
  หลิงซิ่วตบหน้าอกตนเองอย่างแรงพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ“ข้าเองก็หลงคิดว่าเจ้าเป็นเซียนไปแล้วเสียอีก!”
  “เอาล่ะเจ้ามีเรื่องอะไรจะให้ข้าช่วยก็พูดมา ของกำนัลล้ำค่าเช่นนี้ ต่อให้เจ้าต้องการให้ข้าเกลี้ยกล่อมหญิงงามทั้งแปดทั่วปักกิ่งให้มาเป็นภรรยาของเจ้า ข้าก็จะยอมทำ!”
  ในบรรดาสิบสาวงามแห่งปักกิ่งนั้นสองคนก็คือทายาทสาวตระกูลหลิง จึงเหลือหญิงงามเพียงแค่แปดคนเท่นั้น!
  หลิงซิ่วร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง..
  “พี่หลิงซิ่ว!”   หลิงหยุนร้องอุทานออกมาพร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดปากหลิงซิ่วไว้ทันทีเพราะเกาเฉินเฉินยังคงอยู่ที่บ้าน หากได้ยินเข้าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่..
  หลิงซิ่วดึงมือหลิงหยุนออกพร้อมกับถามยิ้มๆ“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีเรื่องอะไรก็รีบๆพูดมา..”
  หลิงหยุนเปลี่ยนมาเป็นการพูดผ่านกระแสจิตทันที..
  –พี่หลิงซิ่วพี่รู้จักบ้านของต่งซานชวนหรือไม่ ข้ารู้มาว่าวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบหกสิบปีของเขา ท่านช่วยพาข้าไปหน่อยจะได้หรือไม่?-
  –รู้สิ!ข้าเคยไปกับหลิงซวี่หลายครั้ง พวกเรารีบไปตอนนี้น่าจะยังทัน!-
  –เยี่ยม!พี่หลิงซิ่วรอข้ากลับมาอีกประเดี๋ยว แล้วข้าจะรีบกลับมา!-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด