Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1094 กลับเข้าตระกูลหลิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1094 กลับเข้าตระกูลหลิง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  หลังจากที่แยกกับเย่ซิงเฉินแล้วหลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างขั้นสุดวิ่งข้ามภูเขาลูกแล้วลูกเล่า ข้ามแม่น้ำไปมากมายหลายสายโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง!
  เพียงแค่ไม่กี่นาทีหลิงหยุนก็วิ่งไปได้ไกลถึงสิบกว่ากิโลเมตรและในเวลานั้นเขาก็ได้ไปยืนอยู่บนยอดเขาสูงลูกหนึ่ง พร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งขุนเขา!
  เสียงร้องตะโกนของหลิงหยุนยังคงสะท้อนก้องไปมาเช่นนั้นอยู่นาน..
  หลังจากได้ประมือกับซือกงถูหลิงหยุนไม่เพียงได้รับชัยชนะอย่างงดงาม แต่ยังสามารถดูดเอาพลังปราณของมันเข้าไปจนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปฐมชี่ได้ หนำซ้ำยังได้อาวุธที่ทำจากโลหะเนื้อดีกลับไปด้วยมากมาย และยิ่งไปกว่านั้น.. เขายังค้นพบที่ซ่อนทองคำขององค์กรนักฆ่ามูลค่ากว่าห้าพันล้านอีกด้วย..
  แต่หากเปรียบเทียบกับชีวิตของหลิงเสี่ยวแล้วสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย!
  หลังจากที่ช่วยหลิงเสี่ยวออกมาได้แล้วหลิงหยุนก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีก และสามารถประกาศฐานะที่แท้จริงของตนเองต่อยุทธภพได้โดยไม่ต้องกังวลใจ!
  นับจากนี้..หลิงหยุนจะสามารถใช้สถานะทายาทตระกูลหลิง ทำเรื่องราวต่างๆ ได้อีกมากมายโดยไม่จำเป็นต้องปิดบังใดๆอีก
  และหากมีหลิงหยุน..ตระกูลหลิงก็จะสามารถกลับมาผงาด และแข็งแกร่งในประเทศนี้ได้อีกครั้ง!
  “ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกินเมื่อมีคนที่เรารักคอยต่อสู้กับศัตรูเคียงบ่าเคียงไหล่กันเช่นนี้!”
  หลิงหยุนพึมพำกับตัวเองและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในวันข้างหน้าทั้งหลิงลี่ เย่ซิงเฉิน จินเหยียว ฉินตงเฉี่วย และเหล่ากุ่ย รวมถึงเหล่าแวมไพร์ซึ่งเป็นบริวารของหลิงหยุน ทั้งหมดจะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งของเขา ในการที่จะนำพาตระกูลหลิงให้กลับขึ้นมาผงาดในยุทธภพได้อีกครั้ง..
  แต่จากการต่อสู้กับซือกงถูในครั้งนี้หลิงหยุนก็พบปัญหาหลายอย่างที่เขาเองจะต้องเร่งแก้ไข..
  ปัญหาแรกก็คือเรื่องของกระบี่เหินเงาธนู..
  จากการประมือกับซือกงถูหลิงหยุนพบว่ากระบี่เหินเงาธนูของตนนั้นยังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร เพราะไม่สามารถฝ่าเกราะป้องกันของซือกงถูไปได้ อีกทั้งระยะทางห้าสิบเมตรที่เขาสามารถควบคุมกระบี่เหินนั้นก็ยังเป็นระยะที่สั้นเกินไป สาเหตุเกิดจากขั้นของเขานั้นยังต่ำเกินไป
  หลิงหยุนได้แต่คิดว่าเขาคงต้องเร่งฝึกฝนแต่เพราะในโลกใบนี้มีพลังชีวิตที่น้อยนิด เขาจึงคิดว่าต้องไปหาสถานที่สักแห่งที่มีพลังชีวิตมากกว่านี้..
  ปัญหาที่เขาพบเป็นเรื่องที่สองก็คือ..หลังจากได้ประมือกับยอดฝีมือระดับสองขั้นเซียงเทียน-9 แล้ว ทำให้หลิงหยุนรู้ว่าเกราะป้องกันที่เขาเคยคิดว่าแข็งแกร่งนั้น ยอดฝีมือในขั้นนี้สามารถทำลายได้หมดแม้ว่าเขาจะป้องกันไว้หลายชั้นก็ตาม..
  “ดูท่าคราวนี้ข้าคงต้องทำเสื้อเกราะชนิดพิเศษขึ้นมาแล้วสิ!”
  แต่จะว่าไปแล้ว..ครั้งนี้หลิงหยุนก็นับว่าประเมินตนเองสูงจนเกินไป เขาลืมไปว่าหากจะพูดกันตามตรง เขาเองก็ห่างจากซือกงถูซึ่งสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้อยู่หลายชั้น!
  “นับวันข้าก็ยิ่งต้องพบเจอศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นทุกวันข้าคงต้องรีบพัฒนาเกราะป้องกันร่างกายให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่านี้โดยเร็วที่สุด!”
  ส่วนปัญหาสุดท้ายที่เขาพบก็คือเรื่องแหวนพื้นที่..เวลานี้มันเล็กจนเกินไป หาไม่แล้ววันนี้เขาคงจะสามารถขนทองคำแท่งกลับมาได้!
  “กลับไปครั้งนี้ข้าคงต้องหาทางสลักแหวนพื้นที่ขึ้นมาใหม่และครั้งนี้ข้าจะใช้ศิลากลั่นวิญญาณทำ!”
  …..
  หลังจากที่ออกมาจากเขาหยุนเมิ่งได้แล้วหลิงหยุนก็รีบติดต่อกลับไปหาหลิงลี่เพื่อสอบถามอาการของจินเหยียวทันที และเมื่อพบว่านางยังไม่มีอาการกำเริบ หลิงหยุนจึงได้แจ้งหลิงลี่ว่าเขาจะเข้าไปที่คลังอาวุธตระกูลหลิงก่อน เพราะเขาไม่ต้องการกลับบ้านในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่าเช่นนี้..
  คลังอาวุธตระกูลหลิงตั้้งอยู่แถบถนนวงแหวนที่เจ็ดและห่างไกลจากตัวเมืองมาก แต่ค่อนข้างใกล้กับเขาหยุนเมิ่ง เขาจึงเลือกที่จะไปที่นั่น อีกทั้งหลิงหยุนยังได้รับรายงานว่าอาวุธประจำตัวของตี้เสี่ยวอู๋ได้สร้างเสร็จแล้ว เขาจึงต้องการไปนำกลับมาด้วย..
  ครึ่งชั่วโมงต่อมา..หลิงหยุนก็มาถึงหน้าประตูคลังอาวุธตระกูลหลิง และพบว่าหลิงสือชีได้ออกมายืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว..
  “หลิงสือชีคาราวะนายน้อยสี่!”
  หลิงสือชีคุกเข่าลงคาราวะหลิงหยุนอย่างลำบากหลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปพยุงร่างของหลิงสือชีให้ลุกขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เจ้าไม่สะดวกคุกเข่าแล้วยังต้องคาราวะข้าทำไมกัน”
  หลิงสือชีตื้นตันยิ่งนักเมื่อหลิงหยุนเอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาประคองเขาลุกขึ้นด้วยตัวเอง..
  จากนั้นหลิงสือชีจึงรีบรายงานว่า“นายน้อยสี่.. นายผู้เฒ่าได้โทรมาสั่งข้าไว้แล้ว ข้าเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว!”
  ระหว่างที่เดินตามหลิงสือชีไปนั้นหลิงหยุนก็ร้องถามขึ้นว่า “แบบที่ข้าส่งให้พร้อมกับพลองม่วงทอง เจ้าจัดการนำมาหลอมเป็นกระบองคู่เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”
  “เรียนนายน้อยสี่..เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอท่านมารับกลับไปเท่านั้น!”
  สำหรับหลิงสือชีนั้น..นอกจากหลิงลี่แล้ว ก็มีเพียงหลิงหยุนอีกหนึ่งคนเท่าน้ั้นที่เขายอมรับว่าเป็นผู้ที่เหมาะจะเป็นนายน้อยของตระกูลหลิงจริงๆ!
  ด้วยจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเขาเห็นแล้วว่ากระบองคู่นี้สร้างได้เหมือนในแบบได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน มันคือกระบองสีดำที่มีความยาวกว่าหนึ่งเมตรครึ่ง ปลายกระบองด้านหนึ่งมีขนาดเท่าต้นขาผู้ใหญ่ และค่อยๆเล็กเรียวขึ้นไปจนถึงส่วนปลายอีกด้าน ส่วนตรงหัวนั้นมีลักษณะคล้ายค้อนขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ทุบของแข็งได้อย่างง่ายดาย..
  ทันทีที่ไปถึงหลิงหยุนก็รีบคว้ากระบองคู่นั้นขึ้นมาประเมินน้ำหนักดูทันที“ดูเหมือนจะหนักกว่าแปดสิบกิโลกรัมได้ ช่างเหมาะกับตี้เสี่ยวอู๋ยิ่งนัก นี่ผสมด้วยเหล็กสีนิลงั้นรึ”
  หลิงสือชีตอบกลับด้วยความตื่นเต้น“นายน้อยสี่.. สายตาของท่านช่างแหลมคมยิ่งนัก!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกอาวุธมากมายออกมาจากแหวนพื้นที่ผู้คนที่อยู่ในคลังผลิตอาวุธต่างพากันส่งเสียงฮือฮา และรีบเข้ามามุงดู แต่ที่ทุกคนส่งเสียงฮือฮานั้นไม่ใช่เพราะตกใจในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุน แต่ตกใจที่เห็นอาวุธกองพะเนินอยู่ที่พื้นต่างหาก..
  จากนี้ไปหลิงหยุนไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องแหวนพื้นที่กับคนในคลังแสงแห่งนี้อีกแล้ว..
  สำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในคลังตระกูลหลิงแห่งนี้นับจากนี้ไปหลิงหยุนไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องแหวนพื้นที่ของตนเองอีก..
  “โอ้โห..กระบี่เล่มนี้ตีจากทองคำบริสุทธิ์เชียว!”
  “เล่มนี้ก็เหมือนกัน..ทำจากโลหะชั้นเยี่ยมทีเดียว!”
  “ส่วนพลองยาวนี่ก็หล่อด้วยเหล็กสีนิลทั้งหมด!”
  หลิงสือชียิ่งตื่นเต้นกว่าใครตาของเขาเบิกกว้างพร้อมกับถามเสียงสั่น “นายน้อยสี่.. ท่านไปเอาอาวุธมากมายนี้มาจากที่ใดกัน”
  หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ข้าไปช่วยท่านพ่อกลับมาเมื่อคืนนี้ และได้สังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนไปมากมาย เห็นว่าอาวุธของพวกมันล้วนทำจากโลหะชั้นดี ข้าก็เลยเก็บกลับมาด้วย..”
  “ถ้าเช่นนั้น..เวลานี้คุณชายสามก็..”
  หลิงสือชีแทบไม่เชื่อหูตัวเองและร้องถามหลิงหยุนออกมาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ..
  หลิงหยุนยิ้ม“ท่านพ่อของข้าปลอดภัยแล้ว!ข้าช่วยเขาออกมาได้!”
  เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังกระหึ่มคลังแสงตระกูลหลิงขึ้นมาทันที!
  และเมื่อทุกคนกลับสู่ความสงบแล้วหลิงหยุนจึงร้องสั่งทุกคนว่า “อาวุธเหล่านี้เก็บไว้ที่นี่ชั่วคราว แต่พวกเจ้าอย่าได้นำไปทำอะไร ข้ายังต้องใช้ประโยชน์จากมัน!”
  ที่หลิงหยุนนำอาวุธทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่คลังอาวุธนั้นก็เพื่อให้พื้นที่ในแหวนนั้นสามารถใส่กระบองคู่ของตี้เสี่ยวอู๋ได้นั่นเอง..
  หลิงสือชีพยักหน้า“ครับนายน้อยสี่!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ก้มลงใช้มือเปล่าคว้าเอากระบี่ที่คมกริบขึ้นมาส่วนหนึ่งโดยไม่เกรงว่าจะได้รับอันตรายเพราะเขานั้นได้โคจรดาราคุ้มกายป้องกันไว้แล้ว..
  กระบี่ทั้งสิบที่หลิงหยุนเก็บกลับไปนั้นแม้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่โลหิตแดนใต้ แต่ก็นับเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมที่สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนได้อย่างสบาย หลิงหยุนจึงต้องการเก็บไว้ให้กับคนรอบตัวเขา..
  “สือชี..ข้าต้องรีบไปแล้ว! เจ้าไปนำเสื้อผ้ามาให้ข้า และเตรียมรถไว้ได้เลย!”
  ไม่ถึงสิบนาที..หลิงหยุนก็สวมเสื้อ และขับรถแวนสีดำอออกจากกคลังแสงมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิง
  ………
  ภายในบ้านหลังเล็กในสวนชั้นที่เก้าของคฤหาสน์ตระกูลหลิง..
  “การต่อสู้เมื่อคืนนี้..พวกเราได้รับชัยชนะอย่างงดดงาม!”
  หลังจากที่หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บให้กับหลิงลี่เมื่อครั้งก่อนเขาก็เร่งฝึกฝนวิชาตามที่หลิงหยุนถ่ายทอดให้ จนสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้ และกำลังต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของตนเองอยู่พอดี จากการต่อสู้ในครั้งนี้หลิงลี่พอใจกับผลงานของตนเองอย่างมาก..
  ก่อนหน้าที่จะพบกับหลิงหยุน..หลิงลี่ยังอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าเหล่ากุ่ยด้วยซ้ำไป แต่เวลานี้เหล่ากุ่ยไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย และเมื่อคืนนี้หลิงลี่ก็สามารถประมือกับนักฆ่าระดับสวรรค์มากมายโดยไม่ได้รับอันตราย เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ไอลีนโนเวล
  “ท่านนักพรตโม่..วิชาทำนายดวงชะตาของท่านช่างแม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์!”
  หลิงลี่ไม่เพียงเอ่ยชมโม่วู๋เตาแต่ยังยกนิ้วโป้งชูขึ้นต่อหน้าเขาอีกด้วย..
  เมื่อคืนนี้..โม่วู๋เตาไม่ได้กลับไปที่โรงแรม เขารอฟังผลอยู่ที่บ้านของหลิงลี่ และเมื่อเห็นหลิงลี่เอ่ยชมเช่นนั้น โม่วู๋เตาจึงรีบลุขึ้นพร้อมกับพูดออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ..
  “ท่านปู่หลิง..ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว!”
  หลิงลี่โบกมือไปมาพร้อมตอบกลับทันที“ท่านนักพรต.. ท่านอย่าได้ถ่อมตน ความสามารถของท่านทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่งนัก!”
  “ยิ่งไปกว่านั้น..ท่านยังนับเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตลูกสามของข้าไว้ และเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลหลิงของเรา ข้าเอ่ยชมท่านเช่นนี้เหตุใดท่านจึงไม่กล้ารับเล่า”
  โม่วู๋เตามีท่าทีกระอักกระอ่วนแต่ก็หัวเราะออกมา..
  ในเวลานั้นหลิงลี่ เหล่ากุ่ย ฉินตงเฉี่วย และโม่วู๋เตา ต่างก็พูดคุยเรื่องการช่วยหลิงเสี่ยว และกำลังรอคอยการกลับมาของหลิงหยุน
  ส่วนหลิงเสี่ยวนั้นเมื่อกลับมาถึงเขาก็รีบจัดการหาที่พักให้กับจินเหยียวหลังจากนั้นจึงกลับไปที่บ้านหาต่งยั่วหลาน เพราะอย่างน้อยทั้งคู่ก็ยังมีความผูกพันฉันสามีภรรยากัน..
  สำหรับแวมไพร์ทั้งสามตนนั้นเอ็ดเวิร์ด เพียร์ซ และจอยซ์ หลังจากที่กลับมาก็ได้นำซือกงถูกับลูกชายไปขังไว้ที่ห้องใต้ดินของตระกูลหลิงทันที
  …….
  จนกระทั่งเข้าสู่เวลาหกโมงครึ่ง..หลิงหยุนก็ขับรถมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิง เขาไม่ขับรถเข้าไปในบ้าน แต่กลับจอดไว้ที่หน้าประตู และเดินเข้าไปแทน!   จิตหยั่งรู้ในระดับสูงสุดขั้นปฐมชี่นั้นทำให้หลิงหยุนสามารถเห็นทุกอย่างได้กระจ่างชัดมากยิ่งขึ้นทันทีที่มาถึงเขาก็พบว่าห่างจากคฤหาสน์ตระกูลหลิงไปราวสองสามร้อยเมตร ได้มีบุคคลน่าสงสัยสองสามคนกำลังด้อมๆมองๆ มาทางคฤหาสน์ตระกูลหลิงอยู่
  และแทบไม่ต้องสงสัย..คนเหล่านั้นจะต้องเป็นคนของตระกูลใดตระกูลหนึ่งในปักกิ่งที่ส่งมาสอดแนมนั่นเอง
  หลิงหยุนแสยะยิ้มออกมา“หึ.. ดูเหมือนฐานะของข้าจะทำให้ตระกูลหลิงกลายเป็นที่สนอกสนใจของหลายๆฝ่ายสินะ!”
  “ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเดินเข้าบ้านตระกูลหลิงให้พวกเจ้าได้เห็นกันเต็มตาจะได้กลับไปรายงานเจ้านายของพวกเจ้าได้ถูก!”
  หลิงหยุนเดินยิ้มตรงไปที่ประตูบ้านอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง“ท่านปู่.. ข้ากลับมาแล้ว!”
  หลิงหยุนจงใจใช้มังกรคำรามเพื่อให้พวกที่ซุ่มดูอยู่นั้นได้ยินอย่างชัดเจนเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนมาบ้านตระกูลหลิงในเวลากลางวัน อีกทั้งยังเดินเข้าทางประตูอย่างเปิดเผยเช่นนี้..
  หลิงหยุนตั้งใจใช้วิธีนี้เป็นการประกาศต่อหลายตระกูลในปักกิ่งและคนทั่วทั้งประเทศว่า ตระกูลหลิงกำลังจะกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้ง!
  และทันทีที่ร่างของหลิงหยุนก้าวข้ามประตูไปร่างของหลิงลี่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาทันที
  “หลิงหยุน..เจ้ากลับมาแล้วรึ พวกเราคอยเจ้าอยู่นานแล้ว!”
  “เจ้าเด็กดื้อ..เจ้านี่เหลือเกินจริงๆ! กลับมาบ้านก็ต้องร้องตะโกนโวยวายเสียงดัง เจ้าไม่กลัวว่าผู้คนจะได้ยินกันหรืออย่างไร”
  ฉินตงเฉี่วยอบรมหลิงหยุนเสียงดัง..
  หลิงหยุนหัวเราะร่วน“ฮ่า.. ฮ่า.. น้าหญิง ข้ากลัวแต่ว่าจะไม่มีใครได้ยินต่างหากเล่า!”
  ฉินตงเฉี่วยมองหลิงหยุนด้วยสีหน้านิ่งเรียบพร้อมกับถอนหายใจและส่ายหน้า “เจ้าทำเป็นอวดเก่งไป ต่อไปจะต้องพบเจอกับปัญหา!”   ฉินตงเฉี่วยมีสีหน้ากังวลใจแต่หลิงลี่และเหล่ากุ่ยกลับหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข หลิงลี่โบกมือพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “แม่นางฉิน..เจ้าอย่าได้กังวลใจไป หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงครั้งนี้นับเป็นเรื่องน่ายินดี และเป็นสิ่งที่ข้ารอคอยมานาน ข้าต้องประกาศให้ทุกคนได้รู้ ปล่อยให้พวกที่สอดแนมอยู่กลับไปรายงานเจ้านายของมันได้เลย!”
  จากนั้นหลิงลี่ก็พูดต่อว่า“จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลิงหยุน ข้าจะออกหน้าจัดการให้เอง!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด