Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1131 นักรบตระกูลหลิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1131 นักรบตระกูลหลิง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  ทันทีที่ได้ยินว่าเย่ซิงเฉินมีข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฉินจะบอกหลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นข่าวสำคัญอย่างแน่นอน เขาจึงรีบตอบรับทันที และทั้งคู่ก็นัดพบกันในคืนพรุ่งนี้!
  เวลานี้การประลองระหว่างตระกูลหลิงและตระกูลเฉินก็ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆหลิงหยุนจึงมีงานรัดตัวเพราะมีเรื่องที่ต้องเตรียมการมากมาย และแน่นอนว่าตระกูลเฉินเองก็คงไม่ต่างจากเขา หลิงหยุนจัดการวางหมาก และกลยุทธ์ต่างๆ รวมทั้งคิดไกลไปถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการประลองสิ้นสุด..
  เฉินจิ้งเฉวียนไม่ใช่คนโง่..หากเขาไม่มั่นใจจริง ก็คงไม่เป็นฝ่ายเสนอให้มีการประลองกับตระกูลหลิงในครั้งนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน!
  แต่ถึงกระนั้น..สิ่งที่เฉินจิ้งเฉวียนยังไม่รู้เกี่ยวกับตระกูลหลิง ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลิงหยุน และไพ่ในมือที่เขามีอยู่
  ในการประลองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้แม้หลิงหยุนจะมั่นใจเพียงใด ก็ไม่กล้าที่จะประมาทอย่างเด็ดขาด!
  ดังคำโบราณว่า..รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง!
  ด้วยเหตุนี้..ข้อมูลที่เขาจะได้รับจากเย่ซิงเฉินในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ จะต้องเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมาก!
  “อืมม..คนหนึ่งอยู่ในที่สว่าง ส่วนอีกคนอยู่ในที่มืด ช่างเป็นความร่วมมือที่ลงตัว และได้ผลดียิ่งนัก!”
  หลังจากที่จบการสนทนากับเย่ซิงเฉินหลิงหยุนก็ยืนนิ่งอยู่เงียบๆ และยิ้มออกมาเพียงลำพัง..
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกศิลากลั่นวิญญาณออกมาถือไว้ในมือจากนั้นก็ยกขึ้นมาส่องดูด้วยตาอย่างละเอียด และสีหน้าของเขาก็ปรากฏร่องรอยของความเสียดายขึ้นมา..   ศิลากลั่นวิญญาณนั้นนับเป็นหินอุกกาบาตจากนอกโลกเหล่าผู้ฝึกบ่มเพาะทั้งหลายสามารถใช้ศิลาก้อนนี้ฝึกฝนจิตหยั่งรู้ของตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นทีละขั้น จนกระทั่งเข้าถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
  เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่ซึ่งเป็นขั้นของการกลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญญาณในขั้นพลังชี่นี้หากได้ศิลาก้อนกลั่นวิญญาณช่วย จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็จะต้องแข็งแกร่ง และก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่านัก..
  ยิ่งไปกว่านั้น..ศิลาก้อนนี้ยังเป็นศิลาที่มีความวิเศษยิ่งนัก สามารถนำมาทำเป็นศิลาพื้นที่ได้โดยที่ไม่ต้องสลักค่ายกลลงไปก็ได้ เพราะด้านในมีลักษณะเป็นช่องอากาศอยู่แล้ว ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น ไม่ว่าจะเป็นหีบวิเศษ แหวนพื้นที่ หรือสร้อยข้อมือจักรวาล และอีกมากมาย ก็ล้วนแล้วแต่ทำจากหินชนิดนี้ทั้งสิ้น..
  นั่นเพราะหินชนิดนี้มีคุณสมบัติที่ล้ำเลิศและยังหาได้ยากนักในจักรวาล แม้แต่นักบ่มเพาะในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ แม้จะเสาะหาทั่วทั้งเส้นทางดวงดาว ก็ยากนักที่จะพบเจอได้ง่ายๆ การที่จู่ๆ หลิงหยุนได้ศิลากลั่นวิญญาณก้อนใหญ่ถึงเพียงนี้มา เขายังคิดเสมอว่ามันคือปาฏิหารย์!
  ไม่ว่าจะเป็นหลิงหยุนหรือว่านักบ่มเพาะใด ก็ต้องรู้ว่านี่คือสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง!
  และเวลานี้จิตหยั่งรู้อันทรงพลังของหลิงหยุนก็สามารถเห็นได้ว่าเนื้อหินภายในศิลากลั่นวิญาณนั้นยอดเยี่ยมมาเพียงใด เรียกได้ว่าเนื้อดีอย่างที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็นมาเลยก็ว่าได้..
  “เฮ้อ..น่าเสียดายที่ก้อนเล็กไปหน่อย !”
  สีหน้าของหลิงหยุนที่มองศิลากลั่นวิญญาณนั้นเปลี่ยนจากเสียดายเป็นเจ็บปวด และได้แต่ถอนหายใจออกมา..
  นั่นเพราะเขาจำเป็นต้องตัดบางส่วนของศิลากลั่นวิญญานนี้มาทำเป็นแหวนพื้นที่นั่นเอง แม้ว่าจะตัดมาเพียงแค่ส่วนเล็กๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้หลิงหยุนรู้สึกเสียดายอย่างมากแล้ว..
  หลังจากที่จ้องมองศิลากลั่นวิญญาณด้วยสีหน้าเจ็บปวดอยู่นานหลิงหยุนจึงกัดฟันใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือซ้ายเฉือนเข้าที่มุมของศิลากลั่นวิญญาณทันที!
  ชัวะ!
  จากนั้น..หินขนาดเท่าลูกปิงปองก็หล่นลงสู่พื้นดิน และหลิงหยุนก็รีบเก็บกระบี่เข้าไป และก้มลงเก็บศิลากลั่นวิญญาณขึ้นมาจากพื้นทันที
  เหล็กดีย่อมตีกระบี่ที่คมกริบได้ฉันใดวัตถุล้ำค่าย่อมสามารถใช้สร้างสิ่งของล้ำค่าได้เช่นกัน!
  “เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะใช้ทำแหวนพื้นที่แล้ว..”
  สีหน้าเจ็บปวดของหลิงหยุนเมื่อครู่ค่อยๆจางหายไปหลังจากพึมพำจบเขาก็โยนศิลากลั่นวิญญาณชิ้นนั้นเข้าไปในปาก และกลืนมันลงไปในท้องทันที ราวกับว่ามันคือโอสถวิเศษ!
  ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่กับดาราคุ้มกายขั้นที่สอง ทำให้เวลานี้ไม่เพียงร่างกายของหลิงหยุนแข็งแกร่งมาก แต่ภายในร่างกายของเขายังมีไฟไร้รูปอยู่ด้วย ทำให้ภายในร่างกายของหลิงหยุนเสมือนหนึ่งเตาหลอมขนาดย่อม จึงสามารถกลืนก้อนทองคำเข้าไปได้โดยไม่เป็นอะไร..
  ถึงแม้ว่าในร่างกายของหลิงหยุนจะมีไฟไร้รูปอยู่ก็จริงแต่ความร้อนของไฟไร้รูปยังไม่ร้อนแรงจนสามารถถึงกับหลอมศิลากลั่นวิญญาณได้ แต่ที่หลิงหยุนกลืนเข้าไปนั้นก็เพื่อให้ไฟไร้รูปในร่างกายทำการกำจัดสิ่งไม่บริสุทธิ์ออกไป..
  “รู้สึกแปลกๆ”
  ………
  หลิงหยุนเดินกำศิลากลั่นวิญญาณที่เหลือไว้ในมือและเดินเข้าไปยังสวนชั้นที่แปด เวลานี้ภายในสวนชั้นที่แปดมีเหล่านักรบตระกูลหลิงรออยู่..   ในทุกๆวัน..เหล่านักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนนั้น ก็ล้วนแล้วแต่มีภารกิจรัดตัว และยากที่จะรวมตัวกันครบเช่นนี้ได้
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับร้องตะโกนทักทาย“ทุกคนกลับมาแล้วรึ คนมากมายครึกครื้นดีมาก!”
  ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้ามา..เหล่านักรบตระกูลหลิงก็คุกเข่าลงทำการคาราวะหลิงหยุนพร้อมกันทันที
  “หลิงอี๋..เคารพท่านผู้นำตระกูล!”
  “หลิงชี..คาราวะท่านผู้นำตระกูล!”
  เมื่อเห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาแววตาของเหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็เต็มไปด้วยความเคารพ ศรัทธา และตื่นเต้น..
  และที่เป็นเช่นนี้นั้นส่วนหนึ่งก็เพราะเหล่ากุ่ย..เหล่ากุ่ยเป็นบ่าวที่ภักดีต่อตระกูลหลิงมานาน หนำซ้ำยังมีหน้าที่คอยฝึกฝนเหล่านักรบตระกูลหลิง และคอยสั่งการต่างๆแทนหลิงลี่
  หลังจากที่เหล่ากุ่ยได้พบหลิงหยุนที่จิงฉูเขาก็เชื่อว่าหลิงหยุนจะต้องเป็นผู้นำตระกูลที่ดีในวันข้างหน้า จึงได้แอบพูดคุยกับหลิงลี่ และหลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว เหล่ากุ่ยก็ค่อยๆปลูกฝังฐานะของหลิงหยุนลงไปในจิตใจของเหล่านักรบตระกูลหลิงนี้
  เหล่านักรบตระกูลหลิงทั้งหมดต่างก็เคยเห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนด้วยตาตนเองมาแล้วอีกทั้งยังมีเหล่ากุ่ยที่จงใจใส่ข้อมูลให้ เวลานี้ในหัวใจของเหล่านักรบตระกูลหลิง หลิงหยุนจึงเป็นเสมือนเทพองค์หนึ่งเลยทีเดียว!
  ซึ่งตรงข้ามกับหลิงเจิ้นเมื่อครั้งยังเป็นผู้นำตระกูลไม่มีทางที่เหล่านักรบตระกูลหลิงจะคุกเข่าคาราวะเช่นนี้..
  “ทุกคนลุกขึ้นได้!”
  หลิงหยุนผายมือออกพร้อมกับร้องสั่งให้ทุกคนลุกขึ้นหลังจากที่เหล่านักรบตระกูลหลิงลุกขึ้นแล้ว หลิงหยุนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “ทุกคนในที่นี้ล้วนรอดจากการต่อสู้ในครั้งนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่จงรักภักดีต่อตระกูลหลิง!”
  “ตระกูลหลิงของเราต้องการทุกคนและขอบใจทุกคนที่ทุ่มเททำงานให้กับตระกูลหลิง!”
  “ข้าเพียงคนเดียวย่อมไม่สามารถนำพาตระกูลหลิงผงาดขึ้นมาได้ในเมื่อข้าแข็งแกร่ง ทุกคนก็ต้องแข็งแกร่งด้วย ตระกูลหลิงของเราจึงจะสามารถผงาดขึ้นได้จริง!”
  “เหล่ากุ่ยคงจะบอกกับพวกเจ้าแล้วว่าคืนนี้ข้าจะทำการล้างไขกระดูกให้กับพวกเจ้า..”
  “หลังจากข้าล้างไขกระดูกให้กับพวกเจ้าแล้วพวกเจ้าทุกคนต้องเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนอย่างแน่นอน!”
  สิ้นคำพูดของหลิงหยุนภายในสวนชั้นที่แปดก็เงียบสนิท เหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็อยู่ในอาการตกตะลึง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น จนหลิงหยุนต้องยกมือขึ้นห้ามให้ทุกคนอยู่ในความสงบ  “เอาล่ะ..ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้า ข้าก็มีเรื่องที่จะให้พวกเจ้าช่วย”
  หลิงอี๋เป็นหัวหน้าใหญ่ของเหล่านักรบตระกูลหลิงก้าวเท้าออกมาข้างหน้าทันที และพูดขึ้นว่า
  “ผู้นำตระกูลได้โปรดสั่งมา..ต่อให้บุกน้ำลุยไฟพวกเราก็จะไม่ลังเล!”
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับชี้ไปที่สวนชั้นที่ห้าและที่หกพร้อมกับสั่งว่า “พวกเจ้าไปจัดการทำความสะอาดสวนทั้งสองนั่น..”
  เหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็พากันมองหน้ากันด้วยความงุนงงเมื่อหลิงหยุนสั่งให้เขาไปจัดการถอนหญ้าที่สวนทั้งสอง
  หลิงอี๋จึงพูดขึ้นว่า“ผู้นำตระกูล.. แต่ดอกไม้พวกนั้น..”
  หลิงอี๋ต้องการจะเตือนหลิงหยุนว่าดอกไม้ในสวนทั้งสองนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของหลิงเย่วปลูกไว้ทั้งสิ้น
  หลิงหยุนมองหลิงอี๋พร้อมกับถามยิ้มๆ“ทำไมรึ คำสั่งครั้งแรกของข้าใช้ไม่ได้หรือยังไง?”
  ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนหลิงอี๋ก็รีบหันไปสั่งเหล่านักรบตระกูลหลิงทันที “พวกเจ้ายังนิ่งอยู่ทำไมกัน ไปช่วยข้าจัดการถอนหญ้าให้หมด!”
  พื้นที่กว้างขวางเช่นนี้ใหญ่โตมากพอที่จะให้หลิงหยุนปลูกสมุนไพรหายากได้อย่างมากมาย และสมุนไพรเหล่านี้ก็จะดูดซับเอาพลังชีวิตภายในบ้านตระกูลหลิงเข้าไป และเมื่อพวกมันเติบโตขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์กับหลิงหยุนมาก
  หลังจากจัดการสั่งงานแล้วหลิงหยุนก็ตรงไปยังคุกใต้ดิน และได้ทำการรักษาซือกงถูเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อย
  จากนั้นหลิงหยุนจึงกลับไปที่ห้องนอนและกำศิลากลั่นวิญญาณไว้ในมือ เพื่อฝึกให้จิตหยั่งรู้ของตนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นระหว่างที่รอให้ถึงตอนเย็น  …… novel-lucky
  “นี่หลิงหยุน..ข้าซื้อแหวนมาแล้ว เจ้าออกมาดูว่าใช่แบบที่เจ้าต้องการหรือไม่”
  หลิงหยุนลืมตาขึ้นพร้อมกับร้องบอกหลิงซิ่วที่อยู่หน้าประตูห้องว่า“พี่หลิงซิ่ว.. ประตูไม่ได้ปิด เจ้าเข้ามาได้เลย!”
  หลิงซิ่วเปิดประตูเข้ามาเห็นหลิงหยุนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงถึงกับเอ่ยชมออกมาจากใจจริง
  “ในตระกูลหลิง..มีเจ้านี่ล่ะที่ขยันฝึกวิชาที่สุด!”
  จากนั้นหลิงซิ่วก็จัดการเทแหวนที่อยู่ในถุงออกมาให้หลิงหยุนดูว่าใช่แบบที่เขาต้องการหรือไม่
  แต่จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนได้ตรวจพบแล้วว่าในถุงของหลิงซิ่วนั้นมีแหวนทำจากแพลตตินั่มอยู่ทั้งหมดสิบหกวง แต่ละวงล้วนอยู่ในกล่องบรรจุที่สวยงาม แค่ดูจากกล่องก็รู้แล้วว่ามีราคาแพงมากเพียงใด  ภายในและภายนอกแหวนนั้นเรียบเหมาะแก่การสลักค่ายกลพื้นที่ยิ่งนัก หลิงหยุนจึงบอกกับหลิงซิ่วว่า..
  “พี่หลิวซิ่งคงจะเหนื่อยมากแหวนนี้เหมาะมากเลยทีเดียว!”
  หลิงซิ่วเทแหวนออกมาพร้อมกับพึมพำว่า“นี่.. เจ้าต้องทำแหวนให้ข้าอย่างดีที่สุดล่ะ อย่าให้ข้าต้องเหนื่อยฟรี!”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดัง“ฮ่า.. ฮ่า.. พี่หลิงซิ่วเจ้ามั่นใจได้ ข้าจะทำแหวนที่ดีที่สุดให้กับเจ้าตอนนี้เลย!”
  หลิงซิ่วถึงกับตกใจจนแทบช็อค“ห๊ะ! นี่เจ้าไม่ต้องเตรียมการอะไรก่อนรึ?”
  ในใจของหลิงซิ่วนั้นคิดว่าต้องมีการเตียมการที่ใหญ่โตวุ่นวาย..
  แต่หลิงหยุนกลับหยิบแหวนออกมาจากกล่องพร้อมกับคายกระบี่เหินเงาธนูออกมาจากปากและไม่สนใจหลิงซิ่วที่ยืนอยู่ข้างๆอีก
  จากนั้นจึงใช้จิตใจควบคุมกระบี่เหินเงาธนูที่มีขนาดเท่าเข็มและทำการสลักค่ายกลพื้นที่ไว้ที่พื้นผิวของแหวนทันที หลิงหยุนใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็จัดการสลักค่ายกลพื้นที่ห้าชั้นให้กับหลิงซิ่วเสร็จแล้ว..
  จากนั้น..แหวนธรรมดาๆ ก็กลับกลายเป็นแหวนพื้นที่ซึ่งเป็นเสมือนสมบัติล้ำค่า! หลิงหยุนจัดการวางแหวนพื้นที่ลงไปบนฝ่ามือของหลิงซิ่วที่กำลังอยู่ในอาการตกตะลึง พร้อมกับอธิบายว่า
  “พี่หลิงซิ่ว..เจ้าต้องหยดเลือดของตนเองลงไปที่แหวนก่อน จากนั้นแหวนนี่จึงจะสามารถจดจำว่าเจ้าเป็นเจ้าของมัน เจ้าจึงสามารถเชื่อต่อ และสื่อสารกับมันได้!”
  หลิงซิ่วจัดการกัดนิ้วและหยดเลือดลงไปที่ตัวแหวนตามที่หลิงหยุนบอกทันที หลังจากสวมใส่นางก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาด และเริ่มทดสอบทันที..
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้อธิบายให้หลิงซิ่วฟังว่าการเคลื่อนย้ายสิ่งของภายในแหวนพื้นที่นั้น ต้องอาศัยความคิดและจิตใจในการเคลื่อนย้าย
  หลิงซิ่วพยักหน้าเข้าใจและลองเคลื่อนย้ายแก้วกาแฟบนโต๊ะทันที นางย้ายเข้าย้ายออกจนคล่องแคล่ว จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า
  “เจ้าเด็กตัวแสบ..ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงหลอกหญิงสาวได้มากมายถึงเพียงนี้!”
  หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่กรอกตาไปมา..จากนั้นจึงเริ่มจัดการสลักแหวนพื้นที่อีกเก้าวงมอบให้หลิงซิ่วนำไปแจกจ่าย ส่วนอีกหกวงนั้นเขาเก็บเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่
  “พี่หลิงซิ่ว..เจ้าจัดการนำแหวนทั้งหมดนี้ไปแจกจ่าย และช่วยอธิบายวิธีการใช้ให้ทุกคนเข้าใจด้วย!”
  หลังจากหลิงซิ่วกลับออกไปแล้วหลิงหยุนจึงเดินออกไปที่สวนชั้นที่ห้าและหก..
  ทันทีที่เห็นหลิงหยุน..เหล่ากุ่ยก็เดินเข้ามารายงานว่าคนของเขาได้นำสมุนไพรมาไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงตามที่สั่งแล้ว หลิงหยุนจึงยื่นโอสถสองขวดให้กับเหล่ากุ่ย ขวดหนึ่งคือโอสถล้างไขกระดูก ส่วนอีกหนึ่งคือโอสถหลงหลิง
  “เหล่ากุ่ย..ท่านนำโอสถล้างไขกระดูกให้ทุกคนกินเข้าไป รวมทั้งตัวท่านด้วย!”
  ……….
  หลังจากที่หลิงหยุนรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเขาก็เดินออกมาพร้อมกับหลิงลี่ หลิงหยุนสั่งให้ทุกคนถอดเสื้อออก และจากนั้นเขากับหลิงลี่ก็เริ่มทำการล้างไขกระดูกให้กับนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนทันที จากนั้นจึงสั่งให้เหล่ากุ่ยมอบโอสถหลงหลิงให้กับเหล่านักรบตระกูลหลิงกินเข้าไปคนละหนึ่งเม็ด
  เหล่านักรบตระกูลหลิงต่างก็สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ในทันที!
  ในขณะที่เหล่ากุ่ยนั้น..หลิงหยุนได้ดูแลด้วยตัวเอง ทำให้เขาสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7 ได้ในทันที
  และเวลานี้..ตระกูลหลิงนับว่ามีกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่น้อยทีเดียว!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด