Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1203 รับผิดชอบไหวร

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1203 รับผิดชอบไหวร อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  บนถนนกว้างในยามค่ำคืน..รถหรูสีดำขับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกด้วยความรวดเร็ว
  ครั้งนี้..ตี้เสี่ยวอู๋ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ โม่วู๋เตานั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนหลิงหยุนกับถังเมิ่งนั่งนั้นอยู่เบาะหลัง
  ชายหนุ่มทั้งสี่คนได้ออกมาเที่ยวกันตามลำพังโดยไม่มีหญิงสาวคนอื่นๆตามมาเป็นแรงกดดันเช่นนี้ จึงไม่ต่างกับคำพูดที่ว่า ‘แมวไม่อยู่หนูร่าเริง’ เลยแม้แต่น้อย ทั้งสี่หนุ่มต่างก็ร้องเพลงออกมาอย่างมีความสุข..
  แต่จู่ๆโม่วู๋เตาที่เอาแต่นั่งเล่นมือถือนิ่งเงียบมาตลอดทางนั้น ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
  “นับว่าพี่หลิงซิ่วใจดีมากแล้วนะที่ให้หักขาเย่เทียนสุ่ยเพียงแค่สองข้าง..”
  หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“ฮ่า.. ฮ่า.. นางไม่ได้บอกให้ข้าหักขาทั้งสองข้างของเย่เทียนสุ่ย นางให้ข้าทำยังไงก็ได้ให้หมอนั่นน้ำหนักลดลงทันทีหนึ่งร้อยกิโลกรัม!”
  โม่วู๋เตายกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับพึมพำออกไปว่า“ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องตัดแขนซ้ายกับแขนขวาออกด้วยหรอกรึ เพราะหักขาสองข้างคงจะยังไม่พอ..”
  ถังเมิ่งที่กำลังฝึกสื่อสารกับแหวนพื้นที่อยู่และไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ยังไม่สามารถทำได้นั้น เมื่อได้ยินหลิงหยุนกับโม่วู๋เตาคุยกัน จึงอดที่จะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้
  “นี่นักพรตน้อย..ทำไม่นายถึงได้โง่อย่างนี้นะ!”
  “พี่หยุนมีวิธีอื่นที่จะทำให้หมอนั่นน้ำหนักลดพรวดหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดขาตัดแขนแน่.. ”
  “พี่หยุนก็แค่ถลกผิวหนังของมันออกแล้วค่อยๆเอามีดแถเนื้อที่อยู่ข้างในออกมาซะ แค่นี้ก็น้ำหนักลดลงได้ทันตาเห็นแล้ว!”   เมื่อตี้เสี่ยวอู๋ที่ทำหน้าที่ขับรถและนิ่งเงียบมาตลอดนั้น ได้ฟังคำพูดของถังเมิ่งก็ถึงกับค้านขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
  “นี่ถังเมิ่ง..นายให้พี่หยุนทำแบบนั้น ไม่ต้องใช้ยันต์บำบัดจำนวนมากรักษาแผลให้กับมันหรอกเหรอ! เสียของแย่!”
  ทุกคนในรถถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะพากันหัวเราะออกมาด้วยความสนุกสนาน!
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  หลังจากหัวเราะกันจนตัวงอแล้วหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า “เย่เทียนสุ่ยเป็นคนของตระกูลเย่แห่งปักกิ่ง เรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเย่นั้นค่อนข้างลึกลับ และไม่ถูกเปิดเผยนัก..”
  แม้ข้อมูลต่างๆของตระกูลเย่จะไม่ถูกเปิดเผยมากนักแต่หลิงหยุนซึ่งเวลานี้เป็นถึงผู้นำตระกูลหลิง ย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลความลับต่างๆที่ตระกูลหลิงเป็นผู้เก็บไว้ และข้อมูลพื้นๆที่เกี่ยวกับเหล่าตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากสำหรับหลิงหยุนอีกต่อไป..   ถังเมิ่งถามด้วยความตื่นเต้น“พีหยุน.. ”
  ถังเมิ่งถามด้วยความตื่่นเต้น“พี่หยุน.. เรื่องเงินหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนเป็นไงมาไงเหรอ!”
  ตราบใดที่เกี่ยวกับเรื่องเงินถังเมิ่งมักจะกระตือรือร้น และอยากรู้อยากเห็นมากกว่าผู้อื่น..
  หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ “มันเป็นเงินเดิมพัน..”
  ถังเมิ่งในฐานะฉายาเซียนพนันรุ่นเล็กได้ฟังถึงกับถามขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย“แล้วเดิมพันเรื่องอะไรกันเหรอพี่หยุน”
  โม่วู๋เตาหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฮ่า.. ฮ่า.. เจ้าคงจะยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ! ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง!”
  โม่วู๋เตาหันไปมองถังเมิ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังและเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับถังเมิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ..
  “ห๊ะ!แม่เจ้าโว้ย! ลงทุนหนึ่งพันล้าน ได้มาหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนเชียวเหรอ?”
  “นี่เย่เทียนสุ่ยมันไม่กระอักเลือดไปแล้วเหรอพี่หยุน!”
  ถังเมิ่งร้องอุทานออกมาด้วยความตกอกตกใจและตื่นเต้นดีใจไปพร้อมๆกัน..
  การที่หลิงหยุนเอาชนะการประลองได้นั้นถังเมิ่งไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่เงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนที่ได้กลับมาต่างหาก ที่ทำให้เขานึกทึ่งในตัวหลิงหยุน เพราะมันคือกำไรที่มหาศาลมาก..
  หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่งพร้อมตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ในเมื่อฉันเลือกที่จะเดิมพัน ฉันก็ต้องมั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายชนะ นายก็รู้เรื่องนี้ดีไม่ใช่รึ”
  ถังเมิ่งหันไปมองหลิงหยนุพร้อมกับเอ่ยชมจากใจจริง“พี่หยุน.. ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง!”
  ถังเมิ่งอยู่กับหลิงหยุนมาตั้งแต่เริ่มต้นผ่านเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายในชีวิตมาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ถังเมิ่งลืมนึกถึงเรื่องการเดิมพันครั้งแรกของหลิงหยุนไปเสียสนิท!
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ตระกูลเย่ต่างจากตระกูลซันกับตระกูลเฉิน การไปพบเย่เทียนสุ่ยครั้งนี้ จุดประสงค์หลักของฉันไม่ใช่เรื่องเงิน ฉันแค่ต้องการไปดูท่าทีของตระกูลเย่ที่มีต่อตระกูลหลิงเท่านั้น..”
  ถังเมิ่งพยักหน้าหงึกๆพร้อมกับพึมพำว่า “อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”
  หลิงหยุนมาปักกิ่งถึงสองครั้งแล้วก็จริงแต่ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านหลังเล็กของตระกูลหลิง มีเพียงครั้งสุดท้ายที่ไปเคารพหลุมศพบรรพชนที่สุสานเท่านั้น ที่หลิงหยุนได้เผชิญหน้า และสั่งสอนตระกูลซันกับตระกูลเฉินต่อหน้าสาธารณชน..
  คืนนี้..หลิงหยุนจึงจงใจที่จะไปพบเย่เทียนสุ่ยที่บ่อนในฐานะผู้นำตระกูลหลิง เพื่อดูท่าทีของคนตระกูลเย่..
  อีกทั้งหลิงหยุนรู้สึกว่าเย่เทียนสุ่ยนั้นเหมาะอย่างยิ่งที่เขาจะไปเผชิญหน้าด้วยนั่นเพราะถึงแม้หลิงหยุนจะอายุเพียงแค่สิบเก้าปี แต่ก็มีฐานะเป็นถึงผู้นำตระกูลหลิง..
  นั่นเพราะหากอีกฝ่ายมีฐานะที่ต่ำต้อยจนเกินไปการปรากฏตัวของหลิงหยุนก็ย่อมไม่มีประโยชน์อะไร แต่หากอีกฝ่ายมีฐานะที่สูงส่งจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นผู้นำตระกูลหลง – หลงฮ่าวหลาน หรือว่าผู้นำตระกูลเย่ – เย่ชิงเฟิง หากได้เผชิญหน้ากัน หลิงหยุนก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใด
  ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่ได้เกรงกลัวแต่ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหลิงในเวลานี้เช่นกัน..
  ด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงเลือกที่จะมาเผชิญหน้ากับเย่เทียนสุ่ย ซึ่งฐานะภายในตระกูลเย่นั้นแม้จะไม่ได้สูงส่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้ด้อยจนเกินไป กำลังเหมาะสมสำหรับหลิงหยุนในเวลานี้!
  อีกทั้งคืนนี้ก็เป็นคืนวันที่7 และในคืนวันที่ 9 หลิงหยุนเองก็ตั้งใจที่จะไปโรงประมูลชาวยุทธที่ตระกูลเย่เป็นผู้จัดขึ้น ครั้งนี้จึงนับเป็นการโยนหินถามทาง..
  แม้หลิงหยุนจะเป็นคนยะโสโอหังไม่เกรงกลัวผู้ใดแต่เขาก็ไม่ได้หูหนวกตาบอดจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร..
  ระหว่างทางที่มุ่งหน้าสู่บ่อนส่วนตัวของเย่เทียนสุ่ยนั้นทั้งสี่คนก็พูดคุยกัน พร้อมกับหัวเราะกันอย่างสนุกสนานอยู่ภายในรถ
  “ตรงไปทางทิศใต้..”
  ทันทีที่รถหรูสีดำขับมาถึงด้านตะวันออกของถนนวงแหวนที่สามหลิงหยุนจึงเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออก และสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ขับมุ่งหน้าไปทางทิศใต้..
  ขับไปได้เพียงแค่ห้านาทีหลิงหยุนก็ร้องสั่งตี้เสี่ยวอู๋ว่า “จอดตรงนี้!”
  ตี้เสี่ยวอู๋จอดรถตามคำสั่งหลิงหยุนแล้วทั้งหมดก็เดินลงจากรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่อยู่ด้านหน้า แต่แล้วถังเมิ่งก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างผิดหวัง  “ชิบหาย!นี่มันอะไรกันพีหยุน! บ่อนอะไรทำไมถึงได้ทรุดโทรมขนาดนี้?!”
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“นายอย่าดูแค่ภายนอก.. ข้างในไม่ใช่แบบนี้!”
  และนี่คือปักกิ่ง..คุณไม่สามารถตัดสินทุกอย่างได้จากภายนอก ไม่เช่นนั้นแล้วการตัดสินใจของคุณอาจจะผิดพลาดไปในทันที!
  ตี้เสี่ยวอู๋หันไปมองถังเมิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ถังเมิ่ง.. นายดูรถที่จอดอยู่ด้านหน้าประตูสิ!”
  ถังเมิ่งถึงกับอ้าปากค้าง..เพราะรถที่จอดอยู่ด้านนอกอาคารเก่าๆนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นรถหรูราคาหลายสิบล้านทั้งสิ้น และหากเทียบกับรถ Mercedez-Benz ของหลิงหยุนแล้ว รถของเขานับว่ากระจอกไปเลยทีเดียว
  หลังจากที่ชายหนุ่มทั้งสี่คนลงมาจากรถแล้วทั้งหมดก็ได้ยินเสียงรถหรูราคาหลายสิบล้านคันหนึ่งขับมาแต่ไกล และมาจอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสี่คน  เจ้าขอรถMaybach คันนี้เป็นชายหนุ่มที่มาพร้อมกับหญิงสาวผมยาวแต่งหน้าหนาเตอะ และทันทีที่เปิดกระจกรถลง เขาก็ร้องถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน..
  “รถผุๆคันนั้นเป็นของใครกัน”
  ทั้งหลิงหยุนตี้เสี่ยวอู๋ และถังเมิ่งถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ส่วนโม่วู๋เตานั้นเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย..
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“เป็นของฉันเอง!”
  “อ่อ..ถ้างั้นก็รีบขับรถผุๆของแกไปจอดที่อื่น ตรงนี้เป็นที่จอดรถของฉัน!”
  ชายหนุ่มที่ขับรถยนต์คันหรูนี้ดูเหมือนจะเป็นคนใจร้อนมากก็เพราะเมื่อสองสามวันก่อนเขาเพิ่งจะเสียเงินให้กับบ่อนแห่งนี้ไปมากมาย เมื่อมาเห็นที่จอดรถของตนโดนคนอื่นจอดตัดหน้าไปก่อนเช่นนี้ จึงถึงกับฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและจงใจนอบกลับไปว่า “ที่นี่เป็นที่จอดรถของแกงั้นรึ! แต่ฉันไม่เห็นมีชื่อติดไว้เลยนี่?!”
  “ใครๆที่นี่ก็รู้ว่าตรงนี้เป็นที่จอดรถของฉัน– หยางจง แกหุบปาก แล้วรีบขับรถผุๆของแกออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
  หยางจงเป็นหนุ่มเพลย์บอยและเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจใหญ่ในเมืองปักกิ่ง ใครๆต่างก็รู้ว่าเขาร่ำรวยมากเพียงใด
  หยางจงคิดว่าทันทีที่ทั้งสี่คนได้ยินชื่อของตนก็คงจะรู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ และรีบขับรถของตนเองออกไปทันที แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะชายหนุ่มทั้งสี่คนยังคงยืนทำสีหน้านิ่งเฉย และหลิงหยุนก็ตอบกลับไปว่า
  “เสียใจด้วย..รถของฉันรากงอกแล้ว ไม่สามารถขับออกไปได้!”
  “นี่..ยังจัดการไม่ได้อีกเหรอ!”
  เสียงของหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถดังออกมาสีหน้าของเธอบ่งบอกว่ารังเกียจชายหนุ่มทั้งสี่คนยิ่งนัก..
  หยางจงร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห“ถ้าพวกแกไม่ขับออกไป ฉันก็จะพังรถของพวกแกทิ้งซะ! แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังก็แล้วกัน..”
  หลิงหยุนจ้องหน้าหยางจงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“แกอยากจะพังรถคันนี้ก็ได้ แต่ฉันกลัวว่าคนอย่างแกจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ!”
  พูดจบ..หลิงหยุนจึงก้าวเท้าออกไปด้านข้างสองสามก้าว เพื่อหลีกทางให้กับหยางจงได้เดินเข้าไปยังที่จอดรถ
  ถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาเองต่างก็รู้ใจหลิงหยุน พวกเขาจึงได้เดินตามหลิงหยุนออกไป เพื่อเปิดทางให้หยางจงได้เข้าไป
  เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งของชายหนุ่มทั้งสี่คนหยางจงกลับยืนนิ่งไม่กล้าลงมือ และได้แต่นึกถึงคำพูดของหลิงหยุน..
  ‘ฉันกลัวว่าคนอย่างแกจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ!’
  หยางจงกำลังคิดว่าหรือตนจะเจอตอเข้าแล้ว!
  ในเมืองปักกิ่งนั้น..แทบไม่มีปัญหาเลยหากหยางจงจะมีเรื่อง แต่ต้องไม่ไปสะดุดตอเข้าเท่านั้น!
  หยางจงจัดว่าเป็นเด็กหนุ่มที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็ว่าได้อีกทั้งยังเติบโตในปักกิ่ง จึงย่อมถูกย้ำเตือนในเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดี..
  ด้วยเหตุนี้..หยางจงจึงชะโงกหน้าออกไปนอกรถเพื่อดูหน้าชายหนุ่มทั้งสี่คนให้ชัดๆ อีกครั้ง และพยายามนึกว่าตนเองพบเห็นชายหนุ่มทั้งสี่บ้างหรือไม่
  แต่หลังจากที่มั่นใจว่าทั้งสี่คนนั้นไม่ใช่ลูกคนใหญ่คนโตที่ไหนแน่แล้วหยางจงจึงร้องตะโกนออกไปว่า
  “ได้..ในเมื่อพวกแกสี่คนอยากจะมีเรื่องกับฉัน ฉันก็จะจัดให้!”
  “คิดว่าคนอย่างฉันไม่กล้าชนรถของแกงั้นรึ!”   หยางจงหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับเหยียบคันเร่งเสียงดัง.. แต่เขากลับไม่พบสีหน้าตื่นตระหนกตกใจของชายหนุ่มทั้งสี่คนเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำทั้งหมดยังยืนดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย..
  ไม่เพียงเท่านั้น..หยางจงยังเห็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมคล้ายนักพรตร้องตะโกนท้าทายด้วยความหงุดหงิด
  “พูดมากอยู่ได้!เจ้าบอกจะชนก็ไม่ชนเสียที ข้ากำลังรออัดคลิปวีดีโอจนเมื่อยแล้ว!”
  ระหว่างที่พูด..โม่วู๋เตาก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมารอถ่ายจริงๆ
  “เอ่อ..”
  หยางจงได้ยินอีกฝ่ายท้าทายเช่นนั้นก็ถึงกับลังเลขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้าขับรถชน หรือเป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังถ่ายคลิปวีดีโอ เพียงแต่เพื่อแย่งที่จอดรถ ตนถึงกับจะต้องทำให้รถ Maybach ที่เพิ่งซื้อมาต้องมีริ้วรอยเชียวหรือ เมื่อคิดได้เช่นนี้หยางจงจึงนึกเสียดายขึ้นมา..   ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ..อีกฝ่ายนั้นดูสงบนิ่งจนผิดปกติ และถึงแม้รถของพวกเขาทั้งสี่คนจะไม่หรูหราเท่ารถของตนเอง แต่การแต่งตัวของชายหนุ่มทั้งสามคนนั้น ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของตนเองเลย..
  เพราะหากตนไปสะดุดเข้ากับตอจริงๆก็ยากนักที่ตนเองจะรับไหว อีกทั้งต่อให้ชายหนุ่มทั้งสี่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง แต่เขาก็มาเพียงคนเดียว คงยากที่จะรับมือชายหนุ่มพร้อมกันทั้งสี่คนได้หากมีเรื่อง!
  เรียกได้ว่า..ก่อนจะได้เป็นพระเอก คงต้องพ่ายแพ้ยับเยินก่อน!
  “ได้..พวกแกอย่ามานึกเสียใจทีหลังล่ะ!”
  แต่ระหว่างนั้นเสียงของหญิงสาวในรถก็ร้องตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน“นี่.. ถ้าพวกมันไม่ออก เราก็จอดขวางรถของพวกมันไว้เลย!”
  เมื่อหญิงสาวเห็นหยางจงไม่กล้าจัดการก็เปิดประตูออกไปด้วยความโมโห เธอได้ยินคำพูดของหลิงหยุนมาโดยตลอด และกำลังรอดูว่าหยางจงจะกล้าชนรถของฝ่ายตรงข้ามหรือไม่
  หลังจากที่หญิงสาวเดินลงจากรถไปแล้วหยางจงก็ขับรถ Maybachของตนมาขวางท้ายรถของหลิงหยุนไว้ แล้วเดินกอดเอวหญิงสาวออกไปทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาพูดกับชายหนุ่มทั้งสี่ว่า
  “ในเมื่อพวกแกอยากจะจอดตรงนั้นก็จอดไปแต่คืนนี้ฉันจะอยู่ในบ่อนจนถึงเช้า แล้วก็จะเรียกให้คนเอารถมารับตอนเช้า ส่วนรถคันนี้ก็จะจอดขวางรถของพวกแกอยู่ที่นี่สักสองสามวัน..”
  หยางจงร้องตะโกนบอกหลิงหยุนกับเพื่อนๆด้วยความรู้สึกสะใจอย่างผู้กุมชัยชนะ!
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับหยางจงว่า “ถ้าแกทำแบบนี้.. อาจเป็นรถของแกที่ถูกชนก็ได้นะ!”
  “ห๊ะ!รถของฉันเหรอ?!”
  หยางจงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและได้แต่แอบคิดว่าอีกฝ่ายใหญ่โตแค่ไหน ถึงได้กล้าคิดที่จะขับรถชนรถของตนเอง!
  “พวกแกแหกตาดูให้ดีก่อน!นี่รถ Maybach รุ่น Limited Edition ถ้าพวกแกคิดว่ามีปัญญารับผิดชอบ ก็ลงมือได้เลย!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามขึ้นว่า“ฉันจะขับรถออกตอนนี้ ถ้าแกไม่ขับรถของแกออกไป ฉันชนแน่!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด