Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1416 หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (9)

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1416 หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (9) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 1416 : หลิงหยุนช่วยฉินจิวยื่อ (9)
  ในที่สุดเย่ซิงเฉินก็มาสมทบกับหลิงหยุนได้สำเร็จหลิงหยุนเองก็ได้รู้ว่าคุนหลุนไม่รามือจากตนแน่ เวลานี้ความโกรธแค้นภายในใจปะทุขึ้นอย่างมาก และหากเขาไม่จัดการกับศิษย์คุนหลุนทั้งสี่นี้ เขาคงไม่หายแค้นใจแน่!
  “ห๊ะ!ตลอดครึ่งปีมานี้ท่านน้าไม่เคยได้กินอิ่มท้องสักมื้อเลยงั้นรึ? ตี๋เสี่ยวเจิน เจ้ามันเสียสติไปแล้ว!”
  เย่ซิงเฉินร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาลใจยิ่งนัก!
  ฉินจิวยื่อเป็นแม่บุญธรรมของหลิงหยุนก็จริงแต่เขาก็เลี้ยงดูหลิงหยุนราวกับลูกของตนเองมานานถึงสิบแปดปี หากจะพูดไป ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น นางเลี้ยงดูหลิงหยุนดีกว่าหนิงหลิงยู่ซึ่งเป็นลูกแท้ๆของตนเองเสียอีก เย่ซิงเฉินเคยได้ยินหลิงหยุนพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
  เมื่อได้เห็นฉินจิวยื่อเย่ซิงเฉินก็อดนึกถึงหยินชิงเฉวียนซึ่งเป็นอาจารย์ของตนเอง และเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดหลิงหยุนไม่ได้ นางหลบสายตาลง และกำลังนึกถึงหยินชิงเฉวียนที่ได้รับทุกข์ทรมานอยู่ในพรรคมารเช่นกัน
  “ซิงเฉินเจ้าดูสิ..ข้าทำอาหารให้ท่านแม่ทาน แต่เพราะศัตรูพวกนี้ ทำให้ท่านแม่ของข้ากินอาหารไม่เป็นสุข เจ้าอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนท่านแม่ ข้าจะออกไปสังหารพวกมัน!”
  หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง..
  “ได้..เชิญเจ้าตามสบาย!”
  เย่ซิงเฉินรีบพยุงฉินจิวยื่อกลับไปนั่งเก้าอี้ตามเดิมแต่แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง “คนพวกนั้นแข็งแกร่งไม่น้อย ข้าเกรงว่าหากพวกมันจู่โจมเจ้าในคราเดียวพร้อมกัน เจ้าจะไม่สามารถรับมือพวกมันได้น่ะสิ!”
  เวลานี้เย่ซิงเฉินกระจ่างแก่ใจแล้วว่านางหาใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานไม่ แม้ว่านางจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับความจริง..หยินชิงเฉวียนซึ่งเป็นอาจารย์ของตนเอง และเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดหลิงหยุนไม่ได้ นางหลบสายตาลง และกำลังนึกถึงหยินชิงเฉวียนที่ได้รับทุกข์ทรมานอยู่ในพรรคมารเช่นกัน
  “ซิงเฉินเจ้าดูสิ..ข้าทำอาหารให้ท่านแม่ทาน แต่เพราะศัตรูพวกนี้ ทำให้ท่านแม่ของข้ากินอาหารไม่เป็นสุข เจ้าอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนท่านแม่ ข้าจะออกไปสังหารพวกมัน!”
  หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง..
  “ได้..เชิญเจ้าตามสบาย!”
  เย่ซิงเฉินรีบพยุงฉินจิวยื่อกลับไปนั่งเก้าอี้ตามเดิมแต่แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง “คนพวกนั้นแข็งแกร่งไม่น้อย ข้าเกรงว่าหากพวกมันจู่โจมเจ้าในคราเดียวพร้อมกัน เจ้าจะไม่สามารถรับมือพวกมันได้น่ะสิ!”
  เวลานี้เย่ซิงเฉินกระจ่างแก่ใจแล้วว่านางหาใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานไม่ แม้ว่านางจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับความจริง..   “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป!”
  หลิงหยุนปลอบโยนเย่ซิงเฉินให้คลายความกังวลใจจากนั้นจึงเรียกหลิวเทวะวิญญาณออกมาจากจุดตันเถียนของตน และเมื่อออกมาด้านนอก มันก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง และแตกกิ่งก้านใบอีกมากมาย
  เมื่อได้เห็นหลิวเทวะวิญญาณที่มีสีเขียวใสและสุกสว่างฉินจิวยื่อถึงกับตกตะลึง และเอ่ยถามออกมาด้วยความงุนงง
  “หลิงหยุนนี่มันคืออะไร”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ท่านแม่ ท่านยังจำกล่องไม้กล่องนั้นได้หรือไม่ แท้ที่จริงมันก็คือมรดกที่บรรพชนตระกูลหลิงทิ้งไว้ให้ ข้าเองก็เพิ่งจะมารู้ทีหลังว่า มันคือหลิวเทวะวิญญาณ..”
  “มรดกที่บรรพชนตระกูลหลิงทิ้งไว้ให้..”
  ฉินจิวยื่อจ้องมองหลิวเทวะวิญญาณอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับพึมพำออกมาจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนอีกครั้ง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
  “หลิงหยุนนี่เจ้าคงจะได้พบกับครอบครัวของตนเองแล้วสินะ”
  หลิงหยุนพยักหน้าทันที“ใช่แล้วท่านแม่ แต่ข้าไม่สามารถเล่ารายละเอียดให้ท่านฟังเวลานี้ หากท่านแม่อยากรู้เรื่องใด ท่านแม่ถามซิงเฉินได้เลย..”
  ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตย้ายหลิวเทวะวิญญาณที่มีลำต้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสี่สิบเซ็นติเมตรนี้ ฝังลงบนผืนดินของหน้าผาแห่งนี้ทันที
  หลิวเทวะวิญญาณซึ่งเป็นมรดกของบรรพชนตระกูลหลิงต้นนี้ได้ถูกปลุกฟื้นคืนชีพอีกครั้งในวันกราบไหว้บรรพชน จากนั้นได้ถูกสมุดจักรพรรดิยึดไป และหลังจากหยั่งรากลงในสมุดจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดินแล้ว หลิวเทวะต้นนี้ก็เติบใหญ่แข็งแกร่งว่าต้นที่เขาปลูกไว้เองมาก
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่หนิงหลิงยู่รับทัณฑ์สวรรค์หลิวเทวะวิญญาณต้นนี้ได้อาบสายฟ้าเทวะเข้าไป และในวันที่หลิงหยุนรับทัณฑ์สวรรค์ หลิวเทวะวิญญาณต้นนี้ก็ได้ดูดซับเอาสายฟ้าธาตุไม้เข้าไปมากมาย เวลานี้ล้ำต้นของมันจึงขยายใหญ่และมีรัศมีเกือบครึ่งเมตรแล้ว
  เวลานี้หลิวเทวะวิญญาณสามารถรับรู้ได้แล้ว แม้มันจะไม่สามารถสื่อสารกับหลิงหยุนได้โดยตรง แต่ก็สามารถเข้าใจความคิดของหลิงหยุนได้ เมื่อหลิงหยุนใช้พลังจิตเรียกมันออกมาเช่นนี้ มันจึงสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าหลิงหยุนต้องการใช้มันในการใด
  “เจ้าทำหน้าที่ปกป้องผืนปฐพีตรงนี้ไว้และปกป้องพวกนางทั้งสองคน!” หลิงหยุนใช้พลังจิตของตนสื่อสารให้หลิวเทวะวิญญาณรู้อีกครั้ง..
  หลิวเทวะวิญญาณโบกสะบัดกิ่งก้านไปมาคล้ายรับคำสั่งในขณะเดียวกันก็ทอประกายสีเขียวเจิดจ้าออกมา หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่านี่คือการตอบรับของหลิวเทวะวิญญาณ
  ก่อนหน้านี้หลิงหยุนไม่นำหลิวเทวะวิญญาณออกมานั้นเพราะเกรงว่าศิษย์คุนหลุนจะหาทางฉกฉวยหลิวเทวะวิญญาณไป และไม่มั่นใจว่ามันจะสามารถปกป้องฉินจิวยื่อได้หรือไม่ แต่เวลานี้มีเย่ซิงเฉินอยู่ด้วย ต่อให้ศิษย์คุนหลุนสามารถทำลายหลิวเทวะวิญญาณได้ ก็ยังมีนางคอยปกป้องคุ้มครองฉินจิวยื่ออยู่อีกทั้งคน
  “ท่านแม่ท่านอยู่ที่นี่ทานอาหารให้อร่อย และคอยดูข้าสังหารศัตรูแก้แค้นให้ท่านลุงหนิง!”
  ระหว่างที่ร้องบอกฉินจิวยื่อหลิงหยุนก็เรียกลูกเหล็กใหญ่ทั้งสามสิบหกลูกกลับเข้าไปในแหวน และค่ายกลวราหกก็อันตธานหายไปในทันที!
  ทันทีที่หมอกหนาสีขาวจางหายไปภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าก็ได้สร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก!
  “ห๊ะ…”  “นี่มันอะไร..”
  “สวรรค์!เหตุใดหลิวต้นนี้จึงได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่นี่”
  เหล่าศิษย์คุนหลุนที่เหาะอยู่บนท้องนภาเมื่อได้เห็นหลิวเทวะวิญญาณก็ถึงกับตกอกตกใจ และไม่สามารถรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ได้อีกต่อไป
  “ไม่ใช่หลิวต้นเดียวกัน!ต้นนี้ยังเล็กเกินไป!”
  จ้าวหมิงถังจ้องมองหลิวเทวะวิญญาณแน่นิ่งพร้อมกับเอ่ยออกมาเขามั่นใจว่าหลิวเทวะวิญญาณต้นนี้ มิใช่ต้นเดียวกันกับที่ตระกูลหลิงเคยนำไปคุนหลุนเมื่อสี่สิบปีก่อน!
  ปัง!
  หลัวหย่งฉีไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เห็นได้เขาเงื้อขวานใหญ่ในมือฟันเข้าใส่หลิวเทวะวิญญาณทันที โดยไม่สนใจหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย..
  แต่หลิวเทวะวิญาณกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยมันยังคงทอประกายสีเขียวสุกใสเช่นเคย..
  “…”
  หลัวหย่งฉีได้แต่ตกตะลึงจนไม่สามารถกล่าววาจาออกมาได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เวลานี้ มันเหนือความคาดหมายของเขามาก
  ศิษย์คุนหลุนทั้งสามรวมทั้งจ้าวหมิงถังถึงกับขบฟันแน่นในขณะที่จ้องมองหลิวเทวะด้วยความคับแค้นใจ เพราะเมื่อสี่สิบปีก่อนนั้น คุนหลุนก็ไม่สามารถทำอะไรคนตระกูลหลิงที่บุกเข้าไปคุนหลุนได้ ก็เพราะหลิวเทวะวิญญาณนี้ ยามนี้พวกเขากลับต้องมาพบเจออีกอย่างนั้นหรือ
  “ศิษย์พี่เหตุใดหลิวเทวะวิญญาณจึงสามารถเติบโตนอกคุนหลุนได้เช่นนี้”
  หลังจากที่ได้จ้าวหมิงถังรักษาอาการบาดเจ็บให้เวลานี้เหวียนถงก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่เมื่อเห็นหลิวเทวะวิญญาณปรากฏขึ้นเช่นนี้ จึงได้แต่ร้องถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ  “เจ้ายังต้องถามอีกรึ”
  จ้าวหมิงถังยกมือชี้ไปทางหลิงหยุนซึ่งยืนอยู่ข้างหลิวเทวะวิญญาณพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า..
  –โลกใบนี้ถูกทำลายไปมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้พลังชีวิตจึงค่อนข้างขาดแคลน ต่อให้ตระกูลหลิงมีคัมภีร์เสวียนหวง แต่ก็ยากที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหลิวเทวะวิญญาณได้ เมื่อไม่ได้.. ตระกูลหลิงจึงมิอาจบ่มเพาะพลัง แต่เวลานี้ตระกูลหลิงมีผู้บ่มเพาะพลังได้แล้ว อีกทั้งยังรู้วิธีปลุกชีพมรดกบรรพชนตระกูลหลิงอีกด้วย!-
  จ้าวหมิงถังอธิบายให้กับศิษย์น้องทั้งสามฟังผ่านทางกระแสจิต..
  –ไม่นึกไม่ฝันว่าเมือสี่สิบปีก่อนตระกูลหลิงได้นำหลิวเทวะวิญญาณไปคุนหลุน แต่กลับแอบทิ้งต้นเล็กไว้เช่นนี้!-
  จ้าวหมิงถังรู้สึกเศร้าใจอย่างมากในตอนนี้หลังจากได้เห็นหลิวเทวะวิญญาณ เขาก็รู้ได้ทันทีว่า ต่อให้พวกตนทั้งสี่คนร่วมแรงกัน ก็ยากที่จะทำลายการป้องกันของหลิวเทวะวิญญาณไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้หากหลิงหยุนไม่ออกมา พวกตนก็ไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้!
  –ศิษย์พี่เช่นนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี-
  –มีหนทางเดียวคือต้องรอให้หลิงหยุนออกมาเท่านั้น!จากนั้นพวกเราสี่คนจึงค่อยร่วมมือกันสังหารมัน จากนั้นจึงค่อยหาวิธีนำหลิวเทวะวิญญาณต้นนี้กลับคุนหลุน วิธีนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุด!-
  –แต่ถ้าหลิงหยุนไม่ยอมออกมาเล่า-
  –มันต้องออกมาแน่!-
  สีหน้าของจ้าวหมิงถังดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กระบี่สีแดงสุกสว่างในมือของหลิงหยุน
  –ท่านเจ้าสำนักตี๋เวลานี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ท่านรีบมาที่นี่ พวกเราต้องร่วมมือกันสังหารหลิงหยุนให้จงได้!-
  จ้าวหมิงถังไม่กล้าประมาทหลิงหยุนอีกและเรียกให้ตี๋เฮ่อหมิงรีบมาช่วยพวกตน  ในขณะที่ศิษย์ทั้งสี่ของคุนหลุนกำลังหนักใจแต่หลิงหยุนกลับดีอกดีใจ เพราะเวลานี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับกลางขั้นก่อสร้างรากฐาน ยังมิอาจฝ่าแนวป้องกันของหลิวเทวะวิญญาณมาได้ ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
  ในระหว่างนั้นเองหลิงหยุนก็กำกระบี่โลหิตเทวะในมือแน่น พร้อมกับพุ่งทะยานขึ้นสู่เวหา ตรงเข้าไปในวงล้อมของศิษย์คุนหลุนทั้งสี่คนทันที
  “พวกเจ้าทั้งสี่เป็นคนของคุนหลุนงั้นรึ”
  หลิงหยุนยกปลายกระบี่สีแดงโลหิตในมือขึ้นชี้หน้าจ้าวหมิงถังพร้อมกับร้องถามออกไปทันที
  “ถูกต้อง!ข้าคือศิษย์คุนนามหลุนจ้าวหมิงถัง ส่วนอีกสามคนคือศิษย์น้องของข้า”
  จ้าวหมิงถังยอมรับในทันทีเพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องปกปิดฐานะของตน
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามต่อว่า“ถ้าเช่นนั้นจงบอกข้ามาว่า คุนหลุนอยู่ที่ใด และเป็นสถานที่เช่นใด”
  จ้าวหมิงถังยิ้มเยือกเย็นในขณะที่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้!”
  “ข้าไม่มีคุณสมบัติพองั้นรึ”
  “แต่เท่าที่ข้ารู้มาตามกฏยุทธภพแล้ว คุนหลุนห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในยุทธภพมิใช่รึ เหตุใดคุนหลุนจึงได้ฝ่าฝืนกฏยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวในยุทธภพซ้ำแล้วซ้ำเล่า? และเมื่อสี่สิบปีก่อน เป้าหมายก็คือตระกูลหลิงของข้าไม่ใช่รึ?”
  จ้าวหมิงถังยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า“หลิงหยุน เจ้าอย่านอกเรื่องดีกว่า คืนนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”
  “ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายพูดเรื่องเมื่อสี่สิบปีก่อนขึ้นมาข้าก็จะบอกให้ฟังว่า ที่สี่สิบปีก่อนคุนหลุนต้องจัดการกับตระกูลหลิงนั้น เพราะคนตระกูลหลิงเป็นฝ่ายบุกรุกคุนหลุนก่อน และเป็นผู้ฝ่าฝืนกฏก่อน!”   “เรื่องเกี่ยวกับตระกูลหลิงจึงมิใช่เรื่องในยุทธภพอีกต่อไป!”
  “แต่จะเพราะเหตุผลใดนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้าแล้ว!”
  หลิงหยุนฟังแล้วถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเขาส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฮ่าๆๆ คนของคุนหลุนล้วนแล้วแต่ชอบพูดจาโอ้อวดไร้ยางอาย วันนี้จะเป็นวันตายของผู้ใดนั้น เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง!”
  ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะพูดจบดีหอกมังกรทองก็พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของศิษย์คุนหลุนที่อ่อนด้อยที่สุด ซึ่งก็คือเหวียนถง!
  ในขณะเดียวกันร่างของหลิงหยุนก็พุ่งทะยานเข้าใส่หลัวหย่งฉีอย่างรวดเร็ว!
  “สังหารมัน!”
  เสียงศิษย์คุนหลุนทั้งสี่ร้องตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันในขณะที่ใช้อาวุธของตนพุ่งโจมตีใส่ร่างของหลิงหยุนพร้อมกันในคราวเดียว  และเวลานี้สงครามสะเทือนปฐพีก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด