Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1372 ระดับกลางขั้นอู่เฉิงชี่

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1372 ระดับกลางขั้นอู่เฉิงชี่ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  สำหรับผู้ที่บ่มเพาะพลังนั้นเมื่อเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้แล้ว สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือสามารถเปิดจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วได้ จิตหยั่งรู้ถือกำเนิดขึ้น รู้วิธีกลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญญาณ สามารถกลั่นเสินหยวน และใช้เสินหยวนสร้างพลังเหนือธรรมชาติต่างๆในการต่อสู้ได้
  ในระดับเริ่มต้นของขั้นพลังชี่นั้นสิ่งที่จะบอกว่าผู้บ่มเพาะตนพัฒนาไปได้แข็งแกร่งมากเพียงใด สามารถดูได้จากจำนวนหยดเสินหยวนที่เผาได้พร้อมกัน และความเร็วในการเปลี่ยนเสินหยวนเป็นพลังเหนือธรรมชาติ
  และทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดของผู้บ่มเพาะตนรวมถึงวิชาต่างๆที่คนผู้นั้นฝึกฝนด้วย
  แต่ไม่ว่าผู้บ่มเพาะตนจะเก่งกาจสามารถเผาเสินหยวนได้พร้อมกันมากมายเพียงใดแต่ก็ได้สูงสุดเท่าที่แต่ละขั้นจะรองรับได้เท่านั้น หากต้องการเผาเสินหยวนให้ได้มากกว่านั้นจึงมีเพียงแค่หนทางเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือการพัฒนาเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่เท่านั้น..
  นั่นเพราะการเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่นั้นขนาดของจุดซือไห่จะขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง และมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้สามารถกลั่นเสินหยวนได้เร็วขึ้น และสามารถกักเก็บเสินหยวนได้มากขึ้น แน่นอนว่าความสามารถในการเผาหยดเสินหยวนย่อมต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
  ในด่านกลางขั้นพลังชี่นี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บ่มเพาะตนก็คือ พื้นที่ในการกักเก็บเสินหยวน และความเร็วในการแปลงเสินหยวนให้เป็นพลังเหนือธรรมชาติ!
  หรือจะพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆก็คือว่าความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะตนในขั้นนี้นั้น ขึ้นอยู่กับสองสิ่งที่กล่าวมาเบื้องต้นนั่นเอง!
  สำหรับผู้ที่ฝึกบ่มเพาะพลังมาจนสามารถเข้าสู่ด่านกลางและด่านสุดท้ายของขั้นพลังชี่ได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหรือไม่นั้น ไม่ว่าจะสามารถกลั่นเสินหยวนได้เร็วหรือช้า แต่ทุกคนจะมีเสินหยวนที่กักเก็บอยู่ในจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วไว้ใช้ได้นานถึงหนึ่งอาทิตย์ หรือแม้กระทั่งเป็นเดือนเลยทีเดียว..
  ด้วยเหตุนี้..จึงไม่จำเป็นที่ผู้บ่มเพาะในขั้นนี้จะต้องเร่งกลั่นเสินหยวนเก็บไว้ในจุดซือไห่ให้มาก
  ยกตัวอย่างเช่นหลิงหยุนที่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่(ขั้นพลังชี่-3) นั้น สามารถกักเก็บเสินหยวนไว้ในจุดซือไห่ได้มากกว่าหกหมื่นหยด และในเวลาเพียงแค่หนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวัน เขาก็สามารถกลั่นเสินหยวนได้ถึงหนึ่งในห้า..
  และเมื่อหลิงหยุนเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่จุดซือไห่ของเขาได้ขยายใหญ่จากเดิมถึงเก้าเท่า ทำให้สามารถรองรับเสินหยวนได้นับหลายแสนหยด ระหว่างที่ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นนั้น เขาสามารถกลั่นเสินหยวนไปได้เรื่อยๆ และไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
  เหตุใดผู้บ่มเพาะจึงต้องฝึกฝนตนให้เข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่อย่างนั้นหรือเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก.. สำหรับใช้ในการต่อสู้กับศัตรูนั่นเอง! ด้วยเสินหยวนนับแสนหยดนี้ หากแข็งแกร่งมากพอก็จะสามารถเผาเสินหยวนได้ในปริมาณมาก เมื่อถึงคราวที่ต้องประมือกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในขั้นสูงกว่ามาก จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่สามารถจะเอาชนะได้..
  อีกทั้งหากสามารถแปลงเสินหยวนเป็นพลังเหนือธรรมชาติได้รวดเร็วมากเท่าใดผู้บ่มเพาะตนก็จะยิ่งสามารถเหาะไปในอากาศได้ด้วยความเร็วที่สูงมากขึ้นเท่านั้น!
  และเมื่อสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้แข็งแกร่งเท่าใดก็ย่อมต้องใช้เวทย์มนต์ และพลังวิเศษในการต่อสู้ได้แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
  สำหรับผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นนั้นหลังจากเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่แล้ว อาจต้องอาศัยการฝึกฝนแปลงเสินหยวนเป็นพลังเหนือธรรมชาติ และเวทย์มนต์ต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  แต่ไม่ใช่หลิงหยุน..เขาเป็นผู้บ่มเพาะตนในขั้นอมตะ ที่ต้องกลับมาเริ่มต้นบ่มเพาะพลังใหม่บนโลกใบนี้เท่านั้น แต่ความเชี่ยวชาญในการแปลงเสินหยวนเป็นพลังวิเศษต่างๆนั้น เป็นเรื่องที่เขาย่อมคุ้นเคยดี..
  ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอีก..
  ….
  เวลานี้หลิงหยุนได้เผาเสินหยวนไปอีกหนึ่งพันแปดสิบหยดและกำลังทำการหลอมวิญญาณหยิน พร้อมกับดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์ภายในดวงตาค่ายกลหยางนี้เข้าไปด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์!
  พลังหยินและหยางที่พุ่งออกจากจุดตันเถียนของหลิงหยุนและโคจรไปตามเส้นลมปราณต่างๆ จนกระทั่งผ่านจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วนั้น เป็นไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพราะเวลานี้หลิงหยุนสามารถเดินพลังปราณรอบใหญ่ได้ถึงสามสิบรอบภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น..
  ตอนนี้หลิงหยุนสามารถกลั่นเสินหยวนได้สามสิบหกหยดในหนึ่งนาทีหรือมากกว่าสองพันหยดในหนึ่งชั่วโมง..
  ร่างของหลิงหยุนที่อยู่ตรงกลางดวงตาค่ายกลหยางนั้นมีกระแสพลังหยางหมุนวนอยู่รอบตัว และค่อยๆหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสองชั่วโมงผ่านไป..
  บูม!
  หลิงหยุนเข้าสู่ระดับกลางขั้นซื่อเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-4) และผ่านไปอีกเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง เขาก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่ได้!
  ปกติในระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่นั้นผู้บ่มเพาะจะสามารถกลั่นเสินหยวนได้สูงสุดสิบแปดหยดต่อนาที แต่จากการที่หลิงหยุนได้เผาเสินหยวนจำนวนหนึ่งพันแปดหยดไป ทำให้เวลานี้เขาสามารถกลั่นเสินหยวนได้ถึงสามสิบหกหยดต่อนาที!
  “ทัณฑ์เมฆาปรากฏแล้วแต่อสุนีบาตยังไม่ปรากฏ..”
  หลังจากที่หลิงหยุนพัฒนาเข้าสู่ขั้นซื่อเฉิงชี่แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงทัณฑ์เมฆาที่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเขามังกรอยู่นาน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ปรากฏอสุนีบาตเสียที..
  “ดูเหมือนข้าจะคาดเดาได้ถูกต้อง..”
  หลิงหยุนได้แต่พึมพำกับตัวเองและรู้ว่าตราบใดที่เขาไม่ออกจากใต้ดินขึ้นไปยังผืนดินเบื้องบน จะไม่เกิดทัณฑ์สวรรค์อย่างแน่นอน และนั่นทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
  หลิงหยุนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่กลางดวงตาค่ายกลหยางในขณะเดียวกันก็สื่อสารบอกกับเย่ซิงเฉินว่า
  –ซิงเฉินข้ายังต้องพัฒนาขั้นขึ้นสูงอีก เจ้าไปรอข้าอยู่ที่ค่ายกลดวงตาหยิน–
  และหลังจากที่เย่ซิงเฉินจากไปหลิงหยุนก็เริ่มทำสมาธิให้จิตใจสงบ และเริ่มเดินพลังลับหยิน–หยางอีกครั้ง
  จากนั้นโซ่หยิน–หยางก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนโซ่หยินพุ่งไปยังบ่อน้ำแข็งที่อยู่ภายในดวงตาค่ายกลหยิน ส่วนโซ่หยางพุ่งแทรกลงไปภายในดวงตาค่ายกลหยาง..
  “เริ่มดูดได้!”
  หลิงหยุนใช้โซ่หยิน–หยางดูดเอาพลังหยินและหยางบริสุทธิ์จากดวงตาค่ายกลทั้งสองและเริ่มกลั่นเป็นเสินหยวน..
  หนึ่งชั่วโมงผ่านไป..
  สามชั่วโมงผ่านไป..
  และเมื่อเข้าสู่ชั่วโมงที่หกหลิงหยุนก็เริ่มเผาเสินหยวนอีกครั้ง และเข้าสู่ขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ในทันที!
  หลังจากเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นอู่เฉิงชี่แล้วหลิงหยุนยังคงฝึกฝนต่ออีกราวสี่ชั่วโมง แล้วจึงสามารถเข้าสู่ระดับกลางขั้นอู่เฉิงชี่ได้ในที่สุด และหลิงหยุนก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น!
  ในขั้นพลังชี่นั้นจะแบ่งเป็นทั้งหมดเก้าขั้นคือขั้นพลังชี่1 ไปจนถึง 9 ในแต่ละขั้นก็จะแยกย่อยเป็นสามระดับคือระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูงสุด!
  แม้หลิงหยุนต้องการจะฝึกฝนพัฒนาขั้นต่อก็คงไม่สามารถทำได้เพราะเวลานี้พลังหยินและหยางที่อยู่ภายในดวงตาค่ายกลทั้งสอง ได้ถูกหลิงหยุนดูดซับเข้าไปจนหมดแล้ว และเวลานี้อุณหภูมิภายในถ้ำทั้งสองแห่งก็ไม่ต่างจากอุณหภูมิในถ้ำอื่นๆอีก..
  จากนั้นหลิงหยุนยังคงนั่งทำสมาธิต่ออีกราวครึ่งชั่วโมง เพื่อทำให้ขั้นของตนเสถียรมั่นคงอย่างที่ควรเป็นเสียก่อน อีกทั้งยังได้ใช้เวลานี้สำรวจดูภายในร่างกายของตนอีกด้วย..
  ในระดับกลางขั้นพลังชี่นี้จุดซือไห่ของหลิงหยุนแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก และมีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสิบแปดเท่า
  “ฮ่าๆๆข้าสามารถกลั่นเสินหยวนได้วินาทีละหนึ่งหยด ในหนึ่งวันข้าสามารถกลั่นเสินหยวนได้มากกว่าแปดหมื่นหยด และสามารถเผาเสินหยวนได้สูงสุดถึงสามพันหกร้อยหยด..”
  หลิงหยุนพึมพำออกมาด้วยความดีใจและหากเขาได้ประมือกับหลงเทียนฟางอีกครั้งเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่อื่นๆในมืออีก อาศัยเพียงแค่พลังที่แข็งแกร่งของขั้นนี้ก็เพียงพอแล้ว..
  “น่าเสียดายยิ่งนักที่พลังหยินและหยางมีไม่เพียงพอไม่เช่นนั้นข้าคงจะสามารถพัฒนาขั้นได้สูงกว่านี้เป็นแน่!”
  และเวลานี้กลางจุดซือไห่ของหลิงหยุนก็มีเสินหยวนอยู่มากถึงเก้าหมื่นหยดแล้ว..
  แต่หากไม่ได้พลังหยินและหยางที่มากพอภายในดวงตาค่ายกลทั้งสองแห่งนี้หลิงหยุนก็คงไม่สามารถพัฒนาขั้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้!
  ทุกครั้งที่มีการพัฒนาขั้นจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่างย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกันกับจุดซือไห่ เพราะในกระบวนการกลั่นเสินหยวนทุกส่วนย่อมต้องมีความแข็งแกร่งที่สัมพันธ์กัน ไม่ต่างจากการที่แม่น้ำเล็กๆ ไม่อาจเติมเต็มมหาสมุทรที่กว้างใหญ่..
  และจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเวลาที่ไม่ได้เผาเสินหยวนนั้นก็มีรัศมีครอบคลุมถึงหกกิโลเมตรเลยทีเดียว
  ในเมื่อเวลานี้ภายในดวงตาค่ายกลหยินและหยาง ไม่มีพลังหยินและหยางหลงเหลืออีกแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีก
  หลิงหยุนเหาะไปกลางอากาศในทันทีและเพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถเหาะไปหาเย่ซิงเฉินที่อยู่ห่างไปราวสองกิโลเมตรได้แล้ว
  หลิงหยุนไม่เพียงเหาะเหินไปในอากาศได้ด้วยความเร็วมากแต่ยังสามารถหยุด หรือเลี้ยวได้อย่างกะทันหัน ไม่ต่างจากการเดินอยู่บนพื้นดิน..
  “โอ้..นี่เจ้าเหาะได้แล้วรึ!” เย่ซิงเฉินร้องอุทานออกมาด้วยความดีอกดีใจ
  “ระดับกลางขั้นอู่เฉิงชี่ย่อมต้องเหาะได้เป็นธรรมดาไม่ใช่รึ”
  หลิงหยุนตอบยิ้มๆก่อนจะพูดกับเย่ซิงเฉินต่อว่า “ซิงเฉิน ขอบใจเจ้ามากที่เฝ้าอารักขาให้กับเข้า! ตอนนี้เป็นเวลาใดวันใดกันแน่”
  “ตอนนี้เป็นเวลาตีสองยี่สิบห้านาทีของวันที่23 กันยายน!”
  “เอาล่ะ..ได้เวลาต้องไปรับทัณฑ์สวรรค์แล้ว!”
  หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินทันทีและไม่ต้องการเสียเวลาอีก จากนั้นเขาก็ได้เรียกแก้วจ้าวสมุทรออกมา แล้วทั้งคู่ก็เดินลงไปในแม่น้ำใต้หลุมยักษ์ทันที
  จากนั้นทั้งสองคนก็พากันมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก..
  ….
  เวลานี้เมืองจิงฉูอยู่เหนือศรีษะของพวกเขาทั้งคู่..
  แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเพียงแค่ตีสองของยามเช้าแต่ผู้คนในเมืองต่างก็ยังไม่หลับไม่นอน เพราะกำลังตกใจกับภาพที่น่ากลัวบนท้องฟ้า
  นั่นเพราะตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายได้มีเมฆดำทะมึนกลุ่มใหญ่เข้าปกคลุมท้องฟ้าที่สดใสของเมืองจิงฉู กลุ่มเมฆดำทะมึนเหล่านี้เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือหุบเขาที่อยู่ระหว่างเขาหยกด้านใต้และเขามังกร ยิ่งนานก็ยิ่งก่อตัวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมืองจิงฉูดูมืดมิดสนิทไปทั้งเมืองแม้จะเป็นเวลาบ่าย..
  แม้จะมีเมฆดำทะมึนปกคลุมแต่กลับไม่มีฝนตกลงมาเลยแม้แต่หยดเดียว กลุ่มเมฆสีดำปกคลุมจิงฉูอยู่นานสิบกว่าชั่วโมง บดบังแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และแสงจันทร์ในเวลากลางคืน ทำให้ไม่สามารถส่องผ่านลงมาบนผืนดินเบื้องล่างได้
  และเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้หลายๆคนนึกถึงเมื่อครั้งที่เกิดปรากฏการณ์มังกรเล่นน้ำเมื่อหกเดือนก่อน แต่ครั้งนี้เมฆสีดำทะมึนนั้นดูเหมือนจะน่ากลัวกว่าเมื่อครึ่งปีก่อนมาก!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด