Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1363 มรกดสืบทอดตระกูลหยิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1363 มรกดสืบทอดตระกูลหยิน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  “เฮ้อ..ข้าจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง”
  หลิงหยุนจ้องมองหวังชงเซียวและแวมไพร์ทั้งสองเดินจากไปและเมื่อทั้งหมดไปพ้นรัศมีจิตหยั่งรู้ของตนเองแล้ว สีหน้าของหลิงหยุนก็ค่อยผ่อนคลายจากความตึงเครียด พร้อมกับรำพึงรำพันออกมาเบาๆ
  ถึงอย่างไรร่างกายของเขาก็ไม่ใช่เหล็กจะไม่ให้รู้สึกเหนื่อยล้าเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนที่เริ่มงานชุมนุมชาวยุทธมาจนถึงตอนนี้ เขาต้องต่อสู้กับยอดฝีมือไปมากมาย เผาเสินหยวนไปหลายหยด และใช้ไพ่ในมือที่มีอยู่ไปมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมือกับหลงเทียนฟาง ถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็สูญเสียพลังปราณไปมากมายเช่นกัน
  เวลานี้อาจพูดได้ว่าสงครามจบสิ้นแล้วมังกรทั้งสองตัวก็มีผู้นำพาไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว เขาจึงเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาอย่างมากไม่ว่าจะเป็นร่างกาย หรือแม้แต่จุดตันเถียน แต่ที่สำคัญคือจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของตน..
  เพราะในแต่ละครั้งที่เผาเสินหยวนนั้นหลิงหยุนจะเผาคราวเดียวถึงสามร้อยหกสิบหยดซึ่งเรียกว่าสูงสุดเท่าที่จะทำได้ต่อครั้ง การเผาเสินหยวนจำนวนมากเช่นนี้ติดต่อกันหลายๆครั้ง หากจุดซือไห่ไม่แข็งแกร่งมากพอ คงต้องระเบิดออกแล้วเป็นแน่!
  นั่นเพราะทุกครั้งที่ทำการเผาเสินหยวนนั้นเปรียบเสมือนกับการที่ภูเขาไฟใต้ทะเลที่กำลังระเบิด ความร้อนแผดเผาดั่งเปลวไฟจากดวงอาทิตย์ หากผู้บ่มเพาะพลังที่คิดจะใช้พลังวิเศษนี้ไม่แข็งแกร่งมากพอ จุดซือไห่จะสามารถปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวนี้ออกมาได้อย่างไรกันเล่า
  ด้วยเหตุนี้แม้จะมีเสินหยวนอยู่มากเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเผาหยดเสินหยวนได้ตามใจต้องการ ยกตัวอย่างเช่นหลิงหยุนที่มีเสินหยวนอยู่กลางจุดซือไห่มากถึงหกหมื่นหยด แต่หากเขาฝืนใช้ทั้งหมดในคราวเดียวแน่นอนว่าต้องสิ้นชื่ออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้..
  หากต้องการที่จะเผาเสินหยวนคราวเดียวให้ได้มากๆนั้นมีหนทางเดียวเท่านั้นคือ ต้องพัฒนาขั้นพลังของตนเองให้สูงขึ้น!
  หลิงหยุนยังจำได้ดีว่าตั้งแต่ที่เขาเริ่มประมือกับเหล่านักบวชจากเขาหลงหู่ จนกระทั่งทำร้ายหลงเทียนฟางจนต้องหนีลงสามเหลี่ยมปีศาจไปนั้น เขาเผาเสินหยวนไปกว่าสามสิบครั้ง และใช้เสินหยวนไปมากกว่าหนึ่งหมื่นหยด!
  เวลานี้หลิงหยุนสามารถกลั่นเสินหยวนได้สามหยดต่อนาทีซึ่งเท่ากับสี่พันสามร้อยยี่สิบหยดต่อวัน ฉะนั้นแล้ว หลิงหยุนจะต้องใช้เวลาสามวันเป็นอย่างน้อยในการกลั่นเสินหยวน จึงจะสามารถชดเชยจำนวนเสินหยวนที่ใช้ไปได้
  แม้จะใช้เสินหยวนไปมากหรือเหนื่อยล้ามากเพียงใด แต่อย่างน้อยหลิงหยุนก็ได้สามารถแก้แค้นชาวยุทธกว่าครึ่งที่เคยทำร้ายพ่อแม่ของเขาและตระกูลหลิงในอดีตได้ อีกทั้งยังทำให้เขาได้ล่วงรู้ว่า พลังความแข็งแกร่งของตระกูลหลงนั้นลึกล้ำกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก แต่จะมากเพียงใดนั้นเขาคงต้องค่อยๆสืบต่อไป..
  ที่สำคัญ..เขาได้รู้จากปากเย่ชิงซินว่าศัตรูที่แท้จริงของตระกูลหลิงก็คือคุนหลุน ทำให้เป้าหมายของเขายิ่งชัดเจนมากขึ้น
  นั่นก็คือ..ค้นหาว่าคุนหลุนอยู่ที่ใด เพื่อจะได้ไปจัดการคุนหลุน และทำลายล้างคุนหลุน!
  …..
  “ซิงเฉินเจ้าติดต่อหาเอ็ดเวิร์ดดูว่าเขาไปถึงจิงฉูแล้วหรือไม่”
  เย่ซิงเฉินเรียกเครื่องมือสื่อสารของตนออกมาพร้อมกับร้องอุทานเสียงดัง“มีข้อความเข้ามามากมาย!”
  เย่ซิงเฉินพบว่าข้อความทั้งหมดล้วนส่งมาจากเสี่ยวเม่ยเม่ยหลังจากอ่านข้อความจึงเงยหน้าขึ้นตอบหลิงหยุนพ่อแม่ของเขาและตระกูลหลิงในอดีตได้ อีกทั้งยังทำให้เขาได้ล่วงรู้ว่า พลังความแข็งแกร่งของตระกูลหลงนั้นลึกล้ำกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก แต่จะมากเพียงใดนั้นเขาคงต้องค่อยๆสืบต่อไป..
  ที่สำคัญ..เขาได้รู้จากปากเย่ชิงซินว่าศัตรูที่แท้จริงของตระกูลหลิงก็คือคุนหลุน ทำให้เป้าหมายของเขายิ่งชัดเจนมากขึ้น
  นั่นก็คือ..ค้นหาว่าคุนหลุนอยู่ที่ใด เพื่อจะได้ไปจัดการคุนหลุน และทำลายล้างคุนหลุน!
  …..
  “ซิงเฉินเจ้าติดต่อหาเอ็ดเวิร์ดดูว่าเขาไปถึงจิงฉูแล้วหรือไม่”
  เย่ซิงเฉินเรียกเครื่องมือสื่อสารของตนออกมาพร้อมกับร้องอุทานเสียงดัง“มีข้อความเข้ามามากมาย!”
  เย่ซิงเฉินพบว่าข้อความทั้งหมดล้วนส่งมาจากเสี่ยวเม่ยเม่ยหลังจากอ่านข้อความจึงเงยหน้าขึ้นตอบหลิงหยุน  “พวกเขาไปถึงหลุมยักษ์ตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งแล้ว!”
  “เอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์เป็นผู้ที่ลงไปในหลุมยักษ์…”เย่ซิงเฉินยังคงอ่านข้อความให้หลิงหยุนฟัง
  “พอแล้วข้าต้องการรู้เท่านี้!”
  เพียงแค่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดไปถึงหลุมยักษ์ก็มากพอสำหรับหลิงหยุนแล้วจากนั้นจึงเรียกเครื่องสื่อสารของตนออกมาติดต่อหาตี้เสี่ยวอู๋ทันที
  เครื่องมือสื่อสารที่หลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋ใช้นั้นเป็นเครื่องมือสื่อสารที่คนในหน่วยนภาใช้กัน จึงมั่นใจได้อย่างยิ่งว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถดักฟังบทสนทนาของพวกเขาได้แน่
  “พี่หยุน..”
  ตี้เสี่ยวอู๋รับสายภายในไม่ถึงสองวินาทีเพราะเขารอคอยการติดต่อจากหลิงหยุนอยู่นานแล้ว
  “เสี่ยวอู๋เป็นเช่นใดบ้าง”   น้ำเสียงของหลิงหยุนยังคงสงบนิ่งเช่นเคยแต่แววตานั้นเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เพราะหินมังกรเขียวนั้นสำคัญกับเขายิ่งนัก!
  “พี่หยุนไม่ต้องห่วงน่าจะยังอยู่!”
  “แล้วอยู่หรือไม่เล่า!”น้ำเสียงของหลิงหยุนบ่งบอกถึงความกระวนกระวายใจ
  ไม่บ่อยนักที่ตี้เสี่ยวอู๋จะได้ยินน้ำเสียงกระวนกระวายของหลิงหยุนเขายิ้มออกมาเล็กน้อย และตอบกลับไปว่า
  “พี่หยุนเอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ลงไปสำรวจดูแล้ว พวกเขาไม่พบร่องรอยการนำหินมังกรเขียวขึ้นมาเลย แต่เพราะด้านล่างมีน้ำอยู่เต็มไปหมด ทั้งคู่ก็เลยไม่สามารถลงไปได้ จึงได้แต่สำรวจบริเวณรอบๆเท่านั้น”
  “ถ้าเช่นนั้นก็น่าจะยังอยู่อย่างที่เจ้าบอก!เอาล่ะ.. บอกเอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ว่าไม่ต้องลงไป ด้านล่างมีค่ายกลอยู่ ให้พวกมันทั้งสองอยู่รอบๆนอกก็พอ ข้ากำลังจะกลับไปเดี๋ยวนี้!”   “ตอนนี้ข้านำเครื่องมือสื่อสารออกมาจากแหวนจักรวาลแล้วหากมีเรื่องเร่งด่วนรีบรายงานข้าทันที!”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เหน็บเครื่องมือสื่อสารของตนไว้ที่กระเป๋ากางเกงสิ่งสำคัญเวลานี้คือต้องรีบไปจิงฉูให้เร็วที่สุด!
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาเวลานี้ดวงจิตของมังกรแดนใต้ได้ถูกปลดปล่อยออกจากกระบี่แล้ว รูปมังกรที่ดูราวกับมีชีวิตที่เคยสลักอยู่บนด้ามกระบี่นั้น จึงได้อันตธานหายไปด้วย
  รังสีอำมหิตเยือกเย็นที่เคยพวยพุ่งออกจากกระบี่โลหิตแดนใต้ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นเวลานี้ก็ไม่มีอีกแล้วเช่นกัน!
  แต่ถึงอย่างนั้นเวลานี้กระบี่โลหิตแดนใต้ที่เคยเป็นสีดำแดง กลับกลายเป็นสีแดงสดดั่งโลหิตแทน ราวกับว่ากระบี่ทั้งด้ามนี้ถูกหลอมมาจากโลหิตจริงๆ และประกายสีแดงราวกับเลือดสดนั้น กลับยิ่งให้ความรู้สึกที่น่าสยดสยอง และกลิ่นอายสังหารกลับรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!
  กลิ่นอายสังหารรุนแรงที่พวยพุ่งออกมาประกอบกับโลหิตสีแดงที่อัดแน่นอยู่ในกระบี่ ทำให้กระบี่โลหิตแดนใต้ดูมีพลังยิ่งกว่าเดิมมากนับสิบเท่า!
  แม้แต่หลิงหยุนเองยังนึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้เห็นพลังของกระบี่โลหิตแดนใต้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอย่างมากมาย และได้แต่คิดว่า อานุภาพของกระบี่โลหิตแดนใต้เวลานี้ จะสู้หอกมังกรทอง หรือกระบี่จักรพรรดิของได้หรือไม่!
  “ซิงเฉินเจ้านำกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา แล้วถ่ายเทพลังปราณของเจ้าลงไป!”
  เย่ซิงเฉินจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ด้วยความตกใจแต่ก็รีบทำตามที่หลิงหยุนบอกทันที พลังปราณระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) ภายในร่างของเย่ซิงเฉิน ได้ถูกถ่ายเทลงไปยังกระบี่ที่อยู่ในมือ
  ชัวะ!   กระบี่ที่หลอมด้วยโลหะลึกลับพันปีและเป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งเล่มหนึ่ง อีกทั้งยังมีพลังปราณของเย่ซิงเฉินถ่ายเทเข้าไป ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนฟันขาดได้อย่างง่ายดาย!
  “ไม่น่าเชื่อ!เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!” หลิงหยุนพึมพำออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง
  “ดูเหมือนผนึกที่ปิดไว้ได้ถูกเปิดออกแล้วเป็นไปตามที่ตำนานเล่าขานจริงๆ!”
  และเย่ซิงเฉินก็ได้รำพึงรำพันต่ออีกว่า..“กระบี่โลหิตเทวะถือกำเนิดขึ้นแล้วจริงๆ!”
  “กระบี่โลหิตเทวะงั้นรึ!”
  หลิงหยุนได้แต่พึมพำออกมาเพราะได้ยินเพียงแค่ชื่อของกระบี่เล่มนี้ เขาก็พอที่จะคาดเดาจุดกำเนิดของกระบี่เล่มนี้ได้!
  เมื่อครั้งที่เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดภายในบ้านเลขที่-1ของหลิงหยุน จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบเสียชีวิต และต้องใชเ้วลานนานกว่าครึ่งเดือนในการฟื้นฟูพลังปราณ
  ในช่วงเวลาระหว่างการฟื้นฟูร่างกายนั้นหลิงหยุนได้ทำการศึกษาประวัติศาสตร์ และตำนานเรื่องเล่าโบร่ำโบราณต่างๆของประเทศจีน เขาศึกษาตั้งแต่ยุคสมัยของสามราชาห้าจักรพรรดิไปจนกระทั่งถึงยุคปัจจุบัน ไม่ว่ายุคสมัยใดล้วนแล้วแต่มีเรื่องของเทพเจ้า และภูติผีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น..
  กระบี่โลหิตเทวะ..ช่างเป็นชื่อที่น่าเกรงขามยิ่งนัก!
  หากกระบี่โลหิตแดนใต้คือกระบี่โลหิตเทวะจริงนับว่าหลิงหยุนได้สมบัติล้ำค่ายิ่งนักมาไว้ในครอบครอง เพราะกระบี่เล่มนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเลย!
  แทบไม่ต้องสาธยายถึงความคมของกระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้เลยนอกเหนือจากกายเนื้อที่จะสามารถถูกตัดขาดได้อย่างง่ายดายแล้ว แม้แต่เหล่าเซียนและเหล่าเทพทั้งหลายหากพบเห็นกระบี่เล่มนี้ฟาดลงมาแล้วไม่หลีกหนี ก็สามารถถูกสังหารตายได้พริบตาเช่นกัน!
  เพราะมันคือกระบี่เทพเจ้า!
  “ฉะนั้นแล้วคำพูดที่ว่าผู้ใดครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ ผู้นั้นคือเทพแห่งมาร ก็หาใช่เรื่องโกหกหลอกลวงไม่!”
  “กระบี่โลหิตแดนใต้เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นแรกของพรรคมารเจ้าและผู้ใดที่ครอบครองกระบี่เล่มนี้ ก็จะได้เป็นเทพแห่งมาร ความจริงเป็นเช่นนี้นี่เอง!”
  หลิงหยุนถือกระบี่โลหิตเทวะไว้ในมือแน่นแม้ร่างกายของเขาจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่กลับรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก!
  “เจ้าผิดแล้ว!”
  แต่เย่ซิงเฉินกลับส่ายหน้าและบอกกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากข้าคาดการไม่ผิด แม้กระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้จะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของพรรคมาร แต่ก็มีเจ้าของ..”   “งั้นรึผู้ใดกันที่เป็นเจ้าของกระบี่วิเศษเล่มนี้?”
  หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาเป็นผู้ไปพบกระบี่โลหิตแดนใต้ที่ค่ายกลดวงตาหยินใต้หลุมยักษ์ ครั้งนั้นภายในโลงศพโลหะขนาดใหญ่ นอกจากกระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้แล้ว ก็ยังมีกระบี่มังกรขาว และไข่มุกราตรี..
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ได้ทำการเปิดโลงศพที่อยู่ในโลงศพขนาดใหญ่นั้นอีกชั้น และเวลานี้เขาก็ต้องการรู้ฐานะของศพที่อยู่ในโลงใบนั้น
  “ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นผู้ใด!”
  “แต่ท่านอาจารย์ได้เคยบอกกับข้าว่าเจ้าของกระบี่เล่มนี้เป็นชายแซ่หยินซึ่งเป็นบรรพชนของท่านอาจารย์ ฉะนั้นแล้วกระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้ก็ต้องเป็นของบรรพชนอาจารย์ข้า!”
  “…”  คำบอกเล่าของเย่ซิงเฉินครั้งนี้ทำให้หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึงอยู่นาน..
  เพราะจากคำบอกเล่าของเย่ซิงเฉินนั้นหมายความว่ากระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง เช่นนี้แล้วหลิงหยุนจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไรกันเล่า
  ตามตำนานเล่าว่าเจ้าของคนที่สองของกระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้แซ่อวี๋ หาใช่แซ่หยินไม่ และดูเหมือนจะอยู่ในสมัยราชวงศ์โจว
  “นี่เจ้าเป็นอะไรเหตุใดจึงต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้ด้วย”
  เย่ซิงเฉินเห็นท่าทางตกตะลึงของหลิงหยุนก็ได้แต่นึกแปลกใจจึงได้แต่เอ่ยถามออกไป
  หลิงหยุนร้องถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น“เช่นนั้นแล้วกระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้ก็เป็นมรดกของตระกูลข้าสินะ”
  “ถูกต้อง!”
  เย่ซิงเฉินพยักหน้าพร้อมกับพูดต่อด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น“ข้าเองก็สังหรณ์ใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงจริงๆว่า กระบี่โลหิตเทวะที่หายสาบสูญไปหลายพันปี แต่จู่ๆกลับมาอยู่ในมือของเจ้า อีกทั้งยังสามารถเปิดผนึกกลายเป็นกระบี่เทพไปได้เช่นนี้..”
  หรือนี่จะเป็นความต้องการของดวงวิญญาณบรรพชน
  ไม่เพียงแค่เย่ซิงเฉินที่นึกประหลาดใจแม้แต่หลิงหยุนยังนึกอัศจรรย์ใจ เขาเป็นผู้เดียวที่รู้ดีว่าตนมาจากที่ใด เส้นทางจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่มายังโลกมนุษย์นั้นก็แสนยาวไกล และผู้ใดกันที่จัดแจงให้ความบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้น
  เหตุใดกระบี่โลหิตเทวะที่หายสาบสูญไปนานหลายพันปีจู่ๆจึงตกมาอยู่ในมือของเขาได้ และเขายังเป็นผู้ที่เปิดผนึกได้ด้วยความบังเอิญ!
  เช่นนี้แล้วจะนับว่ากระบี่โลหิตเทวะเล่มนี้เป็นมรดกสืบทอดของตระกูลหยินก็ไม่ผิดนักเช่นเดียวกับหลิวเทวะวิญญาณตระกูลหลิงที่เป็นเพียงแค่ตอไม้แห้งมานาน แต่กลับมามีชีวิตจนแตกกิ่งก้านได้อีกครั้งเพราะหลิงหยุน!
  แม้หลิงหยุนจะยังไม่เข้าใจว่าความบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรแต่เขาก็เชื่อว่าความจริงในเรื่องนี้จะต้องน่าอัศจรรย์ใจเสียยิ่งกว่าความลับของคุนหลุนเป็นแน่!
  ******
  [ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ:ย้อนชีวิตพิชิตเซียน]
  เรื่อง: ย้อนชีวิตพิชิตเซียน (仙帝重生混都市)
  การเกิดใหม่ครั้งที่เก้าของจักรพรรดิเสียนอู่– จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถูกยอดปรมาจารย์จากทั่วทุกสารทิศเข้าปิดล้อม และรุมสังหารจนสิ้นชีวิต
  แต่นับว่าโชคดีที่ดวงจิตเทวะได้เดินทางข้ามภพข้ามชาติไปไกลหลายพันปีก่อนจะไปจุติใหม่ในร่างของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาสามารถฟื้นฟูกลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง เพื่อที่จะชำระแค้นที่สุมแน่นอยู่ในดวงจิตได
  ******

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด