Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1269 คืนวัยเยาว์ให

อ่านนิยายจีนเรื่อง Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร ตอนที่ 1269 คืนวัยเยาว์ให อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

  พูดจบหลิงหยุนก็หายจากบ้านของหลิงซิ่วและตรงไปยังสวนชั้นที่แปดทันที เมื่อครู่เขามัวแต่วิ่งหนีจินเหยียวจนลืมเก็บหม้อเสินหนงกลับเข้าไปในแหวนจักรวาล
  แต่เมื่อไปถึงหลิงหยุนกลับพบจินเหยียวยืนรออยู่แล้วเวลานี้จินเหยียวซึ่งมีใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามราวกับเทพธิดา กำลังยืนเฝ้าหม้อเสินหนงให้กับหลิงหยุนนั่นเอง
  “ท่านน้าจินเหยียว..”
  “มานี่..ข้าไม่เอาเรื่องเจ้าแล้ว!”
  จินเหยียวเห็นหลิงหยุนยังคงยืนห่างและไม่กล้าเข้าใกล้นางเช่นนั้นจึงได้กวักมือพร้อมกับร้องเรียกหลิงหยุนให้เข้าไปหา
  หลิงหยุนเดินตรงเข้าไปเก็บหม้อเสินหนงพร้อมกับบอกจินเหยียวว่า“ท่านน้า ข้าต้องออกไปทำธุระข้างนอก”
  ต่อให้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปเช่นใดแต่ความรักที่นางมีต่อหลิงหยุนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลียนแปลง
  “เจ้ารีบไปรีบกลับล่ะอย่าทำงานยุ่งจนลืมกินข้าวกินปลา!”
  หลิงหยุนพยักหน้ารับปากพร้อมกับขยิบตาให้จินเหยียวในขณะที่เอ่ยออกไปว่า “ท่านน้าจินเหยียว เวลานี้ท่านงดงามราวกับเทพธิดาเลยล่ะ..”
  “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกรึ!อยากให้ข้าลงโทษเจ้ามารึไง?”
  หลิงหยุนรีบกระโดดหนีออกไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง..
  “น้องจินเหยียวหากเจ้าไม่มีธุระอันใด ท่านพ่ออยากจะพบเจ้า!”
  ทันทีที่หลิงหยุนจากไปหลิงเสี่ยวก็ปรากฏตัวขึ้นในสวนทันที..
  และเวลานี้ทั้งหลิงลี่หลิงเย่ว หลิงเสี่ยว และจินเหยียวต่างก็นั่งสนทนากันอยู่ในสวนภายในบริเวณบ้านของหลิงลี่..   หลิงหยุนสามารถกลั่นโอสถพลังชีวิตชั้นสูงเช่นนี้ย่อมสามารถทำให้เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงกลับเป็นหนุ่มเป็นสาว เช่นนี้แล้วจะไม่สร้างความตื่นตระหนกให้กับบุคคลระดับสูงของประเทศนี้ได้อย่างไรกัน
  หากเป็นเช่นนี้ตระกูลหลิงจะไม่เพียงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในโลกปัจจุบัน แต่ยังจะกลายเป็นตระกูลของผู้บ่มเพาะตนในโลกยุทธภพอีกด้วย
  ระหว่างที่บรรดาอาวุโสสนทนากันอยู่ในสวนของหลิงลี่หลิงหยุนก็เข้าไปนั่งอยู่ในรถเฟอรารี่ของหลิงซิ่วแล้ว
  “นี่เจ้าเด็กดื้อไม่เคยมีชายใดได้เข้ามานั่งในรถของข้ามาก่อน เจ้านับว่าโชคดียิ่งนัก!”
  หลิงซิ่วหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวมพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุน..
  “โอ้..ช่างเป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก! รีบไปกันได้แล้ว..”
  ระหว่างที่ขับรถออกไปนั้นหลิงซิ่วก็ได้เอ่ยขึ้นว่า“หลิงหยุน วันเกิดครบรอบหกสิบปีของท่านตาต่ง นับเป็นเวลาที่เหมาะจะกระชับความสัมพันธ์ของเจ้ากับน้องหลิงซวี่มาก ข้ายังนึกกลัวว่าเจ้าจะปรุงโอสถไม่เสร็จ ไม่เช่นนั้นคงต้องพลาดโอกาสดีๆนี้เป็นแน่..”
  นั่นเพราะหลิงซิ่วเองก็ต้องการที่จะให้ความหมางเมินระหว่างหลิงหยุนกับหลิงซวี่นั้นสลายคลายลงก่อนที่หลิงหยุนจะเดินทางออกจากปปักกิ่งนั่นอง
  หลิงหยุนหันไปยิ้มให้หลิงซิ่วพร้อมตอบกลับไปว่า“ขอบคุณพี่หลิงซิ่วมาก รบกวนเจ้าแล้ว!”
  “เดิมทีบ้านของท่านตาต่งก็อยู่ตรงข้ามกับบ้านตระกูลหลิงของเรานี่เองท่านน้าต่งถึงได้รู้จักกับท่านอาสามตั้งแต่เด็กยังไงล่ะ ข้าได้ยินมาว่าท่านน้าต่งชอบมาเดินป้วนเปี้ยนทุกครั้งที่ท่านอาสามอยู่บ้าน..”
  ระหว่างทางที่ขับรถไปนั้นหลิงซิ่วก็เริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลต่งเท่าที่นางได้รู้มาให้หลิงหยุนฟัง..   หลิงหยุนจึงได้รู้ว่าทั้งต่งยั่วหลานและพ่อของเขานั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยเยาว์อีกทั้งเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นหลิงเสี่ยวเองก็เป็นชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปักกิ่ง หน้าตาหล่อเหลา มีหรือที่เด็กสาวเช่นต่งยั่วหลานจะไม่รู้สึกหวั่นไหว
  แต่เพราะหลิงเสี่ยวนั้นหลงใหลการฝึกวรยุทธเป็นชีวิตจิตใจมีหรือที่จะชื่นชอบเด็กสาวธรรมดาที่ไม่รู้วรยุทธเช่นต่งยั่วหลาน
  หลิงซิ่วเล่าต่อว่า“แต่ท่านอาสามกลับเห็นท่านน้าต่งเป็นเสมือนน้องสาว และไม่เคยคิดกับนางเป็นอย่างอื่น ท่านน้าต่งในตอนนั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี จึงได้แต่เก็บความรู้สึกที่มีต่ออาสามไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ และขอเพียงแค่ได้เห็นท่านอาสามทุกวันเท่านั้นก็พอ..”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความรักที่น่าเศร้าของต่งยั่วหลาน..
  “แต่ต่อมาก็เกิดเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนขึ้นซึ่งเจ้าเองก็รู้ดีเรื่องนี้แพร่สะพรัดไปทั่วทั้ง และยังกระทบกระเทือนถึงบุคคลระดับสูงหลายฝ่ายในปักกิ่งด้วย..”
  “เมื่อครั้งที่เหล่าชาวยุทธและคนของพรรคมารบุกทลายตระกูลหลิงข้าเองก็อายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น!”
  หลิงซิ่วกัดฟันกรอด“เป็นเพราะหลิงเจิ้นคนเดียว!”
  “ข้ายังจำได้ว่าในคืนนั้นนอกจากหลิงเจิ้นแล้ว คนอื่นๆในตระกูลหลิงไม่ว่าผู้ใหญ่ เด็ก หรือว่าผู้หญิง ต่างก็ถูกสังหารตายจมกองเลือด มีเพียงท่านปู่และอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่รอด..”
  ตอนนี้หลิงหยุนเองก็รู้แล้วว่าที่หลิงเจิ้นรอดมาได้นั้นเพราะแผนของเขาเองเขาจึงเอาแต่ปกป้องตัวเองให้ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด ส่วนหลิงเสี่ยวซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด หยินชิงเฉวียนแม่ของเขาก็ให้ความคุ้มครองปกป้อง ส่วนหลิงเย่วนั้นยังอ่อนด้อยเกินไปจึงได้รับความเมตตาไว้ชีวิต..
  “ระหว่างนาทีแห่งความเป็นความตายของตระกูลหลิงนั้นตระกูลหลงก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี และได้ยื่นข้อเสนอสามข้อให้กับตระกูลหลิงเพื่อแลกกับความคุ้มครองจากตระกูลหลง..”
  หนึ่ง..หลิงเสี่ยวต้องประกาศตัดขาดกับหยินชิงเฉวียนตลอดชีวิต สอง.. หลิงเสี่ยวต้องทำลายวรยุทธตนเอง และสาม.. หลิงเสี่ยวต้องแต่งงานกับหญิงสาวธรรมดาไร้วรุยทธ และต้องให้กำเนิดทารกภายในหนึ่งปี
  เงื่อนไขข้อสุดท้ายนั้นหลิงหยุนแทบไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นข้อเสนอของพรรคมารที่ต้องการให้ทั้งคู่ตัดขาดกันอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความอัปยศอดสูให้กับทั้งสองคนด้วย..
  “เฮ้อ..เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ตระกูลหลิงก็ตกต่ำและท่านอาสามก็ไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น จะหาหญิงใดที่ต้องการแต่งงานกับเขาได้”
  “แต่คิดไม่ถึงว่าท่านน้าต่งกลับมีใจหนักแน่นกับอาสามไม่เสื่อมกคลายถึงกับบอกท่านตาต่งว่าชีวิตนนี้จะไม่แต่งงานกับชายใดนอกจากอาสาม.. ”
  “ครั้งนั้นบ้านตระกูลต่งยังอยู่ตรงข้ามบ้านตระกูลหลิงเมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ และเสียงกระบี่ปะทะกันดังขึ้น ท่านตาต่งก็พอคาดเดาได้ว่าตระกูลหลิงคงต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้วเป็นแน่..”
  “ท่านตาต่งรู้ว่าหากลูกสาวของตนแต่งงานกับอาสามย่อมเท่ากับกระโดดเข้าไปในเปลวไฟที่จะเผาผลาญความสุขทั้งชีวิตของตน จึงยืนกรานไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับอาสาม..”
  หลิงซิ่วเล่มาถึงตรงนี้ก็ถึงกับถอนหายใจออกมา“เฮ้อ.. เรื่องราวต่อจากนี้เจ้าเองก็รู้หมดแล้ว!’
  “ในที่สุดท่านอาสามกับท่านน้าต่งก็แต่งงานกันแล้วอีกหนึ่งปีต่อมาทั้งคู่ก็ให้กำเนิดซวี่เอ๋อ แต่ทั้งหมดที่ลุงสามทำลงไปก็เพื่อปกป้องตระกูลหลิงเท่านั้น หัวใจของเขายังคงรักมั่นอยู่กับ…”
  “หลังจากนั้นตลอดหลายปีน้าต่งต้องทนทุกข์เช่นใด เจ้าเองก็คงพอจะคาดเดาได้..”
  หลิวซิ่วกล้ำกลืนความขมขื่นใจก่อนจะเอ่ยออกมาว่า“หลิงซวี่เองก็ค่อยๆรับรู้เรื่องเหล่านี้เมื่อโตขึ้น และรู้ว่าเหตุใดนางจึงได้เกิดมา ฉะนั้น…”
  “ท่านตาต่งเองก็รับรู้เรื่องราวความทุกข์ของลูกสาวมาโดยตลอดแต่กลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ หลังจากหลิงซวี่เกิด เขาจึงได้ย้ายไปอยู่ชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่งแทน..”
  “แต่ท่านตาต่งก็นับเป็นคนที่ดีและมีเหตุผลมากคนหนึ่งแม้เขาจะตำหนิท่านอาสามบ้างแต่ก็ไม่เคยโกรธแค้นตระกูลหลิง เพราะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แต่หลังจากย้ายออกไปแล้วท่านตาต่งก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนตระกูลหลิงอีกเลยตลอดสิบห้าปี..”
  “แต่ในวันที่ตระกูลหลิงของเราเกิดเรื่องอีกครั้งและเกือบจะต้องล้มละลาย ท่านตาก็ได้ยื่นมือเสนอความช่วยเหลือให้กับตระกูลหลิงของเรา..”   ‘เพราะเหตุนี้ยังไงเล่าข้าจึงได้นับถือชายชราผู้นี้ยิ่งนัก!’ หลิงหยุนคิดอยู่ในใจคนเดียวเงียบๆ
  หลิงซิ่วขับรถสปอร์ทของตนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกตามถนนวงแหวนที่สี่ได้ราวสิบกว่ากิโลเมตรก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนวงแหวนที่ห้าที่มุ่งไปทางด้านใต้ต่อไป จนกระทั่งหกโมงเย็นทั้งคู่จึงมาถึงบ้านของต่งซานชวน..
  บ้านของต่งซานชวนอยู่ใกล้กับWorld Park ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในปักกิ่ง เป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ดูสงบร่มรื่นยิ่งนัก!
  “เอาล่ะถึงแล้ว!”
  หลิงซิ่วจอดรถหน้าบ้านพร้อมกับชี้ไปทางประตูบ้านในขณะที่ร้องตะโกนบอกหลิงหยุน
  แม้หลิงซิ่วจะไม่บอกหลิงหยุนก็เห็นจากจิตหยั่งรู้แล้วว่าเวลานี้ทั้งต่งซานชวน ต่งยั่วหลาน และหลิงซวี่ล้วนอยู่ในบ้าน..   ต่งซานชวนกับหลิงซวี่นั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกส่วนต่งยั่วหลานก็กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ในครัว..
  “ท่านตาต่งคะ..ข้ากับหลิงหยุนมาอวยพรวันเกิดให้ท่านตาค่ะ!”
  ทันทีที่ก้าวลงจากรถหลิงซิ่วก็ร้องตะโกนออกไปเสียงดัง..
  “โอ้..พี่หลิงซิ่วมา!”
  หลิงซวี่ร้องตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจพร้อมกับวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที“พี่หลิงซิ่ว.. เอ่อ..”
  แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนยืนอยู่ข้างหลิงซิ่วนางก็ถึงกับชะงักงันไปทันที และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี..
  “หลิงซวี่..อะไรกัน! เห็นพี่ชายมาทำไมต้องตกใจเช่นนี้ด้วย? ยังไม่เรียกพี่ใหญ่อีกรึ?”
  หลิงซิ่วทำตัวเป็นพี่สาวคนโตเจ้าจี้เจ้าการนางทำหน้าเคร่งขรึมสั่งให้หลิงซวี่เรียกหลิงหยุนว่าพี่ใหญ่ทันที..
  “เอ่อพี่..พี่ใหญ่.. ท่านมาด้วยรึ!”
  นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงซวี่เรียกหลิงหยุนว่า‘พี่ใหญ่’ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากเย็นเพราะนางกำลังตกใจ และคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมาด้วย หาใช่เพราะเหตุผลอื่น!
  ส่วนหลิงเสี่ยวเองก็ไม่เคยได้ย่างกรายมาที่บ้านของต่งซานชวนนานสิบกว่าปีแล้วเช่นกันหาใช่เพราะเขาไม่ต้องการมาที่นี่ แต่เป็นเพราะต่งซานชวนไม่อนุญาตต่างหาก..
  หลังจากที่หลิงซวี่เอ่ยเรียกหลิงหยุนว่าพี่ใหญ่ไปแล้วนางก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และได้แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่!
  “วันนี้เป็นวันเกิดของท่านตาต่งซึ่งเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของตระกูลหลิงหากข้าในฐานะผู้นำตระกูลยังไม่มา ก็คงจะเสียมารยาทแย่..”
  หลิงซิ่วแสร้งทำเป็นไม่สนใจท่าทีเก้ๆกังๆของหลิงซวี่และในระหว่างนั้นเสียงตะโกนจากด้านในก็ดังขึ้น
  “เข้ามา..เข้ามาข้างในกันก่อน!”
  ต่งซานชวนร้องตะโกนเอ่ยชวนหลิงหยุนกับหลิงซิ่วเข้าไปในบ้านเห็นได้ชัดว่าเขากำลังตื่นเต้นดีใจอย่างมากที่หลิงหยุนมาอวยพรวันเกิดของตน แต่ไม่ใช่เพราะหลิงหยุนคือผู้นำตระกูลหลิง แต่เป็นเพราะต่งยั่วหลานได้เล่าให้เขาฟังว่า หลิงหยุนพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลิงเสี่ยว เป็นไปเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป..
  ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกของต่งซานชวนที่มีต่อหลิงหยุนนั้นจึงไม่เพียงเป็นไปในทางที่ดีแต่เขายังชื่นชมและชื่นชอบหลิงหยุนเป็นอย่างมาก..
  “โอ้หลิงหยุน..หลิงหยุนจริงๆรึนี่..”
  ต่งยั่วหลานที่อยู่ในห้องครัวก็วิ่งออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ล้างไม้ล้างมือเช่นกันนางร้องเรียกหลิงหยุนด้วยความประหลาดใจ  “ท่านป้าต่งสบายดีหรือไม่”
  หลิงหยุนเอ่ยทักทายต่งยั่วหลานด้วยความสุภาพ..
  “เข้ามาข้างในเร็วๆเข้า..”
  “ซวี่เอ๋อ..ยังไม่รีบไปเตรียมน้ำชาให้พี่ใหญ่อีกรึ!”
  ต่งยั่วหลานตรงเข้าไปดึงแขนหลิงหยุนให้เข้าไปในบ้านนางตื่นเต้นดีใจจนลืมหลิงซิ่วไป..
  เมื่อทั้งหมดเข้าไปในบ้านแล้วหลิงหยุนจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านป้าต่ง ท่านไปล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ข้าไม่เพียงมีของขวัญมาให้ท่านตา แต่ยังมีของขวัญมามอบให้ท่านด้วย..”
  “เด็กคนนี้นี่ของขวัญอะไรกัน ป้าไม่ต้องการ แค่เจ้ามาป้าก็ดีใจแล้ว เอาล่ะป้าเข้าไปทำกับข้าวต่อดีกว่า..”
  หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับยิ้มให้ต่งยั่วหลานและพูดขึ้นว่า “ท่านป้าต่งคงต้องรับไว้เพราะนี่เป็นของขวัญที่ท่านพ่อให้ข้านำมามอบให้กับท่าน!”
  ต่งยั่วหลานถึงกับชะงักไปทันที!
  ทั้งคู่อยู่กินกันมานานถึงสิบเจ็ดปีหลิงเสี่ยวมีของขวัญพิเศษให้กับตนด้วยงั้นรึ!
  “ท่านน้า..รีบไปล้างมือเร็วเข้า ท่านต้องชอบของขวัญชิ้นนี้แน่!”
  หลิงซิ่วเข้าใจความตั้งใจของหลิงหยุนดีจึงรีบคะยั้นคะยอต่งยั่วหลานให้ไปล้างมือ..
  เมื่อต่งยั่วหลานกลับมาหลิงหยุนจึงเทโอสถเยาว์วัยลงในมือของนางหนึ่งเม็ดพร้อมกับร้องบอกว่า
  “ท่านป้าต่งท่านกลืนโอสถนี่ลงไป!”
  “นี่..นี่มันคืออะไร!” ต่งยั่วหลานมีท่าทีลังเล และเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้
  หลิงหยุนยิ้มให้พร้อมตอบกลับไปว่า“ท่านป้าต่งต้องลองด้วยตนเองจึงจะรู้! นี่เป็นของขวัญที่ท่านพ่อต้องการมอบให้ท่าน ท่านพ่อสั่งไว้ว่าหากข้าไม่เห็นท่านกินกับตาห้ามข้ากลับบ้านเด็ดขาด..”
  หากเป็นของขวัญที่หลิงเสี่ยวตั้งใจมอบให้ต่อให้เป็นยาพิษต่งยั่วหลานก็ยินดีที่จะกิน เมื่อได้ฟังหลิงหยุนพูดเช่นนั้น นางจึงกลืนโอสถลงไปอย่างไม่ลังเลอีก
  ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาที..
  ต่งซานชวนถึงกับตกตะลึงหลิงซวี่เองก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปเช่นกัน ทั้งสองคนจ้องมองการเปลี่ยนแปลงของต่งยั่วหลานด้วยความอัศจรรย์ใจ
  “ยั่วหลาน..เจ้า.. เจ้า..”
  ต่งซานชวนพูดได้เพียงแค่นั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้อีกมือที่ั่สั่นเทาของเขาชี้หน้าต่งยั่วหลานพร้อมกับร้องไห้ออกมา!
  ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาลูกสาวของเขากลับกลายมีหน้าตาอ่อนเยาว์คล้ายกับก่อนที่จะแต่งงานเสียอีก..
  “ท่านป้าต่ง..ท่านพ่อของข้าผิดต่อท่านมาสิบแปดปี ข้าขอคืนวัยเยาว์เมื่อสิบแปดปีก่อนให้กับท่านเป็นการชดเชย!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด