World domination system – Chapter 79 เทคนิคราชวงศ์
WDS Chapter 79 เทคนิคราชวงศ์
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ” แดนีลกล่าวจากด้านหลัง ซึ่งมันทำให้ราชาประหลาดใจเล็กน้อย
สิ่งที่ราชาใช้ก็คือเครื่องประดับเวทมนต์ระดับสูง ที่สามารถฉายภาพของเขาไปยังสถานที่ต่างๆในพระราชวังได้ อย่างไรก็ตาม จอมเวทย์ระดับมนุษย์ ไม่ควรที่จะบอกความแตกต่างระหว่างภาพฉายและตัวจริงได้
แดนีลใช้การมองเห็นอนุภาคมูลฐานที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว เขาจึงสามารถจะมองเห็นอนุภาคด้านหน้า ด้วยมุมมองของจอมเวทย์ระดับนักรบได้ ในระดับนี้ จิตใจของคนจะเปิดกว้างขึ้น และสามารถจะประเมินและเห็นมุมมองของโลกได้ดีขึ้น
“ลาราเวล เจ้าไม่รู้หรือว่า เพราะเหตุใด เหล่าพี่น้องของเจ้าถึงไม่กล้าที่จะคิดกบฏ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงปกติ
ลาราเวลสงบลงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของแดนีล แน่นอนว่า หากพ่อของเขาอยู่ที่นี่จริง พ่อของเขาก็คงจะพุ่งมาข้างหน้าและสังหารพวกเขาแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเขาเลย
“ข้ารู้ ข้าอาจจะไม่รู้อย่างชัดเจน แต่ข้ารู้ว่าท่านมีวิธีเอาชีวิตของพวกเรา ข้าเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนั้นตั้งแต่ข้าตัดสินใจติดต่ออาจารย์ของแดนีลแล้ว ท่านคือคนผิด ท่านพ่อ ท่านควรที่จะฟังท่านปู่”
ได้ยินเช่นนั้น ราชาก็หัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวว่า “พ่อของข้านะหรือ? ชายชราคนนั้นทำเช่นเดียวกับข้าในช่วงเวลาที่เขายังครองอำนาจ ในความเป็นจริง เขาเลวร้ายยิ่งกว่าข้าเสียอีก ครั้งหนึ่ง เขาสั่งให้สังหารทั้งหมู่บ้าน เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะจ่ายภาษีสูงขึ้น เขามีส่วนทำให้เกิดสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าราชาองค์ใดๆไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเขา หากเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกันกับข้า ข้ารู้ว่า เขาจะตัดสินใจเช่นเดียวกับข้า หลังจากฝ่าฟันและสนุกกับชีวิตมาอย่างยาวนาน ในฉับพลัน เขาก็เริ่มยัดเยียดทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ข้า แล้วข้าจำเป็นจะต้องเสียสละตัวเองเพื่อบัลลังก์หรือ? เหอะ”
คำกล่าวแต่ละคำของราชา พุ่งเข้ากระแทกใจของลาราเวลราวกับมันเป็นกระสุน มันดูเหมือนว่า เขาแทบจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับราชาองค์ก่อนเลย ได้ยินความจริงอันโหดร้ายจากปากของพ่อ ที่โจมตีปู่ที่เป็นดั่งแบบอย่างของเขา ลาราเวลรู้สึกสับสน
“แม้แต่เหตุผลของเขาก็ยังไม่สมบูรณ์ เขาเคยบอกให้เจ้าดูแลคนอื่นหรือไม่? ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือ ให้ชื่อของตระกูลคงอยู่ต่อไป ชื่อตระกูล ชื่อตระกูล ชื่อตระกูล ข้าคลื่นไส้ทุกครั้งที่ได้ยินคำเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ได้ยินสิ่งเหล่านั้น ความสงสัยในตัวเองและความไม่แน่ใจ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ลาราเวลเริ่มส่ายหัวอย่างช้าๆ ทั้งคำถามและคำตอบทั้งหมดที่ราชากล่าว เขาพยายามปฏิเสธมันทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้จิตใจของเขาพังทลาย
“ชื่อตระกูลจะคงอยู่ได้อย่างไรหากข้าตาย? ข้าต้องการที่จะมีชีวิตและเติบโตไปพร้อมกับพลัง กล่าวตามตรง ข้าไม่สนใจว่าจะเป็นที่นี่หรือที่นิกายใบไม้ร่วงโรย พี่ชายใหญ่ของเจ้าจะได้รับสืบทอดบัลลังก์ และนิกายจะทำให้ราชอาณาจักรแห่งนี้ กลายเป็นประเทศนิกาย แน่นอนว่า พวกเขาจะเก็บประชาชนในราชอาณาจักรเอาไว้ เพราะพวกเขาต้องการจะรับสมัครคนเหล่านั้น แต่นอกจากนั้นแล้ว ประชาชนจะได้รับการปฏิบัติแตกต่างกัน”
“เด็กน้อย บนโลกแห่งนี้ พลังคือทุกสิ่ง มันน่าผิดหวังนักที่เจ้าเกิดมาจากสายเลือดของเขา แล้วไม่เข้าใจในสิ่งนั้น”
“ไม่!” ลาราเวลตะโกนออกมาขณะที่จับศีรษะและคุกเข่าลงกับพื้น
ในขณะนั้น แดนีลรู้สึกได้ถึงอันตรายจากประตูทางเข้าพระราชวัง เขาไม่ต้องการที่จะเทเลพอร์ตตัวเองเข้าไปข้างใน และติดกับดักศัตรู ดังนั้น เขาจึงรอและสังเกตการณ์
ด้วยเหตุผลบางอย่าง แดนีลรู้ว่าราชากำลังซื้อเวลา เขามองไปยังลาราเวลที่หมอบอยู่บนพื้น ขณะที่ใช้เวลาไปกับการแยกแยะความรู้สึกบางอย่าง
“ใช่ เขาไม่เคยบอกข้าว่าเขาเป็นห่วงประชาชนเลย แต่พวกเราต่างก็เห็นพ้องกันว่า มันจำเป็นจะต้องทำเช่นนั้น เพื่อป้องกันสถานการณ์เช่นในตอนนี้ ใช่ เขาทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดในอดีต แต่ข้ารู้ว่าเขาสำนักผิดในปีสุดท้ายของเขา”
ลาราเวลกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว และแสดงให้เห็นว่า ความมีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของเขา
“ชื่อตระกูลของพวกเราคือทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าต้องการจะเงยหน้าพบกับท่านปู่ทวดและเหล่าบรรพบุรุษของข้าเมื่อตายลง ชื่อตระกูลจะต้องคงอยู่ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยินดีที่จะทำสิ่งต่างๆ”
กล่าวคำเหล่านั้นออกไป ลาราเวลรรู้สึกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ในชีวิตของเขา ความสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับปู่ของเขาหายไป เพราะตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่า เข้าสามารถเปลี่ยนแปลงเหมือนดังการรับสิ่งใหม่ได้เท่านั้น ไม่สามารถจะลืมอดีตได้
เรื่องราวที่เขาฟังมาจากปู่ของเขา ได้ปลุกเขาให้ตื่นมาพร้อมกับความกระตือรือร้น ให้ดำเนินชีวิตตามอย่างบรรพบุรุษของพวกเขา บ่อยครั้ง เขาได้เปรียบเทียบชีวิตและความคิดของเขากับเหล่าองค์ชายในอดีต ที่ใช้ชีวิตเป็นผู้นำและพิชิตแผ่นดิน ซึ่งมันทำให้เขาก็ต้องการจะเป็นเช่นนั้น ทำงานร่วมกับความทะเยอทะยาน เพื่อขยายราชอาณาจักรที่ตระกูลของเขามองให้
แน่นอนว่า ทัศนคติของเขามีข้อบกพร่อง เพราะราชาองค์ก่อนไม่สนใจประชาชน เขาเลือกที่จะบอกเพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเป็นธรรม กระนั้น มันก็มากพอที่จะเปลี่ยนเด็กผู้หยิ่งผยองคนนี้ได้
เรื่องราวได้ให้กำเนินความปรารถนา ความปรารถนาช่วยให้ชื่อของตระกูลแลนธานอเล่ไม่จางหายไป
และแม้ว่าเขาจะตายจากการพยายามเติมเต็มความปรารถนานี้ เขาก็จะไม่เสียใจใดๆ
ราชาถอนหายใจและกล่าวว่า “เจ้าตัดสินใจแล้วซินะ อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปแล้ว จำเทคนิคราชวงศ์ที่มอบให้กับสมาชิกทุกคน เพื่อเพิมศักยภาพร่างกายและความเข้าใจได้หรือไม่?”
แดนีลรู้สึกประหลาดใจที่เห็นราชายกเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจำบทสนทนาระหว่างเขากับเอเลนาฟที่กล่าวเกี่ยวกับข่าวลือของเทคนิคราชวงศ์ ที่สามารถเพิ่มศักยภาพ แต่อาจจะส่งผลให้เกิดการกลายสภาพที่น่าหวาดกลัวได้ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่?
“เทคนิคเหล่านั้นเป็นเซต หนึ่งเพิ่มศักยภาพร่างกายหรือความเข้าใจ ขณะที่อีกหนึ่งสามารถจำกัดการกลายสภาพที่เกิดจากผลค้างเคียงของการใช้เทคนิคได้ บรรพบุรุษที่ทรยศต่อพี่ชายของเขาและเข้าควบคุมราชอาณาจักร กลัวว่าลูกหลานของเขาจะชิงบัลลังก์เช่นเดียวกับที่เขาทำ ดังนั้น เขาจึงได้ซื้อเทคนิคชุดนี้ด้วยราชาที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งมันทำให้ทั้งราชอาณาจักรต้องเป็นหนี้นานหลายปี”
ราชายกมือขึ้น และจ้องมองไปยังลาราเวลพร้อมกับรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขา
“นอกจากพี่ชายใหญ่ของเจ้าแล้ว ข้าสามารถฆ่าเจ้าหรือพี่น้องคนอื่นๆของเจ้าได้ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว จงเลือกซะ ลาราเวล เดินมาข้างหน้าและตายลง กล่าวบางคำออกมาและตายลง หรือแค่ยอมรับความพ่ายแพ้ และข้าสัญญาว่าจะไม่ลงโทษเจ้า”
ใบหน้าของลาราเวลยังคงสงบ เขาไม่สนใจคำกล่าวของราชาแม้แต่น้อย ตั้งแต่ที่เขาเห็นราชาที่นี่ เขาก็รู้ว่าการกระทำของเขาถูกค้นพบแล้ว และมันมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะตาย
แล้วเขาจะสามารถทำอะไรได้อีก? มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถทำได้ เขาต้องปิดการทำงานของสายเลือดที่ประตู เพื่อให้แดนีลสามารถจะเข้าไปอย่างปลอดภัยได้
วัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง และเขามักจะแสดงทุกครั้งที่เขามีโอกาส
ความหวาดกลัวต่อความพ่ายแพ้ในระหว่างการประเมิน ทำให้เขาตัดสินใจใช้เครื่องประดับเวทยมนต์ระเบิดกับแดนีล
กระนั้นแล้ว เขาก็ยังคงพ่ายแพ้
ครั้งแรกที่เขาได้พูดคุยกับปู่ของเขาอย่างจริงจังก็คือ เมื่อพ่อของเขาพาเขาไปที่ห้องนอนนั้น
การพูดคุยกันเป็นเวลานานในแต่ละครั้ง ทำให้พวกเขาค่อยๆเปิดใจให้กัน ทีละนิดทีละนิด เขาเริ่มอิจฉาเหล่าองค์ชายในอดีต ที่มีสิทธิ์จะหยิ่งผยองอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาได้ออกไปทำสงครามและทำสิ่งต่างๆให้ราชอาณาจักรอย่างแท้จริง
สำหรับความหยิ่งผยองของเขา? มันไม่มีอะไรเลย ด้วยการวางความหยิ่งผยองลง ความชื่นชมในชื่อตระกูล ค่อยๆซึมซับลึกลงไปในตัวเขา และด้วยความชื่นชมนี้ เขาจึงปรารถนาที่จะทำบางอย่าง
ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่า ตนจะต้องตายในไม่ช้า แต่เขาก็ยังคงยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย และเขายังมีสิ่งสุดท้ายที่จะต้องทำ
พุ่งไปข้างหน้า ลาราเวลพยายามที่จะไปยังประตู
การแสดงออกอย่างไม่พอใจปรากฎบนใบหน้าของราชา เขาดีดนิ้วของเขาและหายไป ขณะที่มีเสียง ตูม! ดังขึ้นจากบนพื้น
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!”
ลาราเวลกรีดร้องขณะที่ล้มลงกับพื้นและเริ่มบิดไปบิดมา
หลังจากยืนยันว่าไม่มีอันตรายใดๆแล้ว แดนีลก็เดินไปด้านข้างลาราเวล
การแสดงออกของความทุกข์ทรมานปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขา ผิวของเขาเริ่มซีดลง และเขากัดฟันแน่นจนเลือดเริ่มไหลออกมาจากมุมปากของเขา
กระนั้น สิ่งที่น่าหวาดกลัวก็คือ แดนีลตระหนักได้ว่า ร่างของลาราเวลขยายใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกัน ผมสีดำก็เริ่มปรากฎขึ้นทั่วผิวของเขา
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าของแดนีล
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!”
เสียงคำราวดังกังวาลทั่วทั้งโดม ซึ่งมันทำให้ผมของแดนีลตั้งขึ้น ในขณะนั้นเอง เขาตระหนักได้ว่า ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นและตอนนี้ มันก็จ้องมองมาที่เขา ราวกับว่าเขาเป็นเหยื่อของมัน
คอมเม้นต์