World domination system – ตอนที่ 143
143 NOA ตอนที่ 2
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ความมีชีวิตชีวาได้หายออกไปจากบาร์ส่วนใหญ่ในราชอาณาจักรแลนธานอร์ เนื่องจากการหายตัวไปของกวีส่วนใหญ่ในราชอาณาจักร
ขณะที่ขี้เมาจำนวนมากถือไวน์ไว้ในมือพร้อมกับร้องรำทำเพลงหรือพูดคุยกัน ได้มีการสัมภาษณ์เกิดขึ้นในห้องลับที่อยู่ใต้ดินของราชอาณาจักรแลนธานอร์
ทีละคนทีละคน ชายและหญิงที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสเดินไปข้างหน้า แล้วร้องตามท่วงทำนองในกระดาษที่พวกเขาได้รับ
พวกเขาถอนหายใจบ่อยครั้ง ขณะที่เห็นว่า ชายที่ทรงอำนาจมากที่สุดในแลนธานอร์เป็นผู้สัมภาษณ์พวกเขา
ไม่กี่วันก่อน ได้มีการปิดประกาศทั่วทั้งแลนธานอร์ เชิญชวนให้กวีเข้ามาทำงานในพระราชวัง ผู้สมัครทุกคนจะต้องรายงานตัวที่พระราชวังภายใน 2 วัน
สิ่งที่ทำให้ทุกคนที่เห็นใบประกาศเต็มไปด้วยความอิจฉาก็คือ ปริมาณเงินเดือนที่พวกเขาจะได้รับ
50 แลนทอง/เดือน
นี่เป็นเงินเดือนในระดับพ่อค้าขนาดเล็กที่ทำงานอย่างหนักและขายสินค้าได้มากที่สุด หากใครสามารถจะมีรายได้ในหนึ่งเดือนมากขนาดนี้ พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
แม้ว่าประกาศนี้จะดึงดูดประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่คนที่เป็นเป้าหมายของประกาศนี้มีเพียงกวีเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรทัดสุดท้ายในประกาศที่ว่า
“เหล่ากวีที่ได้รับเลือก จะมีโอกาสจารึกชื่อของพวกเขาไว้ในประวัติศาสตร์”
ในแลนธานอร์ และส่วนใหญ่ของทั้งทวีป กวีไม่ใช่อาชีพที่มีรายได้สูงมากนัก มีหลายครั้งที่พวกเขาจะต้องไปนอนตามท้องถนน เนื่องจากไม่มีบาร์ที่ยินดีจะจ่ายค่าอาหารและค่าที่พักเพื่อว่าจ้างพวกเขา ทางเลือกถัดไปของพวกเขาก็ไป คือไปตามบ้านของผู้คน เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับเด็กในบ้านเหล่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นที่ตอบรับมากนัก
แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะรู้ตัวดีว่า พวกเขาจะหมดตัวจากการเดินในเส้นทางนี้ของพวกเขา แต่พวกเขาหลายคนก็ยังคงเลือกที่จะเดินในเส้นทางที่เต็มไปด้วยความยากลำบากนี้
นี่เป็นเพราะพวกเขารักและหลงไหลในเรื่องราวและเสียงเพลงของพวกมัน
บางคนเริ่มหลงไหลตั้งแต่ยังเด็ก และมันก็ค่อยๆเติบโตมากยิ่งขึ้นในทุกๆปี จนในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจกระโดดเข้าไปในเส้นทาง
ขณะที่คนที่เหลืออาจจะได้รับอิทธิพลจากมันในภายหลัง จากนั้น พวกเขาก็สละทุกสิ่งในชีวิตเพื่อมัน
ความรักต่อประวัติศาสตร์ เรื่องราว และปรัมปรา นี่เป็นสิ่งเดียวที่รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
เมื่อเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดังกล่าว เปลวเพลิงก็ลุกไหม้ในดวงตาของพวกเขา เร่งเร้าให้พวกเขาไปยังสถานที่ที่เขียนไว้ในประกาศก่อนกำหนดเวลา
หลังจากที่ได้เห็นการตอบรับ แดนีลก็เต็มไปด้วยความปิติยินดี มันเป็นความคิดของเขาที่ลงบรรทัดสุดท้ายของประกาศ ขณะที่เคลเลอร์ไม่มั่นใจเกี่ยวกับมัน สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาเพียงแค่คิดกันว่า เงินเดือนดังกล่าวเพียงพอที่จะดึดดูดคนทั้งหมดแล้ว
เนื่องจากในโลกเดิม ศิลปะที่ทรงคุณค่าล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับในระดับสูง แดนีลจึงตระหนักได้ถึงความสำคัญของความหลงไหลในศิลปะ ดังนั้น เขาจึงบอกให้เคลเลอร์ทำเช่นนั้น
ในความเป็นจริง เคลเลอร์รู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่เขาพบว่า ไม่มีใครเลยที่ถามถึงเงินเดือนขณะที่เข้ามาภายในพระราชวัง เนื้อหาสาระในคำกล่าวส่วนใหญ่ของพวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับบรรทัดสุดท้าย
ดังนั้น ในตอนนี้ที่เขายืนอยู่ข้างๆแดนีล เขาเกิดความสงสัยว่า เหตุใดราชาของเขาถึงสามารถคาดเดาแรงจูงใจของเหล่าคนไร้สาระเหล่านี้ได้
ในทางกลับกัน แดนีลถึงกับสาบแช่งตัวเองที่เขาไม่ได้สนใจเรื่องต่างๆเหล่านี้มากนักตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขามายังอยู่ที่โลกเดิม
ข้อมูลที่เขาได้รับส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาจากบทความที่เขาเคยอ่านในหนังสือพิมพ์
ข้อความหนึ่งที่เขาจำได้จากโลกเดิมและนำมันมาใช้ในแผนการของเขาก็คือ “หากต้องการที่จะครอบครองประเทศ ก็จำเป็นที่จะยึดสื่อให้ได้เสียก่อน ตราบเท่าที่สามารถควบคุมความคิดของประเทศได้ คุณก็จะสามารถทำให้ประชาชนทำในสิ่งที่คุณต้องการได้”
ไม่มีเครือข่ายการข่าวที่เหมาะสมในแอนแกเรีย เหตุผลหลักๆมาจากราคาที่สูงของของเครื่องประดับเวทมนต์สื่อสารและความแพร่หลายของกระดานประกาศ ข่าวสำคัญๆจะถูกติดประกาศไว้ในช่องทางหลัง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การกระจายข้อมูลเช่นนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
นี่เป็นเพราะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สนใจเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในราชอาณาจักรอย่างแท้จริง ตราบเท่าที่มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา พวกเขาก็แทบจะไม่สนใจใดๆกับมัน
แน่นอนว่า เอลดินอร์แตกต่างออกไป และมันมีช่องว่างให้แดนีลสามารถจะเข้าไปแทรกแซงได้
เขามีความทะเยอทะยานสูงสำหรับแผนการนี้ ซึ่งมันทำให้เขาตัดสินใจทดสอบในแลนธานอร์ที่ทุกอย่างสามารถจะควบคุมได้
เครื่องประดับเวทมนต์สื่อสาร และแม้แต่สถานีออกอากาศ ก็ถูกจัดทำขึ้นโดยการทำงานร่วมกันของแดนีลและริปลีย์
ตอนนี้ สิ่งสุดท้ายที่จะต้องจัดการก็คือ คนที่จะทำหน้าที่เป็นเสียงของการดำเนินงานทั้งหมด
ในการเริ่มต้นผลงานของพวกเขา เครื่องประดับเวทมนต์สื่อสารสามารถจะส่งเสียงออกมาได้เท่านั้น ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่แดนีลกำลังจะสร้างขึ้นมาก็คือ สถานีวิทยุแห่งแรกในทวีปแอนแกเรีย
เพื่อจุดประสงค์นี้ เขาตัดสินใจทดสอบง่ายๆ
กระดาษที่เขาแจกให้เหล่ากวีอ่าน มีข้อความดังนี้
“ ‘พวกเอลฟ์เป็นหนี้แลนธานอร์ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะจ่าย ดังนั้น ในขณะที่พวกเขาพยายามจะโจมตี องค์ราชาก็ได้นำการคุกคามพวกเขาด้วยตัวเอง หลังจากสังหารพวกเขาทั้งหมดแล้ว เงินก็จะถูกนำกลับมา ซึ่งมันจะถูกใช้สำหรับยกระดับเหล่าคนยากจนในแลนธานอร์’ จงถ่ายทอดข้อความนี้ แบบที่จะทำให้ผู้คนสนใจ สำหรับสไตร์การถ่ายทอด พวกเจ้าสามารถเลือกได้เอง”
สิ่งที่เขาต้องการก็คือ คนที่มีน้ำเสียงไพเราะและมีความคิดสร้างสรรค์ ที่สามารถจะบอกข่าวและสิ่งที่อื่นในลักษณะที่อาจจะทำให้คนอื่นๆที่กำลังรับฟังหลงไหลและตั้งใจฟังได้
แล้วสิ่งที่เขาได้ฟังก็คือ
นิยานอย่างเช่น
“ทุกคนฟังให้ดี นี่คือนิทานของเอลฟ์ชั่วร้ายและราชาผู้ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างเริ่มต้นในวันที่…”
หรือบทเพลงอย่างเช่น
“เอลฟ์ฉลาดเจ้าเล่ห์ พวกเขาช่างชั่วร้ายจริงๆ”
“แต่ไม่ต้องกังวลไป แลนธานอร์จะสังหารพวกเขาเอง”
“พวกเขาไม่ยินดีที่จะชำระหนี้”
“เพื่อปูทางไปสู่วัน…”
ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ เกือบทุกคนคุ้นเคยกับการพยายามออกเสียงด้วยน้ำเสียงที่ไพเพราะที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อที่จะสร้างความบันเทิงให้ได้ยาวนานที่สุด ซึ่งมันค่อนข้างจะไร้ประโยชน์สำหรับแผนการของเขา ตอนนี้ มันจำเป็นจะต้องมีการบอกข่าวอย่างรวบรัดและสร้างสรรค์ ขณะที่ภาพปกติและการแสดงออกของกวีจะต้องจางหายไป โดยทั่วไปแล้ว สิ่งเหล่านี้มีไว้สำหรับดึงดูดผู้คนเท่านั้น
กระนั้น แดนีลก็ยังคงหวังว่า เขาจะสามารถค้นหาคนที่เหมาะสมได้ แม้หลังจากที่เขาเตือนพวกเขาไปบ้างแล้ว เขาก็ยังคงได้ฟังนิทานและบทเพลงที่มากเกินไปเช่นเดิม
ในที่สุด เขาก็หมดความอดทนและสั่งให้หยุดพัก หลังจากสัมภาษณ์มาได้ 2 ชั่วโมง เขาก็ทำได้เพียงเลือกผู้หญิง 2 คน ที่ไม่ได้พูดจาไพเราะมากเกินไป กระนั้น พวกเธอก็จำเป็นจะต้องได้รับการขัดเกลาก่อนที่จะถูกพาไปออกอากาศ
เดินกลับมายังห้องโถงของราชา เขากำลังคิดว่าจะทำให้แผนการนี้สำเร็จได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครที่เขาสามารถจะไว้วางใจให้รับผิดชอบเรื่องนี้ได้เลย
ในฉับพลัน จังหวะก้าวที่รวดเร็วของเขาหยุดลง หลังจากที่ได้ยินเสียงอันไพเราะที่ดังมาจากทางแยกในทางเดินที่เขาเพิ่งจะเดินผ่านมา
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ในทั้งแอนแกเรีย แลนธานอร์เป็นราชอาณาจักรที่มีกำแพงสูงที่สุด? มันมีการกล่าวกันว่า พวกยักษ์ได้เข้ามาช่วยเหลือในการก่อสร้าง พวกเราก็ยังได้รับการสืบเชื้อสายมาจากยักษ์อีกด้วย แม้ของข้าบอกกับข้าเกี่ยวกับประตูในพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ถึง 10 ฟุต พวกเจ้าจะต้องยืนต่อๆกันถึงจะไปถึงจุดสูงสุดของมันได้”
“ว้าว พี่สาว ช่วยเล่าให้พวกเราฟังมากกว่านี้ได้หรือไม่?”
ได้ยินเสียงนี้ เขาก็คิดถึงผู้หญิงที่ถอดชุดของเธอต่อหน้าเขา ขณะที่เธอพยายามร้องขอให้เขาปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างถูกต้อง
เดินเข้าไปใกล้ เขาเห็นเอลอยเซ่หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เธอจะแสดงออกอย่างหวั่นเกรงบนใบหน้าของเธอ
แม้เธอจะก้าวถอยหลังไปขณะที่เห็นเขา แต่แดนีลกลับยิ้มกว้าวออกมา เขารู้ว่า เขาอาจจะได้พบผู้สมัครที่สมบูรณ์แบบ ที่จะเป็นผู้นำแผนการเครือข่ายแอนแกเรีย(NOA)ของเขาแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร คนที่ได้รับการฝึกอบรมมารยาทและทักษะมาตั้งแต่เด็ก ก็ย่อมมีคุณสมบัติที่ดีมากกว่าคนอื่นๆ นอกจากนี้ เธอยังใจดีกับเด็กๆ และสนใจในชีวิตของประชาชนอีกด้วย
สิ่งที่เขาต้องการก็คือ คนที่เขาสามารถจะไว้วางใจได้ และมีประสบการณ์ในการจัดการกับคน
และตอนนี้ บุคคลนั้นได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยการแสดงออกที่หวาดกลัวบนใบหน้าของเธอ ซึ่งมันก็ทำให้แดนีลสงสัยว่า เขาเป็นคนที่น่าหวาดกลัวหรือไม่?
แฟนเพจ : WDS แปลไทย
คอมเม้นต์