World domination system – ตอนที่ 144
144 NOA ตอนที่ 3
“ฝ่า…ฝ่าบาท ข้าเพียงแค่พาเด็กฝึกหัดเหล่านี้มาเดินรอบๆ…”
เห็นราชายิ้มให้เธอ เอลอยเซ่ก็สงบลง ก่อนที่จะกล่าวอย่างตะกุกตะกักออกมา
ในตัวราชา เธอมีความประทับใจที่ค่อนข้างจะหลากหลาย เริ่มแรก เธอคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนกระหายอำนาจและได้มีโอกาสเข้าครอบครองบัลลังก์ในเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ยิ่งเธอรู้จักเขามากขึ้น เธอก็ยิ่งตระหนักได้ว่า ความคิดของเธอผิด
ในความเป็นจริง มันเป็นความประทับใจเริ่มแรกของเธอ ที่ทำให้เธอตัดสินใจพยายามและเปลี่ยนความคิดของเขาด้วยการเสนอร่างกายของตัวเธอเอง โชคดีที่เธอไม่ต้องละทิ้งศักดิ์ศรีของเธอเพื่อช่วยเหล่าบุคคลอันเป็นที่รักของเธอ
ไม่นานหลังจากนั้น การปิดกั้นปีกนางสนมก็ถูกยกเลิก ซึ่งทำให้คนอื่นๆรวมถึงแม่ของเธอถูกปล่อยตัวออกมา
แน่นอนว่า นอกจากคนที่ถูกประหารแล้ว ก็ยังคงมีคนชั้นสูงอีกหลายคนที่ถูกจำคุก เพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของพวกเขา กระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรม พวกเขาได้รับอนุญาติให้คนอื่นๆเข้ามาเยี่ยมและได้รับอาหารดีๆได้ ซึ่งมันได้เปลี่ยนความรู้สึกในหัวใจของเหล่าคนชั้นสูงที่มีต่อเขา จากความรังเกียจเป็นความขอบคุณ
ในความเป็นจริง มีคนชั้นสูงที่ไม่ได้กระทำผิดใดๆอย่างเธออีก 4-5 คน พวกเขายังคงใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวัง และข้อจำกัดเดียวของพวกเขาก็คือ ห้ามออกไปจากอาณาเขตของพระราชวัง
ในความเป็นจริง ที่แดนีลตัดสินใจเช่นนี้ก็เพื่อตระกูลแลนธานอเร่ ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งเรื่องราวของเอลอยเซ่และการเสียสละของลาราเวล
พันธมิตรที่ไม่น่าเชื่อถือคนนั้น ได้เสียสละชีวิตของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แดนีลได้รับบัลลังก์มา การกระทำของเขาส่งผลต่อการตัดสินใจของแดนีลมากยิ่งกว่าเรื่องราวของอีลอยเซ่อย่างมาก
ทุกคนที่มีสายเลือดตระกูลแลนธานอเร่ ซึ่งรวมไปถึง 5 คนที่ไม่เคยกระทำผิดใดๆ พวกเขาจะต้องสาบานตนว่าจะปฏิบัติตามทุกคำสั่งของเขา พวกเขาไม่มีทางเลือก เพราะทางเลือกที่เหลือนอกจากนี้ก็คือการตายในทันที
นอกจากนี้ ทั้งห้ายังถูกคุมตัวไว้ในที่พักของพวกเขา จนกว่าแดนีลจะตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรกับพวกเขา
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นเย็นชาขึ้นหลังจากที่ได้เห็นความตายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แดนีลก็ยังคงไม่สามารถจะสังหารทั้งตระกูลอย่างเลือดเย็นโดยปราศจากเหตุผลได้
ความเสี่ยงเดียวในการคงอยู่ของพวกเขาก็คือ การรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม ด้วยการสนับสนุนของประชาชนและการรวบคุมรูปแบบหัวใจมังกรอย่างเต็มรูปแบบของเขา มันจึงไม่มีความเสี่ยงที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจากภายใน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เห็นเอลอยเซ่พูดคุยกับเหล่าลูกหลานของสมาชิกฝ่ายการวิจัยที่อาศัยอยู่ในพระราชวัง เขาก็เกิดความสงสัยว่า มันจะเป็นอีกความเสี่ยงหรือไม่?
ชื่อแลนธานอเร่จะกลับมา หากเขาออกไปจากสถานที่นี้หรือไม่?
เขารู้อยู่แล้วว่า มีสายเลือดเชื้อพระวงศ์บางคนที่อยู่นอกราชอาณาจักขณะที่เขาขึ้นครองบัลลังก์
แม้เขาจะพยายามค้นหาตำแหน่งของพวกเขา แต่พวกเขาก็เลือกที่จะหลบซ่อนอย่างหวาดกลัว พร้อมกับมีความเกรี้ยวกราดต่อผู้ที่ช่วงชิงอำนาจของพวกเขาไปในหัวใจ
ดังนั้น ความเสี่ยงที่ใครบางคนภายนอกจะใช้ชื่อเชื้อพระวงศ์เพื่อก่อกบฏจึงไม่น่าจะเป็นไปได้มากนัก
สำหรับวิธีแก้ปัญหานี้ มันมีอยู่ 2 ประการ
ประการแรก กำจัดทุกคนที่มีสายเลือดแลนธานอเร่ ออกไปจากแผ่นดินแห่งนี้
ประการที่สอง ค้นหาวิธีผูกมัดคนที่เหลือไว้กับเขา เพื่อให้มั่นใจว่า ภัยคุกคามในอนาคตจะถูกลบออกไป
ประการแรกถือได้ว่าเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น ประการที่สองจึงเป็นวิธีเดียว
ในความเป็นจริง หากเขาใช้ความคิดที่เขาเพิ่งจะคิดได้ เขาจะสามารถวางแผนจัดการกับพวกเขา ในขณะที่ยังได้พบกับผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะรับหน้าที่ในการดำเนินงานช่องข่าวสาธารณะแห่งแรกของแอนแกเรีย
หลังจากคิดเกี่ยวกับมันแล้ว รอยยิ้มกว้างก็ปรากฎบนใบหน้าของเขา ซึ่งมันทำให้เอลอยเซ่ถึงกับสั่นสะท้าน
สำหรับเหล่าเด็กๆ พวกเขามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพยายามจะคิดถึงอัตลักษณ์ของชายผู้นี้ ที่พวกเขาจำได้ว่าเคยเจอมาก่อน
“ตามข้ามาที่ห้องประชุม”
หลังจากกล่าวออกไปแล้ว แดนีลก็หันหลังกลับโดยไม่แม้แต่เหลียวมามอง เพื่อให้มั่นใจว่า เธอจะเดินตามเขามา
ซึ่งมันก็แน่นอน หลังจากที่เรียกให้คนรับใช้มาพาเด็กๆกลับไปยังห้องของพวกเขาแล้ว อีลอยเซ่ก็เดินตามไปในทิศทางของราชาด้วยการวิ่งเหยาะๆ
ด้วยใบหน้าน่ารักที่แสดงออกอย่างหวั่นเกรงเล็กน้อย เธอรีบเปิดประตูห้องประชุมที่ถูกแง้มเอาไว้หลังจากแดนีลเข้าไป
เห็นราชานั่งอย่างสงบบนเก้าอี้ เอลอยเซ่ก็ปิดประตูที่ด้านหลังของเธอ และกำลังคิดว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไป
ด้วยรอยยิ้มอันขบขัน แดนีลจ้องมองไปยังสาวงามที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ในห้องของเขา ซึ่งดูเหมือนจะเติบโตขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
แก้มของเธอพองขึ้นและมีเลือดฟาด มันแสดงให้เห็นว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีสุภาพดี ตระหนักได้ว่า นี่อาจจะเป็นเพราะเขายกเลิกปีกนางสนม แดนีลถอนหายใจออกมาขณะที่คิดย้อนกลับไปถึงสภาพที่น่าเศร้าของแม่ๆเหล่านั้นที่ร้องไห้ออกมาอย่างปิติยินดีหลังจากที่ถูกปล่อยตัวออกมา
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับคนชั้นสูงทั้งห้า เหล่านางสนมก็ถูกจำกัดไว้ในพระราชวัง อย่างน้อยก็จนกว่า แดนีลจะตัดสินใจเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกเขา
“ฝ่าบาท ท่านต้องการไวน์หรือไม่?” ที่สุดเธอก็ถามออกมา ซึ่งมันได้ทำลายความเงียบที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
“ไม่จำเป็น นั่งลง”
โบกมือไปที่เก้าอี้ด้านหน้าเขา แดนีลรอขณะที่เธอเดินมาข้างหน้าและจัดชุดให้เรียบร้อยก่อนที่จะนั่งลง
ในความเป็นจริง มันดูเหมือนว่า เธอจะมีความเชี่ยวชาญในด้านมารยาทอย่างมาก แม้ว่าเธอจะข้างแตกตื่น แต่เธอก็ยังคงปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องและประณีต
“ด้วยคำสาบานตนที่เจ้าสาบานเอาไว้ ข้าขอสั่งให้เจ้าห้ามเปิดเผยเนื้อหาการสนทนาของพวกเรากับใครหรืออะไรก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาติจากข้าก่อน”
นี่เป็นคำสั่งมาตรฐานที่เขาจะกล่าวออกมาก่อนเริ่มพูดคุยในข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
แม้แดนีลจะรู้ว่า คำสาบานตนไม่สามารถจะป้องกันได้ แต่เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่า พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงได้ด้วยวิธีของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าเหล่าคนที่อาศัยอยู่ในตอนกลางของแอนแกเรีย ดังนั้น มันจึงปลอดภัยกว่าที่เขาจะใช้พวกมัน ซึ่งจะส่งผลให้คนที่เปิดเผยพวกมันออกไป ตายลงในฉับพลัน
หลังจากพยักหน้าแล้ว เอลอยเซ่ก็แสดงออกอย่างจริงจัง ขณะที่ตั้งใจฟังแผนการของราชาหนุ่มแห่งแลนธานอร์
จากนั้นไม่กี่นาที เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปากที่เบิดกว้างของเธอหลังจากที่ได้ฟังความทะเยอทะยานของชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
เพื่อให้มั่นใจว่า เธอได้เข้าถึงหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่ แดนีลได้เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เธอคิดเกี่ยวกับมันด้วยตัวเองว่า จะทำตามความปรารถนาของราชาอย่างไร
………………………………………………………………………………
1 สัปดาห์ต่อมา
ชายในชุดคลุมสีเทาได้เดินไปทั่วเขตดาร์เปอร์พร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา
แม้ว่าจะมีบางคนจ้องมอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้สร้างผลกระทบใดๆต่อบรรยากาศที่เบิกบานใจของเขา
แน่นอนว่า ชายคนนี้ก็คือ แดนีล
ด้วยเครื่องมือปลอมตัว เขาตัดสินใจออกมาตรวจสอบว่า โครงการในฝันของเขาดำเนินไปได้ดีเพียงใดภายใต้การดูแลของเอลอยเซ่
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหลักๆแล้วเกิดจากความรู้สึกตื่นเต้นของการได้รับพลังด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อในแต่ละวัน ตอนนี้ เขาเกือบจะทะลวงเป็นทั้งนักสู้และจอมเวทย์ระดับมนุษย์ขั้น 5 แล้ว แดนีลรู้สึกว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องที่สุด เมื่อครั้งที่เขาเลือกที่จะมอบหมายหน้าที่ต่างๆให้คนอื่นๆ และมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนอย่างเต็มที่เหมือนที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้
ระหว่างที่เดิน เขาสังเกตเห็นคน 2 คน กำลังพูดคุยเรื่องบางอย่างกันที่ข้างถนน
“เจ้าคิดอย่างไรกับข่าวล่าสุดจากอาราเฟลล์”
“โอ้ เจ้าหมายถึงรายงานที่ว่า เหล่ายักษ์เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่รักสงบมากที่สุดในทั้งแอนแกเรีย?”
“ใช่ ข้าชื่นชมยักษ์ตนนั้นที่ยืนอยู่อย่างมั่นคงและปล่อยให้เหล่าร้ายเข้ารุมเพื่อปกป้องเด็กที่ถูกรังแก”
“ข้าได้ยินว่า เขาไม่แม้แต่จะยกกำปั้นขึ้น นั่นยอดเยี่ยมอย่างมาก”
ได้ยินสิ่งนี้ คนที่มาจากเขตอื่น ไม่สามารถจะควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาได้ พวกเขาเดินไปข้างหน้าและถามหนึ่งในพวกเขา
“พวกเจ้ากำลังพูดคุยกันถึงเรื่องอะไร? สิ่งนี้ไม่ได้มีอยู่ในบอร์ดประกาศใช่หรือไม่?”
“เจ้าคงจะมาจากเขตอื่น พวกเราได้รับข่าวมาจากสิ่งนี้”
นำกระดาษออกมาจากภายในชุด หนึ่งในพวกเขาทำให้ชายต่างๆถึงกับสั่นสะท้าน
“เครื่องประดับเวทมนต์? แต่ ใครกันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง?” ชายคนนั้นถาม และพยายามรับข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องประดับเวทมนต์นี้ให้ได้มากที่สุด
ราวกับได้ตอบคำถามนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว ชายอีกคนกลอกตาก่อนจะกล่าวว่า
“บางคนที่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในทวีปของพวกเรา มันเป็นเครือข่ายแห่งแอนแกเรีย”
แฟนเพจ : WDS แปลไทย
คอมเม้นต์