อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 1 ย้อนกลับมาในวันที่แม่ป่วยหนัก

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 1 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 1 ย้อนกลับมาในวันที่แม่ป่วยหนัก

 

 

“ปู้ฟานตื่นได้แล้วลูก ได้เวลาไปโรงเรียนแล้ว…”

 

 

หลินปู้ฟานค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากการถูกสัมผัสโดยมือที่อ่อนโยน

 

 

“แม่?” น้ำตาของหลินปู้ฟานไหลออกมาเมื่อเขามองไปยังใบหน้าของคนที่ปลุกเขา “ผมคิดถึงแม่มากเลยจริงๆ ถึงนี่จะเป็นเพียงแค่ความฝันแต่ผมก็ดีใจมากจริงๆ”

 

 

“เด็กโง่ นี่มันเช้าแล้วนะยังจะละเมออยู่อีก” จางซิ่วเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม “รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายเอา”

 

 

หลินปู้ฟานตกตะลึง เขามองไปรอบๆ

 

 

ที่ๆ เขาอยู่ตอนนี้คือห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลและตอนนี้เขาก็นอนอยู่ที่พื้น

 

 

เพราะโรคไตวายทำให้แม่ของเขาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว

 

 

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของแม่ หลินปู้ฟานก็หยิกใบหน้าของตัวเองอย่างแรง นี่ไม่ใช่ความฝัน? ฉันเกิดไหม่อีกครั้ง?

 

 

“แม่.. ผมไม่อยากไปโรงเรียนผมอยากอยู่กับแม่” หลินปู้ฟานไม่สามารถหยุดน้ำตาที่กำลังไหลรินของเขาได้ เขาคิดถึงแม่มากจริงๆ

 

 

“ปู้ฟาน แม่จะโกรธหนูนะถ้าหนูไม่ยอมไปโรงเรียน” จางซิ่วเยว่ขมวดคิ้วแกล้งทำเป็นโกรธ

 

 

หลินปู้ฟานตระหนักได้ขึ้นมาทันที

 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเขาต้องหาเงินเพื่อช่วยชีวิตแม่เขาให้ได้

 

 

“ครับแม่ แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ” หลินปู้ฟานหยิบกระเป๋านักเรียนของเขาและออกมาจากห้อง เขามองไปที่หนังสือเรียนของชั้นมัธยมปลายปี 2 ในกระเป๋าจากนั้นก็ดูนาฬิการาคาถูกที่ข้อมือ..

 

 

2 กรกฎาคม 1998

 

 

แม่ของเขาเสียในวันที่ 7 พฤศจิกายน 1998 ถ้าหากในตอนนั้นเขาสามารถส่งแม่เขาไปรักษาที่โรงบาลเซี่ยเข๋อในหยานจิงได้ แม่เขาต้องไม่ตายอย่างแน่นอน

 

 

เมื่อคิดว่าเขาที่ย้อนเวลากลับมา 22 ปีจากปี 2020 ทำให้ตอนนี้เขารู้เหตุการณ์สำคัญหลายๆอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งการเติบโตของ Ali และ Fujisun รวมถึงการพุ่งขึ้นของหุ้น Apple และ Bitcoin

 

 

แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้นมันต้องใช้เวลา อาการของแม่เขาไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้นและตอนนี้ครอบครัวของเขาก็เป็นหนี้โรงพยาบาลอีกจำนวนมาก หากยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ โรงพยาบาลก็จะต้องบังคับให้แม่ของเขาออกจากโรงพยาบาลแน่นอน

 

 

คิดสิ! หากต้องการเงินตอนนี้จะต้องทำยังไง?

 

 

ในขณะที่หลินปู้ฟานกำลังเดินไปคิดไปนั้น ร่างที่คุ้นเคยก็โผล่เข้ามาในสายตาของเขา

 

 

“พ่อ…” หลินปู้ฟานกัดริมฝีปาก หลังจากที่แม่เสียไป พ่อของเขาก็แทบจะไม่พูดอะไรกับใครอีกเลย เขาใช้ชีวิตไปวันๆ ราวกับต้นไม้

 

 

พ่อของเขาทำงานอย่างหนักและได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันคาโต๊ะทำงานในปี 2001

 

 

ในระยะเวลาไม่กี่ปี หลินปู้ฟานต้องกลายเป็นเด็กที่ต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่

 

 

“อาเจ้ ได้โปรดให้ผมยืมเงินสักก้อน ซิ่วเยว่เธอกำลังจะตาย” พ่อของหลินปู้ฟานกำลังขอร้องพี่สาวของเขา

 

 

ผมสีทองที่ถูกย้อมมาอย่างดี กระโปรงคลุมสะโพกที่ทำมาจากขนสัตว์ แหวนสีทองบนนิ้วที่ส่องแสงวิ๊บวั๊บออกมาเมื่อต้องกับแสงแดด ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าหลินปิง เธอเป็นพี่สาวของพ่อหลินปู้ฟาน

 

 

“เจิ้งตงนายก็รู้หนิว่าถ้าจะรักษาอาการป่วยของเมียนายมันต้องใช้เงินไม่ใช่น้อยๆ” หลินปิงมีร้านสองร้านในหางโจว ในตอนนี้ยังไม่มีเต๋าเป่าและการช้อปปิ้งออนไลน์ก็ยังไม่เกิดขึ้น ทำให้ธุรกิจขายส่งเสื้อผ้าตอนนี้ยังเฟื่องฟูอย่างมาก

 

 

“อาเจ้จะให้ผมทำอะไรผมก็ยอม ได้โปรดช่วยซิ่วเยว่ด้วยเถอะนะ!” หลินเจิ้งตงขอร้องด้วยเสียงสะอื้นพร้อมกับคุกเข่าอ้อนวอนหลินปิง

 

 

หลินปู้ฟานกัดฟันแน่น เขาเคยเห็นฉากนี้มาแล้วในชีวิตก่อนหน้า

 

 

“โอ้! เจิ้งตงนะเจิ้งตง! ทำไมนายไม่ทำอะไรๆ ให้มันง่ายกว่านี้ล่ะ นายแค่ต้องเซ็นชื่อในใบนี้แล้วเอาเงินทั้งหมดไปหาเมียและแต่งงานใหม่ซะ ง่ายดีออกว่าไหม?”

 

 

“อาเจ้ ผมรู้ว่าอาเจ้กับซิ่วเยว่ไม่ถูกกัน แต่ซิ่วเยว่ก็ถือว่าเป็นน้องสาวของอาเจ้นะครับ ตราบใดที่อาเจ้ให้ผมยืมเงิน ผมสัญญาว่าผมจะรีบหามาคืนให้ได้อย่างแน่นอ….” หลินเจิ้งตงสำลัก

 

 

“นายต้องการเท่าไหร่?”

 

 

“สองแสนครับ”

 

 

ในปี 1998 เงิน 2 แสนสามารถซื้อบ้านได้

 

 

“แกจะบ้าเหรอ! ฉันจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน” หลินปิงมีเงินแต่เธอไม่ต้องการที่จะเสีย

 

 

“หนึ่งแสน หนึ่งแสน ขอแค่หนึ่งแสนก็ยังดี”

 

 

หลินปิงขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจ “แกเป็นสิงโตจอมตระกะจริงๆ ฉันเพิ่งซื้อบ้านใหม่ไปเมื่อต้นปี แล้วฉันจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาให้แกได้จากที่ไหน”

 

 

เมื่อพูดจบ เธอก็หยิบแบงค์หนึ่งพันออกมาจากกระเป๋าสตางค์และส่งให้หลินเจิ้งตง

 

 

เมื่อมองไปที่แบงค์พันใบบางๆ หลินเจิ้งตงก็ตัวสั่นขึ้นมา “อาเจ้ อาเจ้ยังจำมีดเล่มนั้นได้ไหม?”

 

 

ตอนที่หลินปิงอายุได้ 22 ปีเธอได้ไปคบหากับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ทำให้ภรรยาของชายคนนั้นถือมีดมาหาเรื่องหลินปิงถึงหน้าประตูบ้าน แต่หลินเจิ้งตงเข้าไปแย่งมีดเล่มนั้นมาทำให้ภรรยาของชายคนนั้นไม่กล้าทำอะไรหลินปิงอีก

 

 

“เรื่องมันตั้งนานมากแล้ว แกจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาเพื่ออะไร?” หลินปิงมองด้วยสายไม่พอใจ “แกไม่เอาแล้วใช่ไหมเงินเนี่ย?”

 

 

น้ำตาแห่งความโกรธไหลลินออกมา หลินเจิ้งตงค่อยๆ เอื้อมมือไปคว้าแบงค์พันมากำไว้แน่น ในตอนนี้แม้แต่เงินแค่ร้อยเดียวก็สามารถต่อชีวิตเขาได้

 

 

“พ่อลุกขึ้นเถอะ” หลินปู้ฟานช่วยประคองพ่อของเขาลุกขึ้นและมองไปที่หน้าของป้าของเขาด้วยความเกียจชัง “สักวันหนึ่งคุณจะต้องมาคุกเข่าขอร้องพวกเรา!”

 

 

“ฮ่าๆๆ…” หลินปิงเย้ยหยัน “น้ำหน้าอย่างแกกับแม่ของแกเนี่ยนะ? ฉันไม่เคยเห็นพวกแกอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำและก็ไม่เคยนับญาติด้วย”

 

 

“ผมเองก็ไม่เคยนับคุณเป็นญาติเหมือนกัน!” หลินปู้ฟานพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

 

“ปู้ฟาน…” หลินเจิ้งตงดึงหลินปู้ฟานกลับมาและพูดกับหลินปิงด้วยความหวังอันริบหรี่ “อาเจ้ได้โปรด….”

 

 

“หยุดเถอะพ่อ… เธอไม่มีทางให้เงินกับเราหรอกคืนเงินในมือให้เธอไป… นี่คุณป้าสักวันคุณจะต้องเสียใจจากการกระทำในวันนี้” หลินปู้ฟานหยิบเงินจากในมือพ่อและส่งคืนให้หลินปิง

 

 

“ฮึ! พวกไม่รู้จักบุญคุณ” หลินปิงคว้าเงินและหยิบตะกร้าผลไม้เดินจากไป

 

 

หลินเจิ้งตงทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับแววตาที่ว่างเปล่า

 

 

ถึงแม้ว่าเงินหนึ่งพันมันจะไม่เพียงพอที่จะรักษาจางซิ่วเยว่ได้ แต่มันก็สามารถเอาไปซื้อข้าวกินได้หลายมื้อ

 

 

“พ่อ! ผมจะช่วยแม่เอง” หลินปู้ฟานกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น

 

 

หลังจากนั้นไม่นานหลินเจิ้งตงก็ลุกจากพื้นและเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า “ไปโรงเรียนเถอะลูก เดี๋ยวที่เหลือพ่อจะหาทางเอง”

 

 

หลินปู้ฟานต้องการจะพูดบางอย่าง เขารู้ว่าจนกระทั่งแม่จากไปพ่อเขาก็ยังไม่สามารถหาเงินมาได้เลย แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

 

 

หลินปู้ฟานนั่งลงที่สวนของโรงพยาบาล เขาพยายามคิดวิธีหาเงินมากมาย แต่ทุกๆ อย่างมันต้องใช้เวลานานทั้งนั้น

 

 

ซื้อหวย?… แต่เขาไม่รู้ว่าหวยงวดนี้มันจะออกอะไร

 

 

ซื้อหุ้น? ตอนนี้เขายังไม่มีเงินทุน ถึงเขาจะมี.. แต่หุ้นตัวหลักๆ ที่จะทำเงินได้ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนตอนนี้ หม่าหยุนยังไม่ได้สร้างเต้าเป่าในตอนนี้ แม้แต่เสี่ยวหม่าก็ยังไม่ได้เริ่มเขียน QQ เลยด้วยซ้ำ ยิ่ง Apple นี่ไม่ต้องพูดถึง

 

 

สำหรับ Bitcoin ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าราคาจะดีดตัวขึ้น ถึงต้องการที่จะขุดมันเพื่อรอการดีดตัวของราคา แต่ราคาคอมพิวเตอร์ธรรมดาในยุคนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจ่ายไหว

 

 

หลังจากนั่งคิดอย่างหนักอยู่พักหนึ่ง บางสิ่งบางอย่างก็กระพริบผ่านเข้ามาในหัวของหลินปู้ฟาน

 

 

ในโลกธุรกิจข้อมูลสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้! หากมีข้อมูลที่มีความสำคัญต่อใครบางคน นั่นก็เท่ากับว่ามีเงินมหาศาล

 

 

หลินปู้ฟานรีบวิ่งไปที่โรงเรียนมัธยมปลายหางโจวที่ 13 ทันที

 

 

เมื่อถึงพักเที่ยง เขาก็รีบเข้าไปหาซูชิงหญิงสาวที่ร่ำรวยที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกับเขาทันที

 

 

ช่วงบ่ายของวันที่ 3 กรกฎาคมหรือก็คือบ่ายวันพรุ่งนี้ แม่ของซูชิงจะมารับเธอโดยจอดรถรอที่หน้าโรงเรียน แต่โชคไม่ดีที่ตอนนั้นมีรถบรรทุกปูนเกิดเสียหลักและพุ่งเข้ามาชนรถของแม่เธออย่างจังจนทำให้แม่ของเธอและคนขับรถปูนเสียชีวิตทันที

 

 

ครอบครัวของซูชิงนั้นทำธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารขนาดใหญ่ ดังนั้นเขาสามารถแลกข้อมูลนี้เป็นเงินได้

 

 

หลินปู้ฟานเรียกซูชิงที่กำลังนั่งอยู่ใต้หลิวในสนามเด็กเล่น

 

 

“ซูชิงฉันมีบางอย่าจะบอกเธอ”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องพูด ฉันรู้ว่านายต้องการอะไร” ซูชิงพูดออกมาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม สายตาของเธอไม่ได้มองมาที่หลินปู้ฟานเลยด้วยซ้ำ

 

 

“หือ? เธอรู้เหรอว่าฉันกำลังจะพูดอะไร?” หลินปู้ฟานตะลึง

 

 

“หึ! คางคกอย่างนายคงอยากจะกินเนื้อหงส์น่ะสิไม่ว่า ไม่ดูสารรูปตัวเองบ้างเลยนะ นายต้องการจะสารภาพรักกับฉันใช่ไหมละ? ฉันจะบอกอะไรดีๆ ให้นะ คนอย่างนายน่ะไม่มีวันคู่ควรและฉันก็มีคนที่ฉันชอบแล้วด้วย!” ซูชิงเป็นคนที่ทั้งสวยทั้งรวย เธอได้รับจดหมายรักเป็นจำตั้งแต่ ม.ต้นแล้ว

 

 

“ไม่… ฉันไม่ได้มาเพื่อสารภาพรักกับเธอสักหน่อย”

 

 

“แล้วนายเรียกฉันมาที่นี่ทำไม?”

 

 

หลินปู้ฟานครุ่นคิดและพูดออกไปช้าๆ “ซูชิง เธอคิดว่าชีวิตของแม่เธอมีค่าถึง 5 แสนไหม?”

 

 

หน้าของซูชิงหมองคล้ำขึ้นมาทันที “สมองของแกมีปัญหาหรือไง? แม่ฉันมีค่าเท่าไหร่มันไปเกี่ยวอะไรกับแก!”

 

 

หลังจากพูดจบซูชิงก็หันหลังเดินจากไปแต่หลินปู้ฟานก็ตามไปขวางทางเธอไว้ทันที “สิ่งที่ฉันกำลังจะพูดถึงมันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่แม่ของเธอจะตายในวันพรุ่งนี้”

 

 

“แม่แกสิตาย ครอบครัวแกนั่นแหละที่จะตาย” ซูชิงโกรธอย่างมาก

 

 

เมื่อซูชิงกำลังจะเดินจากไป หลินปู้ฟานก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา “เช้านี้เธอได้ส่งจดหมายรักให้กับครูหวังไปหรือยัง?”

 

 

ครูหวังเป็นครูฝึกสอนที่มาจากมหาวิทยาลัย เขาทั้งหล่อและร้องเพลงเพราะซึ่งประเภทที่เด็กสาวในวัยนี้ชื่นชอบอย่างมาก

 

 

“แกรู้ได้ยังไง… ไอ้โรคจิต! นี่แกแอบตามฉันใช่ไหม?” ซูชิงโกรธมากขึ้น

 

 

ในชีวิตก่อนตอนที่เขากำลังยกโต๊ะไปเก็บที่ห้องดนตรี เขาได้เห็นฉากที่ครูหวังกำลังส่งจดหมายรักคืนให้ซูชิง ฉากที่ซูชิงโดนครูหวังปฏิเสธเขาเองก็เห็นเช่นกัน แต่ในตอนนั้นเขาไม่กล้าที่จะออกไปขัดจังหวะทั้งสอง เขาจึงแอบอยู่หลังประตู

 

 

“ฉันไม่ได้แอบตามเธอ ที่ฉันรู้เพราะฉันสามารถทำนายอนาคตได้”

 

 

“ทำนายอนาคตบ้านแกสิ อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะไอ้โรคจิต! ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่” ซูชิงตะคอกออกมา

 

 

“เมื่อฉันโตขึ้น เมื่อผมของฉันยาวถึงเอว คุณจะแต่งงานกับฉันได้ไหม” หลินปู้ฟานยังไม่ยอมแพ้

 

 

ซูชิงยืนนิ่ง เธอกำลังตกตะลึง เธอเขียนจดหมายจากที่บ้านและเธอก็เก็บมันติดตัวไว้ตลอด แล้วหลินปู้ฟานคนนี้รู้เนื้อหาข้างในได้ยังไง? หรือว่าครูหวังเอาจดหมายให้เขาดู? เป็นไปไม่ได้ ครูหวังไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน

 

 

บทกวีนี้โด่งดังอย่างมาก มันไม่แปลกอะไรที่เขาจะเดาได้

 

 

ซูชิงไม่สนใจหลินปู้ฟานอีกต่อไป เธอมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องเรียน

 

 

“ครูหวังจะพูดกับเธอว่า ‘ความรักครั้งนี้จะเป็นความทรงจำที่มีค่าของครู แต่ครูมีภรรยาแล้ว ครูขอโทษ’” หลินปู้ฟานตะโกน

 

 

“แกจะไปรู้อะไร ครูหวังอายุแค่เท่าไหร่เองจะไปมีเมียแล้วได้ยังไง” ซูชิงตอบกลับอย่างโกรธๆ

 

 

“คนที่แต่งงานตอนเรียนอยู่มหาลัยก็เยอะแยะไป”

 

 

“ฮึ!” ซูชิงเดินไปที่อาคารเรียนด้วยท่าทางไม่พอใจ

 

 

หลังเลิกเรียน เพื่อนร่วมชั้นของเขาออกจากห้องไปทีละคนจนในที่สุดก็เหลือเขาเพียงคนเดียวในห้อง

 

 

เขารู้ว่าอีกไม่นานจะมีคนเข้ามาหาเขา

 

 

“ตึก!” เสียงกระแทกประตูดังขึ้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด