อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 21 ขี้ขโมย

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 21 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 21 ขี้ขโมย

 

 

“หัว… หัวหน้ากู่” หลินปิงถึงกับพูดไม่ออก

 

 

คิ้วเรียวของกู่ซินเยว่ย่นเข้าหากันพร้อมกับแววตาที่เย็นชาปรากฏออกมา “คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง? ฉันบอกว่าวาสนาของเราหมดลงแล้ว ต่อจากนี้เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกันอีกในอนาคต ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

 

 

“หัวหน้ากู่เราร่วมงานกันมาได้อย่างดี คุณจะมายอมให้ไอ้เด็กเหลือขอนี่มาทำลายความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

 

 

“หึ!” กู่ซินเยว่เย้ยหยัน รอยยิ้มดูถูกปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ฉันกู่ซินเยว่เกลียดที่สุดคือคนแบบคุณ กับญาติคุณยังทำแบบนั้นแล้วฉันจะไว้ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ทำอย่างนั้นกับฉันในอนาคต”

 

 

“หัวหน้ากู่ฉันจะไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่นอน ได้โปรดเชื่อใจฉันเถอะนะคะ” หลินปิงต้องการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย

 

 

“อย่าพยายามอีกเลยมันไม่มีประโยชน์ ออกไปได้แล้ว” กู่ซินเยว่หันหน้าหนีและไม่สนใจหลินปิงอีกต่อไป

 

 

หลินปิงจากไปอย่างไม่เต็มใจ

 

 

ธุรกิจก็แบบนี้ มันเป็นเหมือนกับทะเลที่มีคลื่นขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลามันไม่เคยราบรื่นและจะไม่มีวันราบรื่น กู่ซินเยว่รู้ดีว่าการเป็นนักธุรกิจเธอจำเป็นต้องเลือกและเธอก็รู้ว่าตัวเธอเองควรจะเลือกแบบไหน สำหรับผู้หญิงอย่างหลินปิงที่ไม่ให้คุณค่ากับญาติพี่น้องเธอจะไม่มีทางรวมงานกับคนประเภทนี้แน่นอน

 

 

หลังอาหารค่ำ หลินปู้ฟานลุกขึ้นและขอตัวกลับก่อน ซูชิงจึงอาสามาส่งเขาที่หน้าโรงแรม

 

 

“ให้ฉันบอกให้คนขับรถไปส่งนายที่บ้านไหม?” ซูชิงกล่าวอย่างขยันขันแข็ง

 

 

“ไม่เป็นไร ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับเอง”

 

 

“งั้นนายก็ระวังตัวด้วยนะ”

 

 

หลินปู้ฟานเพิ่งเดินออกมาไม่ไกล เขาก็เจอกับหลินปิงที่ดักรออยู่

 

 

“รอก่อน” หลินปิงแสดงสีหน้าเรียบเฉย

 

 

หลินปู้ฟานมองไปที่เธอด้วยหางตาและไม่ได้พูดอะไร

 

 

“ปู้ฟาน หลานได้ดิบได้ดีแล้วป้ายินดีกับหลานจริงๆ ก่อนหน้านี้เป็นป้าเองที่มีตาแต่ไร้แวว…” หลินปิงเห็นซูชิงอำลาหลินปู้ฟานอย่างไม่เต็มใจ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคนทีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ไม่งั้นหัวหน้าหลายคนคงไม่ออกตัวปกป้องหลินปู้ฟานขนาดนั้น “ป้ารู้ว่าหลานกำลังลำบากเดี๋ยวป้าจะโอนเงินให้ หลานช่วยไปคุยกับหัวหน้ากู่ให้ป้าหน่อยจะได้ไหม?”

 

 

ปัจจุบันเสื้อผ้าของหัวหน้ากู่นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากและการได้เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับแบรนด์ของหัวหน้ากู่ก็สามารถทำให้เธอได้กำไรไม่น้อยเลย

 

 

“ผมไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้น ผมว่าป้าควรจะไปคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเองนะครับ” หลินปู้ฟานปฏิเสธออกไปตรงๆ

 

 

หลินปิงกัดฟันและอดทนเก็บอารมณ์เอาไว้ “ป้ารู้ว่าป้าทำให้หลานไม่พอใจ แต่ถึงอย่างไรเราก็เป็นญาติกันไม่ใช่เหรอ?”

 

 

“ผมจำได้ว่าตอนแรกป้าไม่ได้พูดอย่างนี้นี่ครับ? ไม่ใช่ว่าป้าเห็นบ้านเราเป็นแค่ขอทานหรือไง? แล้วผมกับหัวหน้ากู่ก็พึ่งเคยเจอกันครั้งแรกไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น ขอตัวครับ” หลินปู้ฟานไม่มีอะไรจะพูดอีก เขาเดินไปข้างถนนโบกมือเรียกแท็กซี่และขึ้นรถจากไปทันที

 

 

หลินปิงโกรธจนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว

 

 

แล้วแกจะต้องเสียใจ ไอ้เด็กอวดดี

 

 

วันต่อมา..

 

 

จางอี้หนี่และลุงซูไปที่ธนาคารเพื่อโอนเงินให้หลินปู้ฟาน

 

 

รวมทั้งหมด 6 ล้านหยวน

 

 

ซูชิงบอกหลินปู้ฟานในตอนเช้าว่าเงินถูกโอนไปแล้ว หลินปู้ฟานรู้สึกขอบคุณอย่างมาก

 

 

“ปู้ฟาน นายจะเอาเงินมากมายขนาดนี้ไปทำอะไรบอกฉันหน่อยได้ไหม?” เมื่อคืนจางอี้หนี่บอกให้ซูชิงลองถามหลินปู้ฟานว่าจะใช้เงินมากมายไปทำอะไร เธออยากรู้ว่าการลงทุนแบบไหนกันแน่ที่จะทำให้ได้ผลกำไรใน 3 วันได้

 

 

หลินปู้ฟานไม่ได้โง่ แค่เขามองเขาก็รู้ทันที

 

 

หลินปู้ฟานจงใจพูดว่า “เธอเคยดูบอลไหม?”

 

 

“ไม่อ่ะ”

 

 

“แล้วเธอรู้ไหมว่าปีนี้มีบอลโลก”

 

 

“ฉันรู้แค่ว่าบอลโลกจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี”

 

 

“เอาล่ะฉันบอกเธอก็ได้ วันมะรืนนี้จะเป็นรอบชิงชนะเลิศระหว่างฝรั่งเศสกับบราซิล ฉันต้องการลงเงินทั้งหมดกับเกมนี้”

 

 

“หือ?” ซูชิงตกตะลึง แต่หลังจากคิดอีกแง่หนึ่งเธอก็เอะใจขึ้นมา หลินปู้ฟานเป็นคนที่ทำอะไรอย่างใจเย็นเสมอ เขาจะทำเรื่องโง่ๆ อย่างการเอาเงินทั้งหมดไปลงกับการนพนันอย่างนั้นได้อย่างไร “นายคิดว่าฉันจะโง่เชื่อหรือไง?”

 

 

“ฮ่าๆ ไม่เชื่อก็ตามใจ”

 

 

“นายมันคนขี้โกหก” ซูชิงแลบลิ้นใส่หลินปู้ฟาน

 

 

หลินปู้ฟานกำลังอารมณ์ดีเลยทำให้การกระทำของซูชิงดูน่ารักไปด้วย เขามองไปรอบๆ และส่งสัญญานให้ซูชิงเอนตัวเข้ามาใกล้ๆ เขา

 

 

เมื่อซูชิงเอนตัวเข้ามา หลินปู้ฟานก็กระซิบไปว่า “ปีนี้ฝรั่งเศสจะได้เป็นแชมป์แน่นอน เธอสามารถใช้เงินทั้งหมดที่มีลงเดิมพันในครั้งนี้ได้”

 

 

“ฝันไปเถอะ ฉันจะไม่มีวันยุ่งเรื่องนี้เด็ดขาด” ซูชิงได้รับการสอนจากจางอี้หนี่ว่าควรหลีกเลี่ยงการพนันและยาเสพติดมาตลอด

 

 

“ดีแล้วที่เธอคิดแบบนั้น” หลินปู้ฟานยิ้มเล็กน้อยและปรบมือให้ซูชิงในใจ

 

 

เมื่อเขาเดินผ่านห้องเรียนสารสนเทศเพื่อไปทานอาหารกลางวัน เขาก็ถูกครูสอนภาษาอังกฤษหวังมู่มู่หยุดเอาไว้

 

 

“หลินปู้ฟานไปเอาหนังสือแบบฝึกหัดบนโต๊ะของครูไปไว้ที่ห้องเรียนให้ครูหน่อย”

 

 

คลาสแรกในช่วงบ่ายวันนี้เป็นวิชาภาษาอังกฤษ

 

 

“ครับ!” หลินปู้ฟานเดินไปที่ห้องทำงานที่ชั้นสาม

 

 

หวังมู่มู่มองไปที่หลังของหลินปู้ฟานพร้อมกับยิ้มอย่างสมเพช

 

 

เมื่อเธอเห็นสภาพลูกของเธอหลังจากที่หวังปินถูกช๋งเฉินทำร้าย เธอก็ถามอย่างโมโหว่าเกิดอะไรขึ้น? และหวังปินก็โกหกว่าเขาถูกกลุ่มคนที่ไม่รู้จักทำร้ายระหว่างทางกลับบ้าน เพราะเขาไม่ต้องการจะยุ่งกับหลินปู้ฟานอีก

 

 

ตอนแรกเธอต้องการจะพาหวังปินไปแจ้งตำรวจ แต่หวังปินก็รีบห้ามเธอไว้ก่อน เขาบอกว่ากลุ่มคนที่มาทำร้ายเขาไม่ใช่คนท้องถิ่นที่นี่มันจะเป็นเรื่องยากที่จะพบพวกเขา นอกจากนี้ต่อให้เขาไปแจ้งความเขาก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดหลินปู้ฟานอยู่ดี

 

 

หวังมู่มู่ถามหวังปินว่าเรื่องของเขากับหลินปู้ฟานเกิดขึ้นได้อย่างไร?

 

 

หวังปินก็โกหกไปอีกครั้งโดยบอกว่าหลินปู้ฟานอิจฉาที่เขากับซูชิงสนิทกัน

 

 

หลายวันมานี้เธอพยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยลูกชายของเธอและในที่สุดเธอก็ได้วิธีที่ไม่ธรรมดาได้

 

 

หลินปู้ฟานฮัมเพลงเบาๆ ขณะเดินเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อเขาเห็นหนังสือแบบฝึกหัดที่วางอยู่บนโต๊ะของคุณครูหวัง เขาก็หยิบมันขึ้นมาและมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

 

 

เมื่อเขาเดินไปที่ประตูห้องเรียนจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของคุณครูหวังดังมาจากด้านหลังของเขา

 

 

“หลินปู้ฟานหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

 

 

หลินปู้ฟานหันหลังมองไปที่คุณครูหวังอย่างสงสัย

 

 

“ใครใช้ให้เธอเอาหนังสือพวกนี้มา?” เธอตะโกนอย่างดุเดือดจนทำให้นักเรียนที่อยู่ในห้องออกมาดูด้วยความตื่นเต้น

 

 

“ก็ครูบอกให้ผมไปเอามาเองไม่ใช่เหรอครับ?” หลินปู้ฟานขมวดคิ้ว เขามีลางสังหรณ์ว่ามีบางอย่างผิดปกติ คนเลี้ยงแกะหวังคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?

 

 

“ฉันบอกให้เธอไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

 

“ก็คุณครูบอกให้ผมไปหยิบมาตอนที่ผมเดินผ่านหน้าห้องเรียนสารสนเทศไม่ใช่เหรอครับ?”

 

 

“เมื่อตะกี้ฉันเจอเธอที่หน้าห้องเรียนสารสนเทศจริง แต่ฉันไม่ได้บอกให้เธอไปทำอะไรเสียหน่อย”

 

 

“งั้นผมก็แค่เอามันไปเก็บไม่เห็นจะยากอะไร”

 

 

สายตาเจ้าเล่ห์ของเธอปรากฏขึ้นมา “เมื่อกี้ฉันไปที่สำนักงานมาและพบว่าเงินในลิ้นชักของฉันหายไป ส่วนหนังสือที่อยู่ในมือของเธอตอนนี้ก็เป็นหนังสือสำหรับการสอนที่ฉันเตรียมไว้ ฉันสงสัยว่าเธอเป็นคนที่ขโมยเงินของฉันไป”

 

 

“คุณครูมีหลักฐานว่าผมขโมยเงินไปเหรอครับ?” หลินปู้ฟานกล่าวอย่างใจเย็น

 

 

“เราจะได้รู้แน่ล่ะ หลังจากที่ค้นตัวของเธอแล้ว” หลังจากที่พูดจบคนเลี้ยงแกะหวังก้าวไปข้างหน้าเพื่อค้นตัวของหลินปู้ฟาน หลินปู้ฟานก็ต่อต้านออกมาตามธรรมชาติ

 

 

หนังสือแบบฝึกหัดในอ้อมแขนของหลินปู้ฟานร่วงลงพื้นและเผยให้เห็นกองเงินที่สอดตรงกลางระหว่างหนังสือแบบฝึกหัด

 

 

“นี่ไงเงินฉัน! เธอยังจะมีหน้าปฏิเสธอีกไหม?” คนเลี้ยงแกะหวังกล่าวอย่างมีชัย

 

 

หลินปู้ฟานขมวดคิ้ว

 

 

ให้ตายสิ! ขี้ขโมย!

 

 

“ฉันไม่คิดว่าหลินปู้ฟานจะเป็นคนแบบนี้”

 

 

“เขากล้าดียังไงมาขโมยเงินของทุกคนไปแบบนี้”

 

 

“ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเขาต้องการเงินอย่างมากตอนนี้”

 

 

“ถึงยังไงเขาก็ไม่ควรทำแบบนี้อยู่ดี”

 

 

“แย่มาก”

 

 

“โชคดีที่ครูหวังพบก่อน ไม่อย่างนั้นเงินของทุกคนต้องถูกขโมยไปแน่”

 

 

เพื่อนร่วมชั้นรอบข้างเริ่มซุบซิบคุยกัน

 

 

“ตามฉันไปพบผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้เลย” เธอดึงแขนเสื้อของหลินปู้ฟานไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด