อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 22 ตอบโต้

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 22 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 22 ตอบโต้

 

 

หลังจากมาถึงสำนักงานคณบดี หวังมู่มู่ก็ได้ยืนยันว่าหลินปู้ฟานต้องเป็นคนขโมยเงินไปแน่นอน

 

 

หลินปู้ฟานส่ายหัว คนเลี้ยงแกะหวังคนนี้วางแผนมาดีเธอคงต้องการจะแก้แค้นให้กับลูกชายของเธอ เธอเลือกเวลาไม่มีใครอยู่ในห้องพักครูทำให้เขาไม่สามารถแก้ต่างเรื่องนี้ได้

 

 

ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงกล้องซีซีทีวีในห้องพักครูเลย แม้แต่ทั้งโรงเรียนก็ไม่มีกล้องแม้แต่ตัวเดียว

 

 

“ผู้อำนวยการ ฉันว่านักเรียนนิสัยแย่แบบนี้ไม่คู่ควรที่จะได้อยู่ในโรงเรียนของเราอีกต่อไปนะคะ ฉันขอเสนอให้ไล่เขาออก” หวังมู่มู่พูดด้วยเสียงแหบแห้งและใบหน้าที่ดุร้าย

 

 

ผู้อำนวยการของโรงเรียนคือหลิวไฉเฉว่ เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุ 40 ปีสวมแว่นตาหนาเตอะ มีพุงย้วยและมี”พื้นที่เปิดโล่ง”อยู่เหนือศรีษะของเขา

 

 

“หลินปู้ฟานเธอกล้ามาก เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง? เธอกล้าเข้าไปในห้องพักครูเพื่อขโมยเงินอย่างไร้จิตสำนึก เธอลืมคำสอนของคุณครูที่สอนเธอช่วงหลายปีที่ผ่านมาไปหมดแล้วเหรอ?” หลิวไฉเฉว่ไม่สนใจจะฟังคำแก้ต่างของหลินปู้ฟานเลยแม้แต่น้อย เขาตัดสินว่าหลินปู้ฟานเป็นโจรในทันที

 

 

หลินปู้ฟานรู้สึกรำคาญ “ผู้อำนวยการ คุณไม่คิดจะถามผมสักคำเหรอว่าผมทำจริงๆ ไหม? คุณฟังคำพูดของหวังมู่มู่อยู่เพียงฝ่ายเดียวและคุณก็ตัดสินว่าผมเป็นคนขโมยเงินไป แบบนี้หรือคือสิ่งที่คนที่ได้ชื่อว่าครูควรจะเป็น?”

 

 

“หลินปู้ฟาน เธอกล้าดียังไงถึงได้เรียกชื่อของคุณครูของเธอออกมาห้วนๆ แบบนั้น” หลิวไฉเฉว่ตะโกนและตบโต๊ะ “นักเรียนนิสัยเลวอย่างเธอถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ เธอยังจะต้องการแก้ตัวอะไรอีก?”

 

 

หลินปู้ฟานเงียบ เขารู้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรต่อไป

 

 

“ออกไปยืนรอข้างนอก” หลิวไฉเฉว่ดุ

 

 

หลินปู้ฟานออกไปยืนนอกห้องทำงาน

 

 

“ผู้อำนวยการ ยังไงเขาก็ต้องโดนไล่ออก”

 

 

“ฉันเข้าใจแล้ว!”

 

 

เสียงของบทสนทนาภายในห้องเบาลงและหลินปู้ฟานก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

 

 

ตามขั้นตอนปกติแล้ว เรื่องนี้ควรจะแจ้งผู้ปกครอง

 

 

หลินปู้ฟานคร่ำครวญคิดในใจ

 

 

ฉันประมาทเกินไป

 

 

ความจริงเขาจะไม่จำเป็นต้องมาโรงเรียนเลยเพราะด้วยข้อมูลที่เขามีอยู่ในมือก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปทั้งชีวิตแล้ว

 

 

แต่ปัญหาก็คือถ้าเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนในฐานะหัวขโมย พ่อแม่ของเขาจะเสียหน้าได้และเขาเองก็จะเสียชื่อเสียงไปด้วยเหมือนกัน และเมื่อเขาเริ่มทำธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของเขาในอนาคต ถ้าเกิดว่ามันถูกเปิดเผยออกไปมูลค่าของบริษัทของในตลาดจะต้องลดลงอย่างแน่นอน เขาจะไม่อนุญาตให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

 

 

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีหลิวไฉเฉว่ก็เรียกให้หลินปู้ฟานเข้าไป เขาพูดอย่างจริงจังว่า “เรียกพ่อของเธอมาพรุ่งนี้ เพื่อทำเรื่องลาออก”

 

 

“เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน แต่ผู้อำนวยการกลับไล่ผมออกแล้ว?” หลินปู้ฟานพูดด้วยความโกรธ

 

 

“เรื่องนี้เธอรู้อยู่แกใจว่าเธอเป็นคนทำ ยังมีอะไรต้องตรวจสอบอีก? หรือว่าเธอต้องการให้ฉันโทรหาตำรวจ? เธอต้องการจะเข้าคุกเยาวชนหรือยังไง?” หลิวไฉเฉว่ตบโต๊ะและขึ้นเสียง

 

 

หลินปู้ฟานขมวดคิ้ว เขาไม่มีทางไหนเลยที่จะพิสูจน์ได้ว่ายัยป้าหวังเป็นคนใช้ให้เขาเข้าไปหยิบหนังสือแบบฝึกหัดจริงๆ และก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่ช่วยยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนขโมยเงินนั่นไปด้วย

 

 

และถ้าเรียกตำรวจมาที่นี่ทุกๆ อย่างก็จะต้องเลวร้ายขึ้นไปอีก

 

 

หลินปู้ฟานเดินออกจากอาคารสอนและคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

“หยุดก่อน…” ซูชิงวิ่งมาจากด้านหลัง

 

 

“เธอมาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่เข้าเรียน?”

 

 

“นายทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ฉันจะยังมีสมาธิเรียนได้ยังไงล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันเชื่อว่านายไม่ได้เป็นคนขโมยเงินนั่นแน่นอน” ซูชิงพูดอย่างเคร่งเครียด

 

 

หลินปู้ฟานลูบหัวเธอเบาๆ “อย่างน้องก็ยังมีเธอที่เชื่อใจฉัน”

 

 

“ทั้งหมดเป็นแผนของคูณครูหวังเหรอ?”

 

 

หลินปู้ฟานถอนหายใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วฉันจะทำอะไรได้?”

 

 

“ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับเธอให้รู้เรื่อง” ซูชิงหันกลับมาและกำลังจะจากไป

 

 

หลินปู้ฟานคว้าตัวเธอไว้ “ไม่ต้องหรอก มันไม่มีประโยชน์”

 

 

“แล้วนายจะทำยังไง? ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นทุกคนคิดว่านายเป็นขโมยหมดแล้ว”

 

 

“ฉันหิวน้ำ ฉันขอไปหาน้ำกินก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 

 

ทั้งสองออกจากประตูโรงเรียน ซูชิงซื้อน้ำและเครื่องดื่มจากนั้นก็เดินไปที่สวนเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล

 

 

“เราควรจะทำยังไงดี?” ซูชิงถามขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

 

“เธอพอจะมีอะไรเสนอไหม?”

 

 

“หากมีเงินมากก็จ้างได้แม้กระทั่งผี ฉันว่าฉันจะใช้เงินซื้อคุณครูหวังให้ยอมสารภาพเรื่องนี้”

 

 

หลินปู้ฟานแตะคางของเขาและครุ่นคิดสักครู่ “คนแซ่หวังคงจะพยายามแก้แค้นให้ลูกชายของเธอ และเรื่องคราวก่อนที่ฉันฉีกหน้าเธอจนทำให้รายได้จากค่าเรียนพิเศษของเธอลดลงไป ฉันรู้ว่าหล่อนเป็นคนโลภ แต่ถ้าฉันใช้เงินเพื่อบังคับให้เธอสารภาพแล้วถ้าเรื่องมันหลุดออกไป ชื่อเสียงของฉันก็จะยิ่งแย่ไปกว่าเดิม”

 

 

“โอ้ นายพูดถูก แล้วเราจะทำยังไงกันดี?” ซูชิงยกมือขึ้นมาจับแก้มของเธอและเริ่มกังวล

 

 

หลินปู้ฟานจิบน้ำและหลับตาเพื่อคิด

 

 

สายน้ำแห่งความทรงจำอันยาวนานปรากฏขึ้นทีละนิด

 

 

ให้ตายสิ! ฉันลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร

 

 

ตอนที่ฉันเรียนมัธยมปลายปีที่ 3 ในชาติที่แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นในโรงเรียน

 

 

ภรรยาของหลิวไฉเฉว่รีบตรงมาที่โรงเรียนและเข้ามาตบคนเลี้ยงแกะหวังจนล้มลงไปกองกับพื้น

 

 

ในขณะที่ตบ เธอด่าคนเลี้ยงแกะหวังว่าเป็นหญิงชู้เลวทราม

 

 

ต่อมาเรื่องความสัมพันธ์ของหวังมู่มู่และหลิวไฉเฉว่ก็ผูกเปิดเผย เนื่องด้วยข้อหาผิดศีลธรรมทำให้หลิวไฉเฉว่และหวังมู่มู่ถูกไล่ออก

 

 

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหลินปู้ฟาน

 

 

แต่หลังจากคิดเรื่องนี้อีกครั้ง บางที่ตอนนี้หวังมู่มู่กับหลิวไฉเฉว่อาจจะยังไม่ได้เป็นชู้กัน เพราะเรื่องที่เขาจำได้มันเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกตั้งหนึ่งปี

 

 

หลินปู้ฟานจับคางของเขาและคิดอีกครั้ง…

 

 

“นายหาวิธีได้แล้วเหรอ?” ซูชิงถามอย่างกังวล

 

 

“มั้ง… ” หลินปู้ฟานยืนขึ้น “ฉันไม่รู้ว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลหรือป่าว แต่ฉันตั้งการให้เธอช่วย”

 

 

“ไม่มีปัญหา”

 

 

“แม่ของเธอรู้จักใครในวงการโรงแรมบ้างไหม?” หลินปู้ฟานถาม

 

 

“แน่นอน แต่ว่าเราเองก็เปิดโรงแรม ทำไมนายถึงมองหาคนอื่น?”

 

 

“เพราะหวังมู่มู่และหลิวไฉเฉว่รู้ดีว่าโรงแรมจุนหัวเป็นโรงแรมของครอบครัวเธอ มันจึงไม่เหมาะที่จะใช้ที่นั่นดำเนินการตามแผนของฉัน”

 

 

หลินปู้ฟานยิ้มและบอกแผนของเขาออกมา

 

 

แผนคือหาใครมาสักคนเพื่อมอบบัตรกำนัลของทางโรงแรมให้กับหลิวไฉเฉว่และบัตรกำนัลนั้นต้องใช้ได้แค่วันนี้เท่านั้น หากหลิวไฉเฉว่กำลังคบกับหวังมู่มู่อยู่จริงๆ เขาจะต้องชวนหวังมู่มู่ไปที่โรงแรมกับเขาอย่างแน่นอน หากขั้นตอนนี้เป็นไปด้วยดี ขั้นตอนต่อไปคือซ่อนกล้องในห้องและถ่ายวิดีโอของทั้งสองคนขณะที่อยู่ด้วยกันเพื่อเซฟวีดีโอทั้งหมดลงดิส

 

 

“นายรู้ได้อย่างไรว่าหวังมู่มู่และหลิวไฉเฉว่เป็นชู้กัน?” ซูชิงถาม

 

 

“ฉันจะบอกเรื่องนี้กับเธอที่หลัง ตอนนี้เธอไปทำตามที่ฉันบอกก่อน”

 

 

“โอเค!”

 

 

จากนั้นซูชิงก็โทรหาแม่ของเธอจางอี้หนี่และหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เธอก็ขอให้จางอี้หนี่หาโรงแรมระดับไฮเอนด์ที่จะใช้สำหรับแผนนี้ให้ พร้อมกับเตรียมหน้าม้าให้ไปรอที่สวนเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน

 

 

เมื่อถึงเวลา 5 โมงครึ่ง

 

 

หลิวไฉเฉว่ก็เดินออกมาจากโรงเรียนอย่างช้าๆ มีผู้ชายคนหนึ่งติดตามเขาไปตลอดเวลา หลังจากที่หลิวไฉเฉว่เดินห่างออกจากโรงเรียนไปได้สองช่วงตึก เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที

 

 

“สวัสดีครับ ตอนนี้ทางโรงแรมของเรากำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับการเช็คอินและระดับความพึงพอใจของลูกค้า คุณสามารถใช้คูปองนี้เพื่อเข้าพักที่โรงแรมของเราได้นะครับ และที่สำคัญ… ทุกๆ อย่างนั้นฟรีทั้งหมดครับ ตราบใดที่คุณฝากคำแนะนำดีๆ ไว้ให้กับโรงแรมเราบัตรนี้จะเป็นของคุณทันที” ชายหน้าม้าเสนออย่างมืออาชีพ

 

 

“ฉันไม่…”

 

 

“คุณจะได้เข้าพักในห้องสวีทสุดหรูหราขนาด 50 ตารางเมตรที่มีเตียงพับอัตโนมัติรุ่นล่าสุด” ชายหน้าม้ากล่าว

 

 

“เตียงพับอัตโนมัติ…” หลิวไฉเฉว่หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และค่อยๆ แสดงรอยยิ้มหื่นกามออกมาบนใบหน้าของเขา

 

 

“ยิ่งกว่านั้นในห้องของเรายังมีอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่พอที่จะให้คนสองคนลงไปอาบน้ำพร้อมกันได้ด้วยนะครับ แถมยังมีดินเนอร์สุดหรูพร้อมกับไวน์ XO อีกหนึ่งขวดเพื่อค่ำคืนที่สวยงาม”

 

 

“ได้ขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”

 

 

“จริงแท้แน่นอนครับ โรงแรมของเราคือโรงแรมหลงซิงคุณคงจะเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหมครับ?”

 

 

“โรงแรมหลงซิงที่อยู่ที่ถนนจี้ฟางน่ะเหรอ?”

 

 

“ใช่แล้วครับ”

 

 

“ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ?”

 

 

“เพราะด้วยชื่อเสียงของคุณมันจะทำให้”คำแนะนำ”ที่คุณจะให้กับโรงแรมของเรามีค่ามากขึ้นครับ” เขาให้คูปองกับหลิวไฉเฉว่และพูดว่า “คูปองนี้ใช้ได้เฉพาะวันนี้เท่านั้นนะครับ”

 

 

“เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ” หลิวไฉเฉว่รับมาอย่างมีความสุข

 

 

ชายหน้าม้าโบกมือลาแล้วรีบจากไปทันที เขากลัวว่าชายแว่นหนาคนนี้จะจับได้ว่าเขาเป็นหน้ามา

 

 

หลิวไฉเฉว่เร่งฝีเท้าไปที่ร้านค้าเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล เมื่อไปถึงเขาก็หมุนหมายเลขเพจเจอร์อย่างรวดเร็ว

 

 

หลินปู้ฟานและซูชิงคอยติดตามอยู่ห่างๆ

 

 

หลังจากหลิวไฉเฉว่จากไป หลินปู้ฟานก็เดินเข้าไปและถามกับเจ้าของร้าน “เถ้าแก่ หมายเลขเพจเจอร์ที่ผู้ชายใส่แว่นคนเมื่อกี้ไส่ เลขอะไรเหรอครับ?”

 

 

เถ้าแก่กลอกตา “จะถามทำไม? ออกไปจากร้านอั๊วเลยนะ”

 

 

หลินปู้ฟานหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนออกมา

 

 

เมื่อเห็นอย่างนั้นเถ้าแก่ก็หัวเราะออกมา เขารีบเปิดโทรศัพท์แล้วจดเบอร์เพจเจอร์ให้ทันที

 

 

หลินปู้ฟานส่งหมายเลขเพจเจอร์ให้ซูชิงและซูชิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อค้นหาหมายเลขเพจเจอร์ของหวังมู่มู่

 

 

“เป็นหมายเลขเพจเจอร์ของหวังมู่มู่จริงๆด้วย”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด