อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 6 ชีวิตแลกความรัก

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 6 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 6 ชีวิตแลกความรัก

 

 

เด็กชายตัวอ้วนวิ่งเข้ามาหาหลินปู้ฟาน เด็กคนนี้มีชื่อว่าจางเจี่ยตงเป็นเพื่อนสนิทของหลินปู้ฟาน พวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ม.ต้น และม.ปลายพวกเขาก็เรียนที่โรงเรียนเดียวกัน แต่อยู่คนละห้อง

 

 

ในชีวิตที่แล้ว จางเจี่ยตงต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมอย่างที่สุด เขาตามตื้อสาวที่เขาหลงรักกว่าสองปี แต่สุดท้ายเขาต้องตายด้วยคำพูดที่สิ้นคิดของผู้หญิงคนนั้น เธอบอกกับเจี่ยตงว่าถ้าหากเจี่ยตงแสดงให้เธอเห็นว่า เจี่ยตงสามารถตายเพื่อเธอได้ เธอจะยอมเป็นแฟนกับเขา

 

 

คำพูดพวกนั้นมันชั่งตลกสิ้นดี! ถ้าหากว่าคุณตายแล้วคุณยังจะสามารถเป็นแฟนกับใครได้อีก?

 

 

เพราะผีเน่าตนนั้น จางเจี่ยตงจึงเลียนแบบหนังอย่างโง่เขลา เขาก้าวออกไปกลางสะพานที่มีรถวิ่งไปมาและตะโกนว่า “เห็นไหม ผมไม่กลัว ตัวผมพร้อมที่จะตายเพื่อคุณเสมอ”

 

 

จางเจี่ยตงคิดว่ารถที่พุ่งเข้ามาจะหยุดให้เขา แต่ผิดคาด! รถคันนั้นพุ่งเข้าชนเขาอย่างแรงจนทำให้ร่างทั้งร่างของเขาก็กระเด็นออกไป

 

 

ผีเน่าย้ายโรงเรียนหนีไปทันทีหลังจากการตายของเจี่ยตง ไม่มีใครรู้ว่าเธอย้ายไปไหน หลินปู้ฟานก็ไม่รู้เช่นเพราะถ้าหากเขารู้เขาไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่นอน

 

 

“เจ้าอ้วน!” หลินปู้ฟานก้าวออกไปกอดตัวอ้วนๆ ของเจี่ยตง “ดีใจจริงๆ ที่นายยังมีชีวิตอยู่”

 

 

“ไอ้บ้า ฉันไปตายตั้งแต่ตอนไหน?”

 

 

“ดีแล้วที่นายยังไม่ตาย หลังจากนี้นายไปบวชเลยนะบวชไปตลอดชีวิตเลย แล้วอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับสาวๆ อีก ฉันรับรองเลยว่านายจะต้องมีชีวิตได้อีกเป็นร้อยปีแน่นอน”

 

 

“หา? ฉันพึ่งจะเข้าวัยรุ่นเองแต่แกต้องการให้ฉันไปบวช? แกจะบ้าเหรอ..หรือว่าแกจะป่วย?” จางเจี่ยตงแตะหน้าผากหลินปู้ฟานด้วยหลังมือของเขา “ก็ปกติหนิ..”

 

 

“เจ้าอ้วน ในอนาคตฉันจะแนะนำผู้หญิงดีๆให้นายเอง”

 

 

“ฉันอ้วนขนาดนี้ใครจะมาชอบฉันได้” จางเจี่ยตงยิ้มออกมาสักพักก่อนที่จะลากหลินปู้ฟานไปหาที่เงียบๆในสนามเด็กเล่น

 

 

เมื่อพวกเขาไปถึงหัวมุม จางเจี่ยตงมองไปรอบๆ ก่อนที่จะหยิบห่อผ้าสีแดงออกจากแขนของเขาอย่างลึกลับ เมื่อเปิดผ้าสีแดงออกข้างในมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง

 

 

“เพื่อน ฉันรู้ว่านายต้องการเงินเพื่อเอาไปรักษาแม่นายเอาเงินนี่ไปใช้ก่อนก็ได้”

 

 

หลินปู้ฟานมองไปที่ห่อผ้าที่ข้างในมีเงินอยู่ประมาณ 3000 หยวน

 

 

“นายไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน?”

 

 

“นี่เป็นเงินค่าขนมของฉันเอง” จางเจี่ยตงใช้มือแตะที่จมูกตัวเอง

 

 

“ไอ้อ้วน แกคิดว่าฉันโง่หรือไง? เงินค่าขนมที่ไหนจะมากมายขนาดนี้ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่านายไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน”

 

 

หลังจากที่หลินปู้ฟานเค้นถามซ้ำๆ ในที่สุดเจ้าอ้วนก็ยอมรับว่านี่เป็นเงินของครอบครัว

 

 

บ้านของเจี่ยตงเปิดร้านค้าเล็กเล็กๆ และนี่ก็เป็นเงินที่พ่อของเจี่ยตงเก็บไว้สำหรับซื้อของ

 

 

“ฉันไม่สามารถรับเงินพวกนี้ไว้ได้ นายเอามันกลับไปคืนเถอะ”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าฉันไม่บอกพ่อก็ไม่มีทางรู้แน่นอน”

 

 

“ขอบใจนายจริงๆ เพื่อนแต่ตอนนี้ฉันมีเงินแล้ว”

 

 

“นายไม่ต้องมาโกหกฉัน เมื่อสองสามวันก่อนฉันยังเห็นนายไล่เก็บขวดไปขายอยู่เลย นายรู้ไหม การที่ได้เห็นเพื่อนต้องเป็นแบบนี้มันเจ็บปวดเหมือนกันนะ ฉันต้องการจะช่วยนายจริงๆ”

 

 

“เจ้าอ้วน….” หลินปู้ฟานกอดเจ้าอ้วนไว้แน่น “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”

 

 

“ถ้านายว่าอย่างนั้น นายก็รับนี่ไว้ ฉันสัญญาว่ามันจะไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน”

 

 

“เจ้าอ้วนฉันมีเงินจริงๆ…” หลินปู้ฟานเปิดกระเป๋าที่ข้างในเต็มไปด้วยธนบัตรให้เจ้าอ้วนดู

 

 

“พระเจ้า! เงินขนาดนี้นายไปเอามาจากไหนนายไม่ได้ไปปล้นธนาคารมาใช่ไหม!?” จางเจี่ยตงตกตะลึก

 

 

“ไม่ต้องห่วง เงินพวกนี้ถูกกฎหมายแน่นอนส่วนที่ว่าฉันได้มายังไง ฉันจะเล่าให้นายฟังทีหลัง”

 

 

หลังจากเลิกเรียนตอนบ่าย หลินปู้ฟานออกจากโรงเรียนและตรงไปที่ธนาคารเพื่อฝากเงิน 250,000 หยวนก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเงินที่เหลือหลังจากหักจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่แล้วเขาจะเก็บไว้เพื่อทำอย่างอื่น

 

 

หลังจากออกจากธนาคาร เขาก็มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที

 

 

เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาล หลินปู้ฟานเดินไปที่แผนกผู้ป่วยในและจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ค้างอยู่ทั้งหมด 200,000 หยวน

 

 

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาหลินปู้ฟานได้คิดหาวิธีรักษาแม่ของเขามาโดยตลอด ขั้นแรกก่อนที่เขาจะหาไตให้แม่ได้เขาจะต้องย้ายแม่ของเขาไปที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในหางโจวเสียก่อน หลังจากนั้นเขาค่อยหาวิธีที่จะส่งแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ในสหรัฐอเมริกา

 

 

ก่อนการปฏิรูปการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลเซนต์หลุยเป็นโรงพยาบาลที่ถ้าหากคุณมีเงินมากพอทางโรงพยาบาลสามารถหาอวัยวะเพื่อมาต่อชีวิตให้คุณได้

 

 

ที่หลินปู้ฟานรู้เรื่องนี้ เป็นเพราะในชาติที่แล้ว มีข่าวมากมายที่เปิดโปงเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในโรงพยาบาลแห่งนี้

 

 

แต่คำถามคือ เขาจะติดต่อกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยในอเมริกาได้อย่างไร?

 

 

ก่อนอื่นเขาต้องย้ายแม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในหางโจวเสียก่อน เพื่อซื้อเวลาให้แม่เพิ่มขึ้น

 

 

หลังจากจางซิ่วเยว่เพิ่งฟอกไตเสร็จ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว น้ำตาของเธอค่อยๆ เอ่อล้นออกมา เธอโทษตัวเองที่ทำให้สามีและลูกต้องลำบาก เธอคิดที่จะตกลงรับขอเสนอของรองคณบดีเพื่อที่จะได้เหลือเงินส่วนไว้ส่งลูกเธอเรียนมหาลัย

 

 

“แม่….” หลินปู้ฟานร้องเรียกเบาๆ

 

 

“โอ้ ลูกกลับมาตอนไหน?” จางซิ่วเยว่เช็ดน้ำตาของเธอและยิ้มออกมา

 

 

หลินปู้ฟานรู้สึกอึดอัดเมื่อมองไปที่แม่ที่อ่อนแอของเขา

 

 

“แม่ ผมมีอะไรจะบอก เรื่องนี้แม่จะต้องดีใจแน่นอน”

 

 

“เกิดอะไรขึ้น? ไหนลองบอกให้แม่ฟังสิ” จางซิ่วเยว่ยิ้ม

 

 

ผมซื้อลอตเตอรีแบบขูดและ… ผมถูกรางวัลที่ 1 หลังจากหักจ่ายภาษีแล้วผมยังมีเงินเหลืออีกตั้ง 250,000 หยวนแน่ะ ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่ไปทั้งหมดแล้วด้วย ตอนนี้แม่ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วนะครับ”

 

 

จางซิ่วเยว่ตกใจ “จริงเหรอ!?”

 

 

“จริงครับแม่ นี่คือใบเสร็จค่ารักษาทั้งหมด”

 

 

หลังที่มองไปที่ใบเสร็จ เธอก็พูดออกมาอย่างสงสัย “ลูกไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม?”

 

 

“โถ่แม่~ ผมจะไปทำสิ่งไม่ดีได้ยังไง แม่ไม่ต้องกังวลนะเงินนี่ไม่ใช่เงินผิดกฎหมายแน่นอนเชื่อผมเถอะ… หลังจากที่แม่หายดีแล้ว พวกเราทุกคนจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง จะไม่มีใครที่ต้องจากไป”

 

 

หลินปู้ฟานคิดจะไปจ่ายค่าเช่าบ้านที่ค้างอยู่ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลและเขาจะเอาเงินส่วนที่เหลือให้พ่อของเขา เพื่อพ่อจะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

 

 

เมื่อเดินออกจากแผนกผู้ป่วยในก็มีคนเรียกเขาจากด้านหลัง

 

 

“นักเรียนหลิน รอก่อน”

 

 

หลินปู้ฟานมองย้อนกลับไปและเห็นว่าคนที่เรียกเขาเป็นหวงเจี้ยนเหลิน รองคณบดีที่ชักชวนให้แม่ของเขาบริจาคหัวใจครั้งก่อน

 

 

หลินปู้ฟานขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

 

 

เขาไม่ต้องการจะสนทนากับชายคนนี้

 

 

“คุณต้องการอะไร?” หลินปู้ฟานไม่สบอารมณ์

 

 

หวงเจี้ยนเหลินมีสีหน้าชั่วร้ายบนใบหน้าของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นักเรียนหลิน ไปนั่งในห้องทำงานของฉันก่อนแล้วเราค่อยคุยกันดีๆ”

 

 

หลินปู้ฟานคิดในใจ : คงไม่พ้นเรื่องการบริจาคหัวใจของแม่เขา

 

 

“ตกลง!” หลินปู้ฟานต้องการดูว่ารองคณบดีจะมาไม้ไหน

 

 

เมื่อมาถึงห้อง หวงเจี้ยนเหลินหยิบ Adidas คู่หนึ่งออกมา “นักเรียนหลิน ครั้งก่อนฉันสังเกตุเห็นว่ารองเท้าของเธอเก่ามากแล้วและ Adidas คู่นี้ฉันก็ซื้อมาให้เธอเป็นพิเศษเลยนะ”

 

 

ในปี 1998 คนธรรมดาต้องใช้เงินเดือนทั้งเดือนเพื่อจะซื้อ Adidas สักคู่หนึ่ง ทำให้ Adidas เป็นความฝันของเด็กนักเรียนหลายๆ คนในยุคนี้

 

 

“แค่รองเท้าคู่เดียว? มีอย่างอื่นอีกไหม?” หลินปู้ฟานถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

 

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น หวงเจี้ยนเหลินก็เริ่มคิดขึ้นมาว่ามีอะไรบ้างที่เด็กธรรมดาไม่สามารถชื้อได้

 

 

“ใช่สิ ฉันมีเพจเจอร์รุ่นใหม่ของ MOT ให้เธอด้วย” หวงเจี้ยนเหลินวางเพจเจอร์ไว้ข้างหน้าหลินปู้ฟาน

 

 

ในยุคนี้เครื่องมือสื่อสารหลักยังเป็นเพจเจอร์อยู่ ส่วนโทรศัพท์คนที่จะมีได้ก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดา

 

 

ในสายตาของคนอื่นเพจเจอร์นี่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ แต่สำหรับหลินปู้ฟานมันเป็นได้แค่ของโบราณเท่านั้น

 

 

“เพจเจอร์นี่มีภาษาจีนด้วยนะ” หวงเจี้ยนเหลินสาธิตให้ดู

 

 

“ท่านรองคณบดี ถ้าผมเดาไม่ผิดที่คุณทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อให้ผมช่วยพูดกับแม่เรื่องบริจาคหัวใจใช่ไหม?” หลินปู้ฟานตัดบทหวงเจี้ยนเหลิน

 

 

“เธอเป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ นักเรียนหลิน ฉันรู้ว่าแม่ของเธอเจ็บป่วยและทรมานมากแต่ขอพูดตามตรงนะ โรคที่แม่เธอเป็นมันไม่สามารถรักษาให้หายได้ เธอเคยได้ยินเพลง”The Consecration of Love”ไหม? มีท่อนหนึ่งของเพลงที่ร้องว่า ~ตราบใดที่ทุกคนแบ่งปันความรักสักเล็กน้อย โลกจะกลายเป็นโลกที่สวยงาม~ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยชีวิตของแม่เธอไว้ได้ แต่แม่ของเธอก็สามารถช่วยชีวิตคนอื่นไว้ได้ นี่แหละคือการอุทิศเพื่อความรัก นี่แหละคือการแบ่งปันความรัก เมื่อหัวใจของแม่เธอถูกปลูกถ่ายให้คนอื่นอีกหนึ่งชีวิตของแม่เธอจะยังคงดำเนินต่อไป”

 

 

หลังจากพูดแบบนี้หวงเจี้ยนเหลินก็ขยับตัวเข้ามาไกล้

 

 

หลินปู้ฟานเงยหน้าและกล่าวออกมาอย่างสง่าผ่าเผย “แน่นอนว่าผมเคยฟังและผมก็ร้องได้ด้วย ตราบใดที่ทุกคนแบ่งปันความรักสักเล็กน้อย? แน่นอนหากว่าความรักนั้นหมายถึงเงินตราหรือเวลาผมเต็มใจที่จะแบ่งให้ แต่ถ้าหากความรักนั้นคือการต้องแบ่งหัวใจแม่ของตัวเองให้คนอื่น… ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะผมจะไม่มีวันยอมยกชีวิตแม่ของผมให้กับใครหน้าไหนเด็ดขาด!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด