อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 41 ขึ้นอยู่กับหัวใจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 41 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 41 ขึ้นอยู่กับหัวใจ

 

 

มีอันธพาลทั้งหมด 4 คน ดูเหมือนว่าชายหน้าสิวจะเป็นหัวหน้า

 

 

“ไอ้เด็กนี่อยากจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษปกป้องหญิงงามว่ะ” หน้าสิวชี้ไปที่ซูเฉิงหลงและหัวเราะเยาะ

 

 

“ผลั่ก!”

 

 

เมื่อคำจบพูด เขาก็โดนต่อยเข้าเต็มๆ ที่หน้าทันที

 

 

อันธพาลสามคนที่อยู่ข้างหลังเขาตะลึงไปพักหนึ่งและรีบพุ่งเข้ามาลุมซูเฉิงหลงจนล้มลงกับพื้น

 

 

“หยุด! อย่าทำเขา” เฟิงหลิงหลิงเดินเข้าไปเพื่อห้าม แต่กลับถูกอันธพาลคนหนึ่งผลักอย่างแรงจนทำให้เธอล้มลง

 

 

เมื่อเห็นคนที่ชอบล้มลงต่อหน้า ซูเฉิงหลงก็กลายเป็นขาดสติและคำรามออกมา “พวกมึงตาย!”

 

 

หน้าของซูเฉิงหลงกลายเป็นดุร้าย เขากระชากผมของอันธพาลคนหนึ่งแล้วกระแทกเข่าเข้าไปที่หน้าจังๆ อันธพาลอีกสามคนที่อยู่ข้างหลังพยายามจะเข้ามาช่วย

 

 

แต่ซูเฉิงหลงไม่สนใจ เขาจ้องไปที่อันธพาลที่เขาดึงผมไว้และต่อยเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายแบบไม่ยั้ง

 

 

“เฟิงหลิงหลิงหนีไป” ซูเฉิงหลงตะโกนขณะที่มือกำลังต่อยอยู่

 

 

หลินปู้ฟานเฝ้าดูอยู่จากระยะไกล

 

 

“ช่วยด้วย…” เฟิงหลิงหลิงตะโกน “ใครก็ได้ช่วยเพื่อนของหนูด้วย…”

 

 

ผู้คนในสมัยนี้ยังมีความชอบธรรมอยู่มาก และส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือทันทีที่เจอเรื่องไม่ชอบธรรม

 

 

ผู้ใหญ่หลายคนตะโกนด้วยความโกรธ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

เมื่อเห็นผู้ใหญ่หลายคนวิ่งเข้ามา พวกอันธพาลก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก

 

 

ซูเฉิงหลงนั่งลงบนพื้นและหอบหายใจ

 

 

“ซูเฉิงหลง…” เฟิงหลิงหลิงวิ่งไปหาเขาและถามทั้งน้ำตา “นายเป็นอะไรไหม?”

 

 

“ไม่เป็นอะไร แค่หมาสองสามตัวทำอะไรฉันไม่ได้หรอก…” เมื่อพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ความเจ็บปวดก็ขึ้นมาที่มุมปากปากของเขา ริมฝีปากของเขาแตกและมีเลือดไหลออกมา

 

 

“ไม่เป็นอะไรที่ไหน ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล”

 

 

“ไม่ๆ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ” ซูเฉิงหลงพูดอย่างร้อนรน

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปร้านขายยาด้วยกัน อย่างน้อยนายก็ต้องทายานะ”

 

 

เฟิงหลิงหลิงพาซูเฉิงหลงไปที่ร้านขายยา หลังจากที่ทั้งสองซื้อยามาแล้วพวกเขาก็นั่งลงที่โต๊ะไม้ริมถนน เฟิงหลิงหลิงนั่งยองๆ ตรงหน้าซูเฉิงหลงและใช้สำลีเช็ดเลือดที่ขอบปากของซูเฉิงหลงเบาๆ

 

 

ซูเฉิงหลงร้องโอ๊ยออกมาเมื่อแอลกอฮอล์สัมผัสกับบาดแผล

 

 

“หน้านายบวมหมดแล้ว” เฟิงหลิงหลิงโทษตัวเอง “นายต้องเจ็บตัวเพราะฉัน ฉันขอโทษนะ”

 

 

“เฟิงหลิงหลิงอย่าพูดแบบนั้น เป็นฉันเองที่ต้องการจะเข้าไป ถ้าเธอเจอเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต ฉันก็จะรีบไปช่วยเธออีกเหมือนเดิม”

 

 

“นายจะบ้าหรือไง? ใครจะไปอยากเจอเรื่องแบบนี้อีกครั้งกัน” เฟิงหลิงหลิงฉีกพลาสเตอร์และติดมันลงบนแผลที่แขนของซูเฉิงหลง

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจของซูเฉิงหลงได้เต้นใกล้กับเฟิงหลิงหลิงขนาดนี้

 

 

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณลุงใจดีพวกนั้น ฉันคงฆ่าพวกอันธพาลพวกนั้นไปแล้ว” ซูเฉิงหลงคุยโว

 

 

อันที่จริงเขาเองก็ไม่เข้าใจในสถานการณ์เช่นนี้ สถานการณ์ที่พระเอกยอมได้รับบาดเจ็บเพื่อให้นางเอกรู้สึกเป็นทุกข์ใจ แต่เขาก็รู้สึกชอบมัน

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่หลินปู้ฟานไม่ได้รีบเร่งที่จะช่วยซูเฉิงหลงในตอนแรก

 

 

หญิงสาวมักอ่อนไหวกับสถานะการณ์อะไรแบบนี้เสมอ

 

 

หลังจากผ่านเรื่องเหล่านี้ เฟิงหลิงหลิงก็ได้เปลี่ยนมุมมองของเธอที่มีต่อซูเฉิงหลงไป

 

 

วันรุ่งขึ้นซูเฉิงหลงพบหลินปู้ฟานอีกครั้งและรายงาน “ผล”

 

 

“เฟิงหลิงหลิงสัญญากับผมว่าจะไปห้องสมุดด้วยกันในวันอาทิตย์หน้าครับ” ซูเฉิงหลงพูดอย่างตื่นเต้น

 

 

“ดี เท่านี้ก็ถือว่าไม่เจ็บตัวฟรีแล้ว”

 

 

“ไม่ว่าเธอจะต้องการอะไรผมก็จะซื้อให้เธอทั้งหมด แต่ตอนนี้โทรศัพท์มือถือ 16 คอร์ดรุ่นล่าสุดที่ผมต้องการจะซื้อให้เธอ มันดันหมดซะแล้ว”

 

 

“เด็กน้อย ผู้หญิงบางคนก็ไม่สามารถเอาชนะด้วยเงินได้หรอกนะ และเด็กผู้หญิงอย่างเฟิงหลิงหลิงที่มีความภาคภูมิใจในตนเองสูง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะใจเธอด้วยสิ่งของ”

 

 

“แล้วผมควรจะทำยังไงดีครับพี่หลิน?”

 

 

“ทำตามความชอบของเธอ ฉันดูแล้วเธอคงจะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออย่างมาก ดังนั้นนายควรไปอ่านหนังสือที่เธอชอบมาให้หมดเพื่อที่จะได้มีเรื่องคุยกับเธอและผู้หญิงทุกคนก็น่าจะชอบดนตรีนะ ทำไมนายไม่ไปเรียนกีตาร์ล่ะ? นายต้องเปลี่ยนให้ตัวเองให้เป็นคนที่มีความสามารถไม่ใช่คนที่มีดีเพียงแค่เงินเพียงอย่างเดียว”

 

 

เด็กผู้หญิงในวัยเรียนยังคงบริสุทธิ์และปรารถนาในความรักที่ไร้เดียงสา แต่เมื่อโตขึ้นพวกเธออาจจะเปลี่ยนไป

 

 

“ครับพี่หลิน”

 

 

“งานแต่งงานของพ่อนายจะจัดในอีกไม่กี่วัน อย่าได้ก่อปัญหาเข้าใจไหม?” หลินปู้ฟานเตือน

 

 

ซูเฉิงหลงเม้มริมฝีปากและพึมพำ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงครับ?”

 

 

“จิตใจของมนุษย์เติบโตขึ้นเสมอ ถ้านายปฏิบัติกับเธออย่างดี เธอก็จะปฏิบัติต่อนายอย่างดีเช่นกัน โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายต้องใจกว้างเข้าไว้นะ เข้าใจไหม?” หลินปู้ฟานแตะศีรษะของซูเฉิงหลงและสั่งสอน

 

 

มองไปที่ปู้ฟานในตอนนี้ ซูเฉิงหลงก็รู้สึกว่าหลินปู้ฟานช่างดูเป็นผู้ใหญ่และซับซ้อนมากมายจริงๆ เห้อ…ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อของเขาบอกให้เขาคอยเรียนรู้จากคนคนนี้

 

 

หลินปู้ฟานให้ที่อยู่บ้านของหนิงเทียนหนานกับซูเฉิงหลง ซูเฉิงหลงจึงเดินทางไปที่กุ้ยซาน

 

 

ท้องฟ้ามืดลง ปล่องไฟเก่าเต็มไปด้วยควันไฟและกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล

 

 

หลายบ้านเปิดประตูขณะทานอาหารเย็นจึงทำให้สามารถเห็นหลายๆ ครอบครัวทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ทำให้มีรสเปรี้ยวขึ้นในคอของซูเฉิงหลง

 

 

ตอน 1 ขวบ แม่ของซูเฉิงหลงหนีไปกับชายอื่น เขาไม่เคยได้สัมผัสกับความรักของมารดาเลย ไม่เคยรู้เลยว่าความอบอุ่นในครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร

 

 

ลุงซูก็มักจะยุ่งอยู่กับธุรกิจเสมอ เขาส่งซูเฉิงหลงไปเรียนที่โรงเรียนประจำตั้งแต่ชั้นประถม ทำให้เขาต้องกินข้าวคนเดียวมาโดยตลอด

 

 

บ้านของหนิงเทียนหนานเป็นบ้านไม้เตี้ยๆ 2 ชั้นที่มีโรงเลี้ยงเป็ดไก่อยู่ข้างบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถเห็นราวตากผ้าสี่ชั้นที่แขวนเสื้อผ้าใหม่ของหนิงเทียนหนานอยู่ไม่ไกล

 

 

หนิงเทียนหนานเป็นคนขยันและทำงานบ้านเก่ง หลังจากที่ลุงซูซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ เธอก็ซักและตากให้แห้งทันที หม้อและกระทะที่เพิ่งซื้อมาใหม่ก็ถูกทำความสะอาดและจัดไว้อย่างดี

 

 

แม้ว่าบ้านจะดูทรุดโทรมแต่ก็สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ มีเตาฟืนสูงอยู่ 2 เตา เตาหนึ่งลุกโชนไปด้วยเปลวไฟพร้อมกับหม้อซี่โครงตุ๋นอยู่บนเตา

 

 

ลุงซูกำลังนั่งดื่มชาเก๊กฮวยที่หนิงเทียนหนานเก็บมาจากภูเขาอยู่ในบ้าน

 

 

เพื่อหาเลี้ยงชีพ หนิงเทียนหนานมักจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาผักหาหญ้าลงมาขายเสมอ ดอกเบญจมาศป่าและดอกมะลิฟ้าม่วงเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ของเธอ

 

 

ลุงซูมองไปที่หนิงเทียนหนานที่กำลังปรุงอาหาร มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกสงบ มันสงบราวกับสายน้ำที่เย็นใส

 

 

ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับความสุขของชีวิตที่แท้จริง

 

 

ลุงซูหายใจเข้าลึกๆ

 

 

“อาหารใกล้พร้อมแล้วนะคะ” หนิงเทียนหนานพูดด้วยน้ำเสียงสบายหู

 

 

“เดี๋ยวผมช่วย ผมจะไปตักกับข้าวเอง” ลุงซูเดินเข้าไปที่เตา

 

 

“หยุดเลย! นี่ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ชาย ไปนั่งรอตรงนั้น” หนิงเทียนหนานยกอาหารออกมา เธอวางแก้วใบเล็กไว้ตรงหน้าลุงซูจากนั้นก็หยิบขวดเหล้าข้าวขึ้นมาริน “เหล้านี่ฉันหมักเอง ลองชิมดู”

 

 

ลุงซูรู้สึกประหลาดใจ “เธอหมักเหล้าเป็นด้วยเหรอ?”

 

 

“มีอะไรน่าแปลกขนาดนั้น?”

 

 

“ป่าว ผมแค่สงสัยว่ายังมีอะไรไหมที่คุณทำไม่เป็น?” ลุงซูจิบเหล้าข้าวพร้อมกับรอยยิ้ม “มันทั้งหวานและหอม รสชาติเหล้านี่ดีกว่าที่ซื้อจากข้างนอกเสียอีก”

 

 

“คุณชอบก็ดีแล้ว ฉันจะหมักให้คุณเพิ่มอีกในอนาคต”

 

 

เมื่อมองไปที่หนิงเทียนหนาน หัวใจของลุงซูก็เหมือนกับกำลังจะละลาย เขารู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

 

 

“ลองซี่โครงตุ๋นดูสิคะ” หนิงเทียนหนานตัดซี่โครงชิ้นหนึ่งให้ลุงซู

 

 

ลุงซูชิมแล้วยกนิ้วให้ “อร่อยมาก”

 

 

“ฉันแอบกลัวว่ามันจะไม่ถูกปากคุณ” หนิงเทียนหนานก้มศีรษะลงเพื่อรับประทานอาหารสองสามคำและพูดว่า “ฉันจัดห้องไว้สองห้อง ห้องหนึ่งสำหรับคุณและอีกห้องสำหรับฉัน”

 

 

“จริงๆ แล้ว… ” ลุงซูลังเลและพูดต่อ “เราไม่จำเป็นต้องใช้ห้องมากขนาดนั้นหรอก”

 

 

หนิงเทียนหนานหน้าแดงหลังจากที่ได้ยิน

 

 

“ทำไม ไม่ได้เหรอ?”

 

 

“เอาเถอะ เจ้านายใหญ่อย่างคุณคงเคยชินกับการกินเนื้อสัตว์มาตลอด ตอนนี้คงอยากจะของชิมผักป่าดูบ้างสินะ”

 

 

ลุงซูพูดไม่ออก ตั้งแต่เมียเก่าของเขาทิ้งไปเขาก็ไม่เคยสนใจใครอีกเลย แต่เดิมเขาวางแผนที่จะไม่แต่งงานอีกเลยไปตลอดชีวิต

 

 

ลุงซูดื่มเหล้าไปอีกหนึ่งแก้วแล้วเอื้อมมือไปจับมือของหนิงเทียนหนาน เธอไม่ได้หดมือกลับไป เธอมองไปที่ลุงซูด้วยสายตาที่ชัดเจน

 

 

“พูดตามตรง ตอนแรกผมไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีกับหญิงม่ายเลยจริงๆ แต่หลังจากที่ผมได้พบคุณ… ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่า คุณคือคนที่ผมรอคอยมาตลอด หัวใจที่ด้านชาของผมมันเปลี่ยนไปเมื่อพบคุณ บางที่นี่อาจจะเป็นความประสงค์ของพระเจ้าที่ทำให้ผมมาเจอคุณ” ลุงซูพูดออกมาด้วยความจริงใจ

 

 

หนิงเทียนหนานกัดริมฝีปากและพยักหน้าอย่างเขินอาย

 

 

ภายใต้แสงไฟสลัว หนิงเทียนหนานช่างสวยงามจนลุงซูอดใจแทบไม่ไหวที่จะจูบเธอ ณ เดี๋ยวนั้นเลย

 

 

“พ่อ”

 

 

ซูเฉิงหลงปรากฏตัวที่หน้าบ้าน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด