อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 10 ของขวัญวันเกิด

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 10 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 10 ของขวัญวันเกิด

 

 

หลังจากที่หัวหน้าซูฟังสิ่งที่หลินปู้ฟานพูดและเมื่อมองไปที่หลี่เฉียนที่กำลังจะหนี หลังของเขาก็เย็นวูบขึ้นมา

 

 

เขารีบคว้าข้อมือของหลี่เฉียนเอาไว้ “แม่มันเถอะ คืนเงินของฉันมา ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้เลย”

 

 

“หัวหน้าซูคุณกำลังจะทำอะไร? ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนนะว่าถ้าคุณกล้าที่จะทำอะไรฉัน ฉันจะฟ้องคุณ” หลี่เฉียนกรีดร้องดิ้นรน

 

 

หลินปู้ฟานยิ้มเบาๆ และเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลี่เฉียน “ผู้หญิงสับปลับ คุณสามารถเช่าอาคารสำนักงานที่ดีที่สุดในหางโจวได้ก็แสดงว่าคุณหลอกลวงคนอื่นมาไม่น้อยเลย ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณน่าจะเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัวอยู่ด้วย แม้ว่าผมจะไม่ใช่ตำรวจแต่ผมก็ไม่รังเกียจหรอกนะที่จะส่งคุณเข้าคุก ถ้าคุณฉลาด คุณก็ควรจะคืนเงินให้หัวหน้าซูไปซะดีกว่า ไม่แน่ ผมอาจจะหาวิธีช่วยคุณได้”

 

 

“เธอ… เธอ… เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่” หลี่เฉียนตะกุกตะกัก ร่างกายเริ่มสั่นด้วยความกลัว

 

 

“ผมพูดเรื่องไร้สาระอะไรงั้นเหรอ? ได้ เดี๋ยวผมจะโทรไปถามคุณตำรวจดู” หลินปู้ฟานกำลังจะกด 110

 

 

เมื่อนิ้วของหลินปู้ฟานกด “1” หลี่เฉียนก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

 

 

“อย่าๆ ฉันยอมแล้วๆ ฉันผิดเอง ได้โปรดน้องชายช่วยฉันด้วยเถอะนะ” หลี่เฉียนตื่นตระหนก

 

 

หลินปู้ฟานยิ้มอย่างดูถูก “ไม่ต้องมาขอร้องผม เรื่องนี้ผมไม่ใช่คนเสียหาย”

 

 

หลี่เฉียนหันไปจับต้นขาของหัวหน้าซูทันที “หัวหน้าซู ฉันผิดเอง ทั้งหมดฉันเป็นคนผิดเอง ได้โปรดช่วยฉันเถอะนะฉันจะให้เงินคุณทั้งหมด ช่วยฉันเถอะนะ”

 

 

“งั้นคุณก็คืนเงินของผมเดี๋ยวมานี้”

 

 

“ได้ๆ ไปที่บริษัทฉันกันฉันจะคืนเงินให้คุณ”

 

 

หัวหน้าซูพาหลี่เฉียนออกจากห้องไป

 

 

หลังจากที่พวกเขาจากไป ใบหน้าของหัวหน้าทุกคนในห้องก็กลายเป็นซับซ้อนทันที พวกเขายกหลี่เฉียนขึ้นไปบนฟ้าในตอนแรกและยังรุมประณามหลินปู้ฟานเมื่อเขาบอกว่าหลี่เฉียนเป็นนักต้มตุ๋น…

 

 

เมื่อเห็นบรรยากาศที่น่าอึดอัด จางอี้นี่ก็หัวเราะออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ “ทุกคน ฉันว่าเราควรจะขอบคุณลูกเขยในอนาคตของฉันนะ”

 

 

จางอี้นี่รู้สึกประหลาดใจ เธอไม่ได้คาดหวังว่าหลินปู้ฟานจะรู้วิธีการลงทุนและพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากขนาดนี้

 

 

เจ้านายอีกหลายคนในห้องเองก็คิดเช่นเดียวกับเธอ เด็กนักเรียนคนนี้ฉลาดมาก

 

 

เหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากถูกหลอกก็เพราะนักต้มตุ๋นนั้นจะใช้จิตวิทยาแห่งความโลภมาทำให้ทุกๆ คนไขว้เขวแม้แต่เจ้านายใหญ่ก็ยังถูกหลอกได้ เมื่อคิดได้อย่างนี้ หลินปู้ฟานคนนี้ก็ดูจะไม่ใช่คนธรรมดาๆ แน่นอน ไม่น่าแปลกใจเลยที่จางอี้นี่จะให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก

 

 

“นักเรียนหลิน ขอบคุณมาก ถ้าเธอไม่มาที่นี่ในวันนี้เงินของเราจะคงถูกโกงโดยหญิงนักต้มตุ๋นคนนั้นแน่ๆ” หัวหน้าจ้าวลุกขึ้นยืน เขาพูดพร้อมกับชูแก้วขึ้น “แก้วนี้ แทนการขอบคุณ”

 

 

“นักเรียนหลิน นี่คือนามบัตรของฉัน ถ้าเธอเดือดร้อนอะไรเธอสามารถติดต่อมาได้ตลอดเวลาเลยนะ”

 

 

“นักเรียนหลิน ลุงเปิดร้านเค้กอยู่ หากเธอต้องการอะไรมาหาลุงได้นะ”

 

 

เจ้านายหลายคนชื่นชมหลินปู้ฟาน

 

 

หลินปู้ฟานรับนามบัตรมาและพยักหน้า

 

 

ซูชิงมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้น เธอกับเขาอายุเท่ากันแต่บุคลิกและความเข้าใจของหลินปู้ฟานกลับมีมากกว่าเธออย่างเห็นได้ชัด

 

 

ต้องเข้าใจก่อนว่า ในเรื่องมุมมองทางธุรกิจซูชิงนั้นถือว่ามองการณ์ไกลกว่านักเรียนมัธยมทั่วไปมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินปู้ฟาน เธอกลับเหมือนเป็นแค่สายน้ำสายเล็กๆ และหลินปู้ฟานเป็นแม่น้ำสายใหญ่ไปเลย

 

 

“นักเรียนหลิน ลุงเปิดร้านเค้กตอนนี้มีสามสาขาในหางโจว ลุงต้องการขยายธุรกิจเพิ่มเติม นักเรียนหลินพอจะมีวิธีดีๆ แนะนำลุงบ้างไหม?” ชายในเสื้อเชิ้ตสีดำถามอย่างถ่อมตัว

 

 

หลินปู้ฟานมองไปที่นามบัตรที่เขามอบให้ “หัวหน้าเฉียน ถ้าคุณต้องการที่จะขยายธุรกิจ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจของคุณก่อน ก่อนอื่นคุณต้องทำชื่อแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จักเสียก่อน เรื่องนี้คุณสามารถทำตามแนวทางของการทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์ได้ คุณต้องอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าร่วมชื่อแบรนด์ของคุณและคอยจัดหาเทคโนโลยีและแผนการฝึกฝนบุคลากรที่ดีๆ ให้กับลูกข่ายของคุณ รวมถึงระบบโลจิสติกส์และการจัดจำหน่ายที่มีความพร้อมตลอดเวลา ยิ่งแบรนด์ของคุณดังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนมาเข้าร่วมมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งคนเข้าร่วมมากขึ้น คนที่รู้จักแบรนด์ของคุณก็จะมากขึ้นเช่นกัน”

 

 

หลังจากพูดคุยกันกว่าครึ่งชั่วโมง ทุกคนที่ฟังก็ยิ่งตกตะลึง ความคิดการทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์ยังไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าไหร่ในยุคนี้ มีเพียงแบรนด์ใหญ่ๆ ระดับนานาชาติบางรายเท่านั้นที่ใช้ระบบแฟรนไชส์

 

 

“เมื่อเปรียบเทียบกับคุณหลินแล้วทำให้พวกเรารู้สึกอับอายจริงๆ”

 

 

“ใช่ หลังจากฟังคำพูดของคุณหลินแล้ว พวกเราเทียบคุณหลินไม่ติดเลยจริงๆ”

 

 

ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง จากนักเรียนหลินได้กลายเป็นคุณหลินไปเสียแล้ว

 

 

อาหารมื้อนี้กลายเป็นการประชุมแนะแนวทางธุรกิจ แน่นอนหลินปู้ฟานไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเช่นหุ้นที่จะพุ่งสูงขึ้นของโทรศัพท์มือถืออย่าง Apple, Weisoft และ Amax

 

 

หลังจาก 5 ทุ่มหัวหน้าทุกคนก็ต้องบอกลาอย่างไม่เต็มใจ

 

 

ก่อนที่จะกลับ พวกเขาจับมือกับหลินปู้ฟานเพื่อบอกลา

 

 

“คุณหลิน หากมีเวลาโปรดแวะมาที่บ้านของผม ผมมีใบชาที่ดีที่สุดของหลงจิ่ง…”

 

 

“คุณหลินนี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน มันจะเป็นประโยชน์กับคุณหลินในอนาคต”

 

 

ที่ทางเข้าโรงแรม เจ้านายหลายคนอำลาหลินปู้ฟานและตัวเอกของงานวันเกิดนี้ได้กลายเป็นหลินปู้ฟานไปแล้ว

 

 

จางอี้นี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังของพวกเขาถอนหายใจด้วยอารมณ์

 

 

“ชิงชิง พ่อแม่ของหลินปู้ฟานเป็นใครกันลูกรู้ไหม?” จางอี้นี่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปลูกฝังเด็กอย่างหลินปู้ฟานขึ้นมาได้

 

 

“ก็แค่คนธรรมดาค่ะแม่ แม่ของเขาเคยเป็นแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้ามาก่อน ส่วนพ่อของเขาก็เป็นเพียงพนักงานทั่วไปเท่านั้น”

 

 

“แปลก.. ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วความรู้ทางธุรกิจของหลินปู้ฟานและท่าทางเวลาเข้าสังคมของเขามาจากไหน?” จางอี้นี่มีคำถามมากมายในหัว เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าลูกของคนธรรมดาจะมีความสามารถมากขนาดนี้ได้อย่างไร

 

 

“นั่นสิคะแม่ มีเรื่องแปลกๆ มากมายที่เกี่ยวกับตัวเขา แค่ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเขาก็ทำให้หนูแปลกใจแล้ว ทั้งที่หนูแทบจะไม่เคยเห็นเขาเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษเลย แต่เขากลับเก่งภาษาอังกฤษอย่างมาก เขาเป็นผู้ชายที่ลึกลับจริงๆ”

 

 

“ชิงชิง ลูกต้องจับหลินปู้ฟานคนนี้ไว้ให้ได้นะเข้าใจไหม?” จางอี้นี่กล่าวอย่างจริงจัง

 

 

“แม่ไม่ต้องห่วง หนูไม่เชื่อหรอกว่าเสน่ห์ของหนูจะใช้กับเขาไม่ได้ผล”

 

 

หลังจากส่งเหล่าเจ้านายออกไปแล้ว หลินปู้ฟานก็กล่าวอำลา “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ นี่ก็ดึกมากแล้วผมขอตัวกลับก่อน”

 

 

“ให้ฉันไปส่งนาย..”

 

 

“ไม่เป็นไร ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับเอง”

 

 

“จะให้เป็นอย่างนั้นได้ยังไง? วันนี้นายช่วยพวกเราทุกคนไว้ตั้งมากมาย ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณนายยังไง”

 

 

“เสี่ยวหลิน วันนี้ป้าเกือบจะสูญเสียเงินไปหลายล้าน โชคดีที่เธออยู่ที่นี่ด้วย ป้าจะเลี้ยงขอบคุณเธออีกครั้งในวันอื่น” จางอี้นี่เดินเข้ามากอดหลินปู้ฟาน “ขอบคุณจริงๆ”

 

 

จางอี้นี่ยิ้มเล็กน้อย เธอสวมกระโปรงสีแดงที่แสดงถึงอารมณ์ของหญิงสาวที่โดดเด่น หลินปู้ฟานที่จริงๆ แล้วเป็นลุงในคาบของเด็กเมื่อถูกจางอี้นี่กอดใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

 

 

จางอี้นี่เห็นแก้มของหลินปู้ฟานเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอก็แปลกใจขึ้นมา

 

 

เป็นไปได้ไหมที่หนูน้อยคนนี้ จะชอบสาวมีอายุ?

 

 

ไม่ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้

 

 

ระหว่างทางไปบ้านหลินปู้ฟาน

 

 

ซูชิงและหลินปู้ฟานนั่งอยู่ที่เบาะหลังของเบนซ์สีดำ ทั้งสองถูกคั่นด้วยช่องว่างหลายสิบเซนติเมตร

 

 

ซูชิงอยากจะขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ มากกว่านี้ แต่เธอทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเป็นผู้หญิงจึงต้องสงวนตัวไว้ เธอต้องปล่อยให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนวิธีนี้เท่านั้นที่เธอจะคว้าใจผู้ชายได้

 

 

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงทางเข้าห้องเช่า

 

 

“แล้วเจอกันที่โรงเรียน” หลินปู้ฟานกำลังจะลงจากรถ

 

 

“เดี๋ยว” ซูชิงคว้าแขนของหลินปู้ฟาน “ของขวัญวันเกิดของฉันล่ะ?”

 

 

หลินปู้ฟานคิดอยู่สองสามวินาทีจากนั้นเกาคางของเขาและพูดว่า “ฉันลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”

 

 

ซูชิงรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่หลินปู้ฟานจะเตรียมของขวัญให้เธอ เธอแค่อยากจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อนัดหลินปู้ฟานอีกครั้งก็เท่านั้น

 

 

แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดออกไป หลินปู้ฟานก็พูดขึ้นมาก่อน “มีปากกาและกระดาษไหม?”

 

 

“นายจะเอาไปทำอะไร?” ซูชิงถามอย่างสงสัย

 

 

“เอามาเถอะน่า”

 

 

“ไม่มี ฉันไม่ได้พกมาด้วย” ซูชิงตอบ

 

 

“โทรศัพท์มือถือก็ใช้ได้เหมือนกัน”

 

 

ซูชิงส่งโทรศัพท์ให้หลินปู้ฟานจากนั้นหลินปู้ฟานพิมพ์คำสองสามคำบนหน้าจอโทรศัพท์ – ตรุษจีน

 

 

ซูชิงมองไปที่คำทั้งสองนี้ด้วยความสงสัย “นายหมายถึงอะไร?”

 

 

“ของขวัญวันเกิดของเธอไง” หลินปู้ฟานโบกมือและหันหลังจากไป

 

 

ซูชิงนึกอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออก “ของขวัญวันเกิดนี่… มันหมายความอะไรกันแน่?”

 

 

ความลึกลับครั้งนี้จะได้รับการคลี่คลายในการสอบปลายภาคในอีกสิบวันต่อจากนี้และตรุษจีนจะเป็นหัวข้อเรียงความที่ได้คะแนนมากที่สุด

 

 

เรียงความของซูชิงนั้นแย่มาก หลินปู้ฟานจึงให้สิ่งนี้เป็นของขวัญวันเกิดแก่เธอ แต่ซูชิงก็ไม่เคยรู้ความหมายของมันเลย จนเมื่อเธอได้เห็นหัวข้อของการสอบ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด