อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 11 หมอที่ดีที่สุด
ตอนที่ 11 หมอที่ดีที่สุด
หลัวเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่บนดาดฟ้า เมื่อเห็นหลินปู้ฟานลงมาจากเบนซ์ที่พึ่งขับเข้ามา
ให้ตายเถอะ! อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กนี่ขายตัวไปเป็นเด็กเจ้แล้วจริงๆ
ก่อนที่หลินปู้ฟานจะเข้าบ้านก็ถูกหลัวเสี่ยวเสี่ยวเรียกให้หยุดไว้ก่อน
“นายขึ้นมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย” หลัวเสี่ยวเสี่ยวเรียกด้วยเสียงต่ำ
“พี่เสี่ยวเสี่ยว? มีอะไรเหรอครับ?” ปู้ฟานรู้สึกเหนื่อยและต้องการพักผ่อน
“ทำไมต้องถามอะไรมากมาย ฉันเรียกนายก็แค่มา”
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเดินขึ้นไปหาหลัวเสี่ยวเสี่ยวที่บนดาดฟ้า
“ฉันเพิ่งเห็นนายลงมาจากรถเบนซ์คันใหญ่นั่น ฉันกล้าพูดเลยว่าคนธรรมดาไม่มีทางมีรถอย่างนั้นได้แน่นอน บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าจริงๆ แล้วตอนนี้นายกำลังขายตัวให้กับพวกผู้หญิงที่ร่ำรวยอยู่ใช่ไหม?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวทำราวกับว่าเธอกำลังอกหัก “น้องหลิน ฉันรู้ว่านายขาดแคลนเงิน แต่นายก็ไม่ควรทำอย่างนี้ นายทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไร?”
หลินปู้ฟานถึงกับพูดไม่ออก เขากำลังจะอ้าปากยังไม่ทันได้อธิบายอะไรหลัวเสี่ยวเสี่ยวก็โยนกระเป๋าสตางค์ของเธอมาให้เขา
“นี่เป็นเงินทั้งหมดที่ฉันมี นายเอาไปทั้งหมดได้เลยแล้วอย่ากลับไปหาผู้หญิงที่ร่ำรวยนั่นอีก นายตกลงไหม?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
หลินปู้ฟานตกตะลึงไปชั่วขณะ มีกระแสความอบอุ่นเกิดขึ้นมาในหัวใจ หลัวเสี่ยวเสี่ยวในตอนนี้ช่างใจดีและไร้เดียงสาเหลือเกิน แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เธอได้เข้าไปในแวดวงนางแบบแล้ว… เห้อออ… หลินปู้ฟานรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้
“ทำไม? เงินนี่ไม่มากพอสำหรับนายเหรอ?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวเท้าเอวจ้องมาที่เขา
“พี่สาวเสี่ยวเสี่ยว…” หลินปู้ฟานเดินเข้าไปหาด้วยอารมณ์ที่หลากหลายและส่งกระเป๋าคืน “พี่เข้าใจผิดไปหมดแล้วผมไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นจริงๆ เธอคนนั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นของผมเท่านั้น พี่ไม่ต้องห่วงนะผมไม่คิดจะทำในสิ่งที่พี่กำลังกังวลอยู่แน่นอน”
“จริงเหรอ?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้ว
“ก็อาจจะ… อะนะ”
“นายกล้าเล่นลิ้นกับฉันเหรอ?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวยื่นมือไปบีบคอของหลินปู้ฟานและโยกหัวของเขาไปสองสามที “ถ้านายกล้าทำแบบนั้นจริงๆ นางฟ้าคนนี้จะตัดขาที่สามของนายออกมาอย่างแน่นอน”
“คนเรามีแค่สองขานะพี่สาว..” หลินปู้ฟานพูดออกไปพร้อมกับนวดหน้าผาก
“ผู้ชายน่ะมีสามขา นายก็น่าจะรู้”
หลินปู้ฟานเข้าใจในทันที แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง “พี่สาว พี่จะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ ผมยังบริสุทธิ์อยู่เลย”
“โอ้.. นายยังบริสุทธิ์กับสิ่งนี้ด้วยหรือป่าว?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวพูดพร้อมกับล้วงเข้าไปใต้ชุดของเธอ
“พี่กำลังจะทำอะไร……”
หลังจากคลำหาบางอย่างเจอหลัวเสี่ยวเสี่ยวก็ยื่นบุหรี่ให้หลินปู้ฟาน
หลินปู้ฟานเคยสูบบุหรี่มาก่อนในชีวิตที่แล้ว ปากของเขารู้สึกคันขึ้นมาเมื่อมองไปที่บุหรี่ซองสีแดงตราภูเขาหงต้า
“รับไปสิ” หลัวเสี่ยวเสี่ยวเน้นเสียง
“พี่สาว พี่กำลังจะสอนสิ่งไม่ดีให้กับผม?”
“แล้วอย่างไง เดี๋ยวนายก็ต้องทำมันอยู่ดีเมื่อนายเข้าสังคม ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นทั้งนักสูบและนักดื่มกันทั้งนั้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสักหน่อย”
หลัวเสี่ยวเสี่ยวจุดบุหรี่ให้หลินปู้ฟาน
หลินปู้ฟานสำลักออกมาทันทีที่เขาสูบบุหรี่เข้าไปคำแรก นี่เป็นการสูบบุหรี่ครั้งแรกของเขาหลังจากที่เขาเกิดใหม่
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ” มองไปที่ปู้ฟานที่กำลังสำลักหลัวเสี่ยวเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จแล้ว หลินปู้ฟานก็ค่อยๆ คลายเสื้อคลุมที่ผูกไว้ที่เอวของหลัวเสี่ยวเสี่ยวออก เขาค่อยๆ สวมและติดกระดุมให้กับเธอ
“แม้ว่าตอนนี้จะเป็นหน้าร้อน แต่พี่ก็ไม่ควรจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ร่างกายผู้หญิงน่ะไม่ได้แข็งแรงเหมือนของผู้ชาย ผมไม่อยากเห็นพี่ป่วยนะ!” หลินปู้ฟานพูดอย่างอ่อนโยน
“นี่คือ… นายยอมรับแล้ว?”
“ยอมรับอะไร?”
“นายชอบฉัน?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเจ้าเล่ห์
“แน่นอน ผมชอบพี่… ก็พี่เป็นพี่สาวของผม”
หลังจากคุยกันสักพักหลินปู้ฟานก็เดินลงไป
มองดูหลินปู้ฟานที่เดินจากไป หลัวเสี่ยวเสี่ยวก็พูดออกมาอย่างเงียบๆ “หลินน้อย นายต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ… พระองค์ได้โปรด… ช่วยสงสารเขาสักหน่อยช่วยให้แม่ของเขาได้อยู่ต่อในโลกใบนี้”
หลัวเสี่ยวเสี่ยวรู้ดีว่าอาการของจางซิ่วเยว่นั้นร้ายแรงขนาดไหน เธอจึงต้องการทำทุกๆ อย่างเพื่อให้หลินปู้ฟานมีความสุข
เขากลับมาถึงบ้านตอนเที่ยงคืนพอดี ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในบ้านหลินเจิ้งตงก็ลุกขึ้นมามองเขา
“พ่อยังไม่นอน?”
“เล่ามาทั้งหมด”
“เล่าอะไร?”
“ลูกรู้ว่าพ่อกำลังพูดพึงเรื่องอะไร” หลินเจิ้งตงตอบกลับอย่างมีวาทศิลป์
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น หลินปู้ฟานก็รู้ได้ทันที “โอ้ พ่อหมายถึงเรื่อง….‘แฟน‘? เรื่องนี้เล่ากันยาวเลยนะพ่อ”
“ไม่เป็นไรพ่อมีเวลา พร้อมเมื่อไหร่ก็เริ่มได้เลย?”
หลินปู้ฟานเกาหัวของเขาและเริ่มด้นสดเรื่องราวให้พ่อฟัง เขาเริ่มเล่าว่าซูชิงชอบเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งและพยายามจีบเขามาโดยตลอดแต่เขาก็ไม่ยอมเป็นแฟนกับเธอ จนเมื่อก่อนหน้านี้เนื่องจากชูซิงช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เป็นจำนวนมากให้กับแม่ เขาก็เลยรู้เริ่มสึกประทับใจเธอขึ้นมาและยอมเดทกับเธอ…
หลินเจิ้งตงเชื่อเรื่องที่หลินปู้ฟานเล่าเพราะเขาเห็นแล้วว่า ซูชิงยอมรับว่าเป็นแฟนจริงๆ
“ซูชิงเป็นเด็กดี อย่าได้ทำให้เธอต้องผิดหวัง” หลินเจิ้งตงเตือนสติ
“ครับ!”
“พ่อจะต้องหาโอกาสไปที่บ้านของซูชิงให้ได้สักวัน ต้องไปขอบคุณแม่ของเธอและพ่อต้องเขียน IOU ให้เธอด้วย” หลินเจิ้งตงเป็นคนซื่อตรงและถ้าเขาไม่ได้ทำ IOU ให้แม่ของซูชิงเขาก็คงนอนไม่หลับแน่
“โอ้ ใช่!” เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลินปู้ฟานจิบน้ำและพูดออกมา “พ่อ แม่ของซูชิงได้ติดต่อโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนประจำจังหวัดไว้ให้เราแล้ว อาการของแม่ตอนนี้ควรไปรักษากับแพทย์แผนจีนจะดีกว่าให้แม่ได้บำบัดด้วยแพทย์แผนจีนก่อน เมื่อหาไตให้แม่ได้เมื่อไหร่เราค่อยพาแม่ไปปลูกถ่ายตอนนั้น”
“นี่พวกเราไปรบกวนพวกเขามากมายจริงๆ เอ๊ะหรือว่าแม่ของซูชิงจะชอบแกด้วย?”
“หลังจากผมเจอเธอมาสองครั้ง ผมคิดว่า… อาจจะเป็นอย่างนั้น”
“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพวกเขามองเห็นอะไรในตัวของแก” หลินเจิ้งตงจ้องไปที่หลินปู้ฟานด้วยสายตาที่ตกตะลึง เขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกชายของเขาจะมีเสน่ห์มากมายเช่นนี้
…
วันต่อมา
หลินปู้ฟานแวะซื้อนมและแซนวิช
ในตอนเช้าเมื่อซูชิงมาถึงห้องเรียน ตอนที่เธอกำลังจะใส่กระเป๋านักเรียนไว้ในใต้โต๊ะเธอก็เห็นนมและแซนวิชที่ว่างอยู่ก่อนแล้ว เธอสับสนเล็กน้อยว่าใครเป็นคนเอามาวางไว้
หลินปู้ฟานเคาะโต๊ะของซูชิง “ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบอาหารเช้าแบบไหน ฉันก็เลยซื้อนมกับแซนวิชมาให้”
ซู่ชิงทั้งแปลกใจและมีความสุข
“ขอบคุณ”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เจอกันตอนบ่ายนะ” หลินปู้ฟานกล่าว
“ตกลง ดูเหมือนว่านายต้องการให้ฉันช่วยอะไรบางอย่างใช่ไหม?”
“ใครให้เธอบอกพ่อว่าเป็นแฟนกับฉันล่ะ เมื่อวานฉันไม่มีทางเลือกเลยบอกกับพ่อไปว่าแม่ของเธอจะช่วยย้ายแม่ของฉันไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เพราะฉะนั้นบ่ายนี้เธอต้องไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดกับฉัน”
“งั้น…” ซูชิงกระพริบตาโตสองสามครั้ง “อาทิตย์นี้นายจะพาฉันไปช็อปปิ้งด้วยใช่ไหม?”
หลินปู้ฟานแตะคางของเขาและคิดเรื่องนี้ “ตกลง”
หลังพักเที่ยง หลินปู้ฟานและซูชิงก็ออกจากโรงเรียน พวกเขาไปที่โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนประจำจังหวัดเพื่อทำตามขั้นตอนการส่งตัวผู้ป่วย จากนั้นก็กลับไปที่โรงพยาบาลในเมืองและก็เห็นว่าหลินเจิ้งตงอยู่ที่นี่ด้วย หลังจากทักทายกันแล้วจางซิ่วเยว่ก็รู้สึกเหลือเชื่อที่ลูกชายของเธอกำลังมีความรักกับผู้หญิงที่ร่ำรวยจริงๆ
“คุณซู ขอบคุณที่ให้เรายืมเงิน” จางซิ่วเยว่จับมือของซูชิง
หัวใจของซูชิงอ่อนลง “ลุงกับป้า ได้โปรดเรียกหนูว่าชิงชิง”
“ชิงชิง ลุงกำลังรอหนูอยู่เลย ลุงจะไปบ้านของหนูและเขียนสัญญาเงินกู้ให้กับแม่ของหนู” หลินเจิ้งตงพูดขึ้นมา
“ลุงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกค่ะ เราไม่ใช่คนนอก”
จางซิ่วเยว่และหลินเจิ้งตงที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ดีใจ
หลังจากนั้นไม่นานจางซิ่วเยว่ก็เตือนออกมา “ตอนนี้พวกลูกยังเป็นนักเรียนอยู่ยังต้องตั้งใจเรียนเข้าใจไหม? ถ้าทั้งสองคนเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่แม่จะไม่ห้ามอะไรอีก”
“คุณป้าไม่ต้องกังวล ด้วยเกรดของหนูหนูสามารถเข้ามหาลัยอันดับหนึ่งได้สบายๆ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เกรดของซูชิง แต่ผลการเรียนของหลินปู้ฟานพวกเขารู้ดี เกรดของหลินปู้ฟานสามารถไปได้สูงสุดก็เพียงแค่มหาวิทยาลัยระดับสองเท่านั้น
ในช่วงบ่ายจางซิ่วเยว่ถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนประจำจังหวัด
ค่าใช้จ่ายของหอผู้ป่วยเดียวนี้คือ 500 หยวนต่อวัน
ในห้องมีเครื่องปรับอากาศ ทีวี เฟอร์นิเจอร์ ห้องน้ำเดี่ยว และอุปกรณ์อื่นๆ มากมาย
ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีแจกันบนโต๊ะกาแฟในแจกันมีดอกไม้สดใสอยู่สองสามดอก
แน่นอนว่าห้องนี้เป็นห้องที่ดีที่สุด
หอเดียวต้องจ่ายล่วงหน้าและปู้ฟานก็จ่ายล่วงหน้าไปถึง 5 หมื่นหยวน
แต่หลินปู้ฟานบอกกับแม่ว่าแม่ของซูชิงเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้ทั้งหมด
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง จางซิ่วเยว่และหลินเจิ้งตงก็ต้องตกตะลึงเพราะพวกเขาคิดว่ามันจะเป็นแค่ห้องรวมขนาดใหญ่ที่มี 8 เตียงเท่านั้น พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นห้องเดี่ยวระดับไฮเอนด์แบบนี้
“นี่… ป้าเป็นคนเดียวที่อยู่ที่นี่เหรอ?” จางซิ่วเยว่ถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ค่ะคุณป้า นี่คือห้องเดี่ยว คุณป้านอนลงเถอะคะ” ซูชิงช่วยจางซิ่วเยว่นอนลงและคอยสังเกตจางซิ่วเยว่และหลินเจิ้งตงไปด้วย
ทั้งคู่เป็นแค่คนธรรมดาพวกเขาเลี้ยงลูกอย่างหลินปู้ฟานออกมาได้ยังไง?
ความอยากรู้อยากเห็นที่เธอมีต่อหลินปู้ฟานเพิ่มมากยิ่งขึ้น
“ห้องเดี่ยวนี้แพงเกินไป ไม่มีทางที่…” จางซิ่วเยว่ไม่กล้านอนลง
“คุณป้าสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ”
“ป้าไม่อยากให้หนูต้องเสียเงินมากมายขนาดนี้”
“ตราบใดที่มันช่วยให้คุณป้าหายป่วยได้เร็วขึ้น นี่ไม่ถือว่าเป็นอะไร เรื่องเงินก็เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้น”
“ชิงชิง ป้าสามารถอยู่ในห้องผู้ป่วยทั่วไปได้”
“คุณป้าคะหนูจ่ายเงินทั้งหมดไปแล้ว หนูไม่สามารถเรียกคืนเงินได้ ถ้าป้าไม่อยู่ที่นี่มันก็จะเสียเปล่านะคะ”
“นี่…” จางซิ่วเยว่ทำตัวไม่ถูกและมองไปที่หลินเจิ้งตง
หน้าของหลินเจิ้งตงเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารู้สึกอายเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น
หลินปู้ฟานพูดขึ้นมา “แม่ แม่พักรักษาตัวที่นี่อย่างสบายใจเถอะครับ ส่วนเรื่องที่เหลือไว้หายดีแล้วค่อยว่ากัน”
หลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัด หลินปู้ฟานปฏิเสธแพทย์เวรที่จะเข้ามาดูแลรักษาแม่ของเขา เขาต้องการหมอที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลนี้เท่านั้นที่จะมาเป็นคนที่คอยดูแลแม่ของเขา เขารู้อยู่แล้วว่าหมอที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลประจำจังหวัดคือซุนหว่านหมิน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไตในประเทศจีนและที่สำคัญเขามีชุดการรักษาโรคไตวายด้วย
แต่หลังจากสอบถามหมอในแผนกการแพทย์ เขาก็ได้รู้ว่าซุนหว่านหมินกำลังดำเนินการขั้นตอนการลาออกและจะย้ายไปสหรัฐอเมริกาในเดือนหน้า
หลินปู้ฟานอารมณ์เสีย ทำไมต้องไปอเมริกาด้วย? ดวงจันทร์ที่อเมริกามันกลมกว่าที่นี่หรือไง? แล้วทำไมต้องไปเวลานี้? หลังจากนี้อีกแค่สิบปีประเทศของเราจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจในทุกๆ ด้าน เมื่อถึงเวลานั้นไอ้พวกที่บูชาคนต่างชาติอย่าได้เสนอหน้ากลับมาก็แล้วกัน
ทำไมเหตุการณ์ไม่คาดฝันถึงได้มาเกิดขึ้นในตอนที่เขากำลังต้องการหมอมารักษาแม่ของเขาด้วย
สามวันหลังจากที่จางซิ่วเยว่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัด ซุนหว่านหมินก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตูโรงเรียน…
คอมเม้นต์