อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 12 ไปตายซะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 12 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 12 ไปตายซะ

 

 

หลินปู้ฟานไม่เคยเจอซุนหว่านหมินมาก่อน เขาเคยเห็นแค่รูปของซุนหว่านหมินที่ติดอยู่ที่บอร์ดข่าวของโรงพยาบาลเท่านั้น เขามาทำอะไรที่นี่?

 

 

หรือว่าลูกของเขาจะเรียนอยู่ที่นี่ด้วย?

 

 

หลินปู้ฟานไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขารีบเดินเข้าไปหาซุนหว่านหมินทันที

 

 

หลินปู้ฟานขอร้องด้วยทุกสิ่งเพื่อให้ซุนหว่านหมินมาเป็นหมอประจำตัวให้กับแม่ของเขา แต่ซุนหว่านหมินก็ยังคงปฏิเสธอยู่ดี เขากำลังจะย้ายไปเป็นหมอที่โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา

 

 

“กว่าคุณหมอจะไปสหรัฐอเมริกาก็ตั้งเดือนหน้า ตอนนี้คุณหมอยังมีเวลาอีกมากกว่า 20 วัน ใน 20 วันนี้คุณหมอสามารถมาเป็นหมอประจำตัวให้แม่ของผมก่อนได้ไหม? ผมขอร้องล่ะ” หลินปู้ฟานก้มหัวขอร้อง

 

 

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ หนุ่มน้อย ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนในโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่เก่งกว่าฉัน เธอสามารถขอให้พวกเขามาเป็นหมอประจำตัวของแม่ของเธอแทนฉันได้” ซุนหว่านหมินปฏิเสธ

 

 

หลินปู้ฟานขมวดคิ้ว เขารู้อยู่แกใจว่า ไม่ว่าเขาจะขอร้องอีกมากแค่ไหนมันก็คงไม่มีประโยชน์

 

 

“พ่อ…” เด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนผมหางม้าทาลิปสติกสีชมพูปรากฏตัวต่อหน้าเขา

 

 

เด็กหญิงคนนี้ชื่อซุนหยานเป็นลูกสาวคนเดียวของซุนหว่านหมิน

 

 

ซุนหยานมองไปที่หลินปู้ฟานอย่างสงสัย “นายมีธุระกับพ่อ?”

 

 

หลินปู้ฟานส่ายหัวและจากไปอย่างเงียบๆ

 

 

วันรุ่งขึ้น หลินปู้ฟานได้รู้ว่าสาวเมื่อวานนี้มีชื่อว่าซุนหยาน เธอเรียนอยู่ปี 2 คลาส 5 ซึ่งเป็นคลาสเดียวกับจางเจี่ยตง เพื่อนที่ดีที่สุดของเขา

 

 

หลินปู้ฟานถามจางเจี่ยตงเกี่ยวกับซุนหยานเพื่อดูว่าเขาจะได้อะไรจากซุนหยานหรือไม่

 

 

ในตอนเที่ยง จางเจี่ยตงพาหลินปู้ฟานไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวด้านนอกเพื่อกินอาหารกลางวัน

 

 

จางเจี่ยตงบอกว่าซุนหยานกำลังจะย้ายไปสหรัฐอเมริกา แต่สาเหตุที่เธอต้องไปอเมริกาไม่ใช่เพราะเธอต้องย้ายตามซุนหว่านหมินไป แต่เป็นเพราะว่าเธอนั้นกำลังเจ็บปวดเรื่องความรัก เธอจึงขอพ่อของเธอให้ส่งเธอไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา

 

 

หลินปู้ฟานสนใจขึ้นมาทันที “อ่า…แบบนี้นี่เอง ที่ซุนหว่านหมินต้องไปอเมริกาเป็นเพราะว่าซุนหยานกำลังอกหัก มันเลยทำให้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ เธอจึงขอไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาและซุนหว่านหมินจึงต้องไปกับเธอด้วย”

 

 

“ใช่ ฉันก็ว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแหละ” จางเจี่ยตงพยักหน้า

 

 

หลินปู้ฟานเหล่ตาและคิดในใจ “ถ้าซุนหยานสามารถอยู่กับคนที่เธอชอบที่นี่ได้ เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสหรัฐฯอีกและถ้าเธอจะไม่ไปสหรัฐฯ พ่อของเธอก็จะไม่ไปสหรัฐฯเช่นกันและเขาก็จะสามารถมาเป็นหมอประจำตัวให้แม่ของฉันได้”

 

 

“อืม… มีเหตุผล”

 

 

“ซุนหยานสวยขนาดนี้ ไอ้โง่คนไหนกันที่กล้าหักอกเธอ? ก่อนบ่ายนี้นายไปหามาให้ได้ว่าใครคือคนที่เธอชอบ”

 

 

“ตกลง”

 

 

จางเจี่ยตงมาหาหลินปู้ฟานทันทีที่คาบที่สองของช่วงบ่ายจบลง

 

 

ทั้งสองไปที่มุมเล็กๆ ของสนามเด็กเล่น

 

 

“ปู้ฟาน ฉันเจอแล้วว่าใครคือคนที่ซุนหยานชอบ คนที่ซุนหยานชอบมีชื่อว่าโจวซื่อหมิงเรียนอยู่ปี 3”

 

 

“นายมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าเป็นเขา?” หลินปู้ฟานกล่าวอย่างจริงจัง

 

 

“แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น ฉันถามผู้หญิงหลายๆ คนมาแล้วและทุกๆ คนตอบเหมือนกันหมด” ดวงตาของจางเจี่ยตงแน่วแน่

 

 

หลินปู้ฟานเท้าคางของเขาและคิด

 

 

ซุนหยานถือว่าเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง การที่โจวซื่อหมิงคนนี้บอกเลิกเธอคงเป็นเพราะว่าเขาต้องการโฟกัสกับการเรียนก่อนเพื่อจะสอบเข้าวิทยาลัยในเทอมหน้า

 

 

หลังจากฟุตบอลโลกจบลง เขาจะสามารถทำเงินได้อีกมากมายจากนั้นเขาก็จะติดต่อไปที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ในสหรัฐอเมริกาเพื่อส่งแม่ไปรักษาที่นั่น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือแม่เขาจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัดแค่ไม่นานเท่านั้น

 

 

ด้วยกลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่จะทำให้โจวเจ๋อหมิงและซุนหยานคบกันไปอีกสักหน่อย

 

 

“อืม นายไปเรียกซุนหยานมาที่นี่ตอนนี้ที ฉันมีอะไรบางอย่างจะบอกเธอ”

 

 

ไม่นานหลังจากนั้นซุนหยานก็มา

 

 

เธอตัวเล็กกว่าเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกัน

 

 

เธอมีกิ๊บรูปผีเสื้อสีแดงที่หน้าผากของเธอ ผมหางม้าพลิ้วไหวไปมาและนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงที่ดูน่าหลงไหล

 

 

เมื่อเธอเข้ามาใกล้ เขาก็ได้กลิ่นหอมของดอกมะลิโชยมาจากซุนหยาน

 

 

จางเจี่ยตงไม่ได้เข้ามาด้วย เขามองพวกเขาจากระยะไกล

 

 

มุมของสนามเด็กเล่นเล็กๆ มีแค่พวกเขาสองคน

 

 

ซุนหยานมองขึ้นมองลงไปที่หลินปู้ฟานและแสดงท่าทางดูถูกออกมาก่อนที่จะพูด “คางคกอยากกินเนื้อหงส์ ฉันไม่รับรักนาย”

 

 

หลังจากพูดแล้วเธอก็หันหลังเดินอย่างภาคภูมิใจ

 

 

หลินปู้ฟานรีบคว้าแขนซุนหยาน “เธอกำลังพูดถึงอะไร?”

 

 

“ฮึ่ม! นายไม่ได้เรียกฉันมาเพื่อที่จะสารภาพรักกับฉันเหรอ?”

 

 

สนามเด็กเล่นเล็กๆ แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบอกรักของโรงเรียนนี้ นี่คือความผิดพลาดที่หลินปู้ฟานมองข้ามไป

 

 

“เธออย่าเข้าใจผิด”

 

 

“ฉันเข้าใจอะไรผิด?” ซุนหยานขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แล้วนายเรียกฉันมาที่นี่ทำไม?”

 

 

“เธอกำลังจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเร็วๆ นี้ใช่ไหม?”

 

 

“นายบอกว่าไม่ได้ชอบฉันแล้วจะถามเรื่องนี้ทำไม?” ซุนหยานแสดงสายตาดูถูก

 

 

“ฉันรู้ว่าเธอแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งมาตลอด แต่เขาคนนั้นก็ปฏิเสธเธอใช่ไหม?”

 

 

“นายต้องการอะไร? ต้องการทำให้ฉันอับอาย?” ซุนหยานซิ่วขมวดคิ้วไม่พอใจ

 

 

“อย่าเข้าใจผิดฉันไม่ได้จะทำให้เธออับอาย ฉันแค่อยากจะถามเธอว่า ถ้าหากว่าฉันสามารถทำให้คนที่เธอชอบมาตกหลุมรักเธอได้ เธอไม่ต้องไปเรียนต่อที่อเมริกาได้ไหม?”

 

 

หลังจากได้ยินแบบนั้นซุนหยานก็งง “นายต้องการอะไรกันแน่? นายมีเวลาว่างมากนักเหรอ?”

 

 

“ไม่ ฉันมีเหตุผลของฉัน…”

 

 

หลินปู้ฟานเล่าเรื่องของแม่ของเขา เขาอยากจะขอให้ซุนหว่านหมินมาเป็นหมอเจ้าของไข้ให้กับแม่ของเขา

 

 

“โอ้ฉันจำนายได้แล้ว นายคือคนที่ยืนคุยกับพ่อของฉันที่ประตูโรงเรียน”

 

 

“ใช่นั่นฉันเอง แล้วเธอคิดยังไงกับข้อเสนอของฉัน?”

 

 

หลังจากที่คิดสักพักซุนหยานก็ตอบว่า “ที่ฉันต้องไปอเมริกาก็เพราะฉันไม่อยากจะอยู่ทนกับความผิดหวังที่นี่อีก ถ้านายทำให้เขายอมเดทกับฉันได้จริงๆ ฉันสัญญาเลยว่านอกจากฉันจะไม่ไปเรียนที่อเมริกาแล้วฉันก็จะขอร้องให้พ่อของฉันไปเป็นหมอประจำตัวให้กับแม่ของนายด้วย”

 

 

“เธอทำแบบนั้นได้ด้วย?”

 

 

“แน่นอน! พ่อรักฉันที่สุด เรื่องแค่นี้รับรองว่าไม่มีปัญหา”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง!”

 

 

หลังจากทำข้อตกลงเสร็จแล้วซุนหยานก็เดินกลับไปที่อาคารเรียน หลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็หันกลับมา “คนที่ฉันชอบ เขาดูหล่อ ดูสดใสและมีผู้หญิงมากมายต้องการที่จะคบกับเขา แต่เขาก็ไม่เคยตอบรับใครเลย ดังนั้นโอกาสที่นายจะทำสำเร็จนั้น… มีน้อยมาก”

 

 

“มันก็ไม่เสมอไปหรอก เพราะการที่เขาไม่รับรักเธอ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้ชอบเธอนี่ จริงไหม?”

 

 

เพราะตอนนี้เขาอยู่ปี 3 แล้ว มีความกดดันต่างๆ มากมายโถมเข้ามาในปีสุดท้ายนี้

 

 

“โอเค ฉันจะรอ”

 

 

หลังเลิกเรียน จางเจี่ยตงและหลินปู้ฟานก็ไปยืนดักรออยู่ที่ประตูโรงเรียน

 

 

“นั่นไงเขา” จางเจี่ยตงพูดพร้อมกับชี้ไปที่เด็กชายคนหนึ่ง

 

 

“แน่ใจเหรอว่าเป็นเขา?”

 

 

“แน่นอน ฉันไปยืนยันมาแล้ว”

 

 

เขาเห็นโจวซื่อหมิงเดินไปที่ร้านอาหารตรงข้ามโรงเรียน เขาเอามือล้วงกระเป๋าพร้อมกับสายตาที่จ้องไปที่ไส้กรอกย่าง

 

 

หลินปู้ฟานรอและเฝ้าดูจากด้านหลังพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

 

โจวซื่อหมิงสูงประมาณ 165 ผมยุ่ง หน้าแบนและเต็มไปด้วยสิว

 

 

เท่าที่เห็นนี่มันไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับความหล่อเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ผู้ชายคนนี้คือโจวซื่อหมิงจริงๆ.. เหรอ?” หลินปู้ฟานถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง

 

 

“ฉันรับรองได้เลยว่าเขาเนี่ยแหละโจวซื่อหมิง”

 

 

“สายตาของซุนหยาน?” หลินปู้ฟานรู้สึกสับสนอย่างมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่ซุนหยานพูดในตอนบ่าย – คนที่ฉันชอบ เขาดูหล่อ ดูสดใส และมีผู้หญิงมากมายต้องการที่จะคบกับเขา

 

 

“ทั้งแครอทและผักต่างก็มีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง บางทีซุนหยานอาจจะชอบแบบนี้” จางเจี่ยตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ซุนหยานยังบอกอีกว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ทำไมฉันมองไม่เห็นความสามารถอะไรที่น่าจะมีในตัวเขาได้เลย” หลินปู้ฟานมองไปที่โจวซื่อหมิง

 

 

“นายไม่รู้อะไร โจวซื่อหมิงคนนี้ เขาเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะของนักเรียนที่จัดโดยเขตเมื่อปีที่แล้วและเขาก็เล่นกีตาร์ได้อีกด้วย”

 

 

“อย่างนั้นเหรอ?”

 

 

ในตอนนั้นเองโจวซื่อหมิงก็เอามือแคะขี้มูกของเขาก่อนที่จะดีดลงไปที่พื้นและเช็ดมือกับกางเกงของตัวเอง

 

 

สิ่งนี้ทำให้หลินปู้ฟานรู้สึกว่ารสนิยมของซุนหยานนั้น สุดยอดอย่างมากจริงๆ

 

 

“โจวซื่อหมิง…” หลินปู้ฟานเดินเข้าไปแตะไหล่ของโจวซื่อหมิง

 

 

“นายคือ?” โจวซื่อหมิงถาม

 

 

“ผมชื่อหลินปู้ฟานเรียนอยู่ปี 1 คุณอยากกินไส้กรอกย่างใช่ไหม? เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง”

 

 

“นั่นมัน… เยี่ยมไปเลย ฮิฮิฮิ…”

 

 

สิบนาทีต่อมาในสวนใกล้โรงเรียน โจวซื่อหมิงถือไส้กรอก 10 ชิ้นอยู่ในมือและกำลังกินมัน

 

 

“คุณรู้จักซุนหยานไหม” หลินปู้ฟานถาม

 

 

“แน่นอน เธอมักจะแอบมองฉันอยู่ตลอดเวลาและเธอพึ่งมาที่บ้านของฉันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

 

 

“แล้วคุณคิดยังไงกับซุนหยาน” หลินปู้ฟานถาม

 

 

“ฉันจะคิดยังไงแล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ” โจวซื่อหมิงมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า

 

 

“คุณไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าซุนหยานกำลังแอบชอบคุณอยู่?” หลินปู้ฟานกล่าวด้วยความประหลาดใจ

 

 

“อะไรนะ?” โจวซื่อหมิงอุทาน ไส้กรอกในปากของเขาตกลงพื้น “ซะ.. ซุนหยาน ชอบฉัน?”

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ”

 

 

“ถึงว่าทำไมเธอถึงพยายามมาเข้าใกล้ฉันตลอด เป็นเพราะเธอชอบฉันนี่เอง” โจวซื่อหมิงพูดกับตัวเอง

 

 

เมื่อหลินปู้ฟานเห็นแบบนี้ เขาก็รู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องบังคับหรือหลอกล่ออะไรอีกฝ่ายเลย เพราะผู้ชายคนนี้เองก็กำลังชอบซุนหยานอยู่เหมือนกัน

 

 

“เป็นเพราะคุณปฏิเสธรับรักจากซุนหยานทำให้ตอนนี้เธอกำลังจะไปเรียนต่อที่อมริกาและตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่คุณจะไปสารภาพรักกับเธอ”

 

 

“สะ… สารภาพรัก… ฉันไม่กล้าหรอก”

 

 

“ไม่กล้าอะไร เธอชอบคุณอยู่แล้ว คุณก็แค่บอกไปว่าคุณก็ชอบเธอเหมือนกันก็แค่นั้น เพราะถ้าคุณไม่รีบสารภาพไปตอนนี้ หลังจากเธอไปอเมริกาแล้วคุณจะไม่มีโอกาสอีกเลย เธอเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคมาก ถ้าเป็นผมผมจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่นอน” หลินปู้ฟานตบไหล่โจวซื่อหมิง “เป็นผู้ชายมันต้องมีความกล้ามากกว่านี้”

 

 

“นายแน่ใจเหรอว่าเธอชอบฉัน?”

 

 

“แน่ใจ!” หลินปู้ฟานและจางเจี่ยตงพูดพร้อมกัน

 

 

“ได้ ฉันจะไปสารภาพ”

 

 

ซุนหยานมาถึงที่ปากทางเข้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอนั่งแท็กซี่มาที่นี่ทันทีหลังจากทีได้รับโทรศัพท์จากจางเจี่ยตงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน

 

 

ซุนหยานกดหัวใจที่เต้นแรงของเธอให้สงบลง เธอพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ

 

 

เขาอยากจะสารภาพรักกับฉัน? เขาชอบฉันจริงๆ เหรอ?

 

 

นี่มันเป็นไปได้อย่างไร แล้วทำไมมันถึงเร็วขนาดนี้?

 

 

นี่เป็นราวกับความฝัน

 

 

เมื่อจางเจี่ยตงเห็นซุนหยาน เขาโบกมือและตะโกน “ทางนี้ ทุกคนรออยู่”

 

 

“อื้ม…” ซุนหยานกัดริมฝีปากของเธอแล้วเดินไปพร้อมกับก้มหน้า

 

 

โจวซื่อหมิงถูมือของเขา ตอนนี้เขาทั้งประหม่าและอายมาก

 

 

ด้านข้างโจวซื่อหมิงกับหลินปู้ฟานให้กำลังใจเขา “มาเถอะ ไม่เป็นไรทุกอย่างมันต้องเป็นไปได้ด้วยดี”

 

 

ซุนหยานเดินเข้ามาเธอเงยหน้าและมองไปรอบๆ หลังจากนั้นเธอก็แสดงท่าทางงงงวยออกมา

 

 

“อา … ซุนหยานฉันขอโทษที่ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพยายามทำก่อนหน้านี้ว่ามันหมายถึงอะไร… ที่จริงฉันเองก็ชอบเธอเหมือนกัน เรามา.. เป็นแฟนกันไหม?” โจวซื่อหมิงรวบรวมความกล้าก่อนที่จะตะโกนเสียงดัง

 

 

“หือ?” ซุนหยานอ้าปากค้าง

 

 

หลินปู้ฟานยิ้ม “ซุนหยานฉันทำตามที่ตกลงไว้แล้ว ขอให้ทั้งสองรักกันนานๆ นะ”

 

 

ดวงตาของซุนหยานสับสนอยู่เพียงไม่นาน จากนั้นเธอก็แสดงสีหน้าโกรธออกมา “รักกันนานๆ บ้านแกน่ะสิ ไปตายซะ!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด